จับมือแถลงข่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ ระหว่างพรรคพลังประชาชนกับอีก 5 พรรค ขนาดกลางขนาดเล็ก เพื่อร่วมเป็นรัฐบาล บริหารประเทศต่อไป ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
หลังจากนี้ก็จะมีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีการเลือกประธานสภา เลือกนายกรัฐมนตรี และเจรจาต่อรองแบ่งสรรโควตารัฐมนตรีสำหรับรัฐบาลชุดต่อไป
ผมเป็นคนเคารพในกฎกติกา และได้เขียนไว้แต่แรกแล้วว่า พรรคพลังประชาชนได้รับเสียง สนับสนุนจากประชาชนมากที่สุด จึงสมควรที่จะเป็นแกนในการจัดตั้งรัฐบาล
เว้นเสียแต่จะตั้งไม่ได้ พรรคที่ได้คะแนนเป็นอันดับสองคือพรรคประชาธิปัตย์ ค่อยเข้ารับบทบาทหน้าที่ในการจัดตั้งรัฐบาลต่อไป
เมื่อพรรคพลังประชาชนสามารถเรียกหาพรรคพันธมิตรมาร่วมด้วยได้ และออกมายืนยัน ขันแข็งต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้...รัฐบาลชุดแรกของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จึงต้องมีพรรคพลังประชาชนเป็นแกน โดยจะได้ตำแหน่งสำคัญอันได้แก่ ประธานสภา และนายกรัฐมนตรีไปทั้ง 2 ตำแหน่ง
ส่วนจะเป็นใครนั้นก็แล้วแต่การยกมือสนับสนุนของผู้แทนราษฎรจากพรรคที่เข้าร่วมรัฐบาล จะเป็นผู้ลงมติ
ชอบไม่ชอบอย่างไรก็คงต้องบอกอีกครั้งว่านี่คือกติกา...ต้องให้โอกาสพรรคหมายเลข 1 บริหารประเทศไปก่อน...ไม่ชอบมาพากลหรือไม่ถูกใจเพราะบริหารไม่เอาไหน ค่อยว่ากันอีกทีในวันหน้าวันหลัง
ซึ่งก็มีกติกากำหนดไว้ชัดเจนแล้วในรัฐธรรมนูญว่า วิธีเปลี่ยนหรือไม่เอารัฐบาลชุดใหม่ จะต้องทำอย่างไรบ้าง
สำหรับตัวผมเองนั้นได้ทำตนเป็นบุคคล “จิตว่าง” มาตลอด ก่อนที่การเลือกตั้งจะเริ่มขึ้น
สิ่งที่ผมทุ่มเทให้ ถ้าท่านผู้อ่านพอจะจำได้ก็คือ การอุทิศเนื้อที่คอลัมน์หลายวัน เขียนเชิญชวน ให้พี่น้องประชาชนออกมาใช้สิทธิใช้เสียงให้เต็มที่
มีการนับถอยหลังสู่วันเลือกตั้ง...มีการเขียนชื่นชมที่ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า อย่างหนาแน่น และจากนั้นก็ฟันธงว่าวันเลือกตั้งจริง พี่น้องประชาชนจะออกมา ใช้สิทธิใช้เสียงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ล้วนเป็นการเขียนกระตุ้นและทำหน้าที่ในฐานะคนทำหนังสือพิมพ์คนหนึ่ง เพื่อสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยให้ยั่งยืนสืบไป
หลังจากนั้นท่านก็ออกมาเลือกตั้งด้วยจำนวนและเปอร์เซ็นต์ที่หลายๆฝ่ายพอใจ... รวมทั้งผมเองก็ภูมิใจที่มีส่วนในการเขียนกระตุ้น
มาถึงบทสรุป ท่านเลือกพรรคพลังประชาชนเป็นหมายเลข 1 แสดงว่า ท่านต้องการให้พรรค นี้จัดตั้งรัฐบาล ซึ่งบัดนี้ทุกอย่างก็เป็นไปตามความปรารถนาของเสียงประชาชนส่วนใหญ่แล้ว
แม้ผมจะไม่มั่นใจนักกับเหตุการณ์ในวันข้างหน้า เพราะอุปนิสัยใจคอตลอดจน ความเป็นมาเป็นไปและพฤติกรรมในอดีตของนักการเมือง บางพรรค ที่มาร่วมรัฐบาลเป็นอย่างไรก็รู้ๆกันอยู่
แต่ผมก็จะไม่เขียนอะไรให้เป็นการเสียฤกษ์เสียยามเนื่องในวันแรกของการรวมตัวหรอกครับ เพราะผมเองก็อยากให้มีรัฐบาลใหม่ และอยากให้ ทุกสิ่งทุกอย่างเดินไปข้างหน้ากันเสียที
อย่างเก่งก็จะขอฝากข้อคิดไว้สักข้อ 2 ข้อเท่านั้น
ข้อแรก ขอให้ผู้ที่จะมาเป็นรัฐบาลคิดแต่สิ่งดีๆ ตั้งใจกระทำแต่สิ่งดีๆที่จะเป็นประโยชน์ แก่ประชาชนและประเทศชาติ ดังที่ท่านอ้างคำแล้วคำเล่า ในวันแถลงร่วมด้วยเถิด
ข้อที่สอง อย่าหลงระเริง อย่าได้ใจว่าเป็นผู้ชนะและได้คะแนนจากประชาชน มามากจะคิดทำอะไรๆ ก็ได้ตามอำเภอใจเป็นอันขาด
อย่างที่ผมเคยเขียนไว้แล้ว ประชาชนเสียงข้างน้อยที่มิได้เลือกพรรค ท่านก็มีจำนวนมากมายมหาศาลเช่นกัน
ประชาชนเหล่านี้แหละที่จะจับตาดูการกระทำของท่านทุกฝีก้าวนับแต่นี้ เป็นต้นไป...หากมีเรื่องไม่ชอบมาพากลวันใด การเผชิญหน้าก็จะกลับมาอีก
ความจริงวันนี้ผมตั้งใจมาจากบ้านว่าจะเขียนเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ที่เกิดภาวะหุ้นตกขนานใหญ่หลายวันติดกัน และรัฐบาลของเขาได้ตัดสินใจ ประกาศมาตรการแก้ไขแล้ว ด้วยการคืนภาษีและลดภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ถ้าเขาเป็นอะไรไปย่อมกระเทือนถึงโลก ย่อมกระเทือนถึงไทย และอาจมีผลทำให้ปัญหาเศรษฐกิจของเราที่ซบเซาอยู่แล้วพลอยซบเซามากขึ้น
พอดีมีข่าว 6 พรรค พร้อมจัดตั้งรัฐบาลใหม่เกิดขึ้น ผมจึงต้องเปลี่ยน มาเขียนถึงเรื่องราวของพวกท่านทั้งหลายแทน เพื่อให้ทันเหตุการณ์
ไม่เป็นไรครับ...จะได้ถือโอกาสฝากไว้อีกข้อเลยว่า ถ้าเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ ซวดเซไปย่อมกระเทือนถึงไทยเราไม่มากก็น้อย ดังข้อสังเกตข้างต้น
อย่าลืมหาคนดีมีฝีมือในเรื่องเศรษฐกิจมาเตรียมไว้สักคน 2 คนด้วยล่ะ...เดี๋ยวจะว่าไม่บอก.
"ซูม"
คอลัมน์ เหะหะพาที