เมื่อวันที่ 21 ม.ค. นายทวี สุรฤทธิกุล สมาชิก สนช. กล่าวถึงความคืบหน้าในการรวบรวมรายชื่อสมาชิก สนช.เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติของนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า ตอนนี้คงหมดหวังและสิ้นหวังที่จะรวบรวมชื่อได้ครบ 1 ใน 10 หรือ 22 คน เพราะสมาชิก สนช.ที่เป็นเครือข่าย ออกไปสมัคร ส.ส. และ ส.ว. ประกอบกับระยะเวลาทำหน้าที่ สนช.เหลืออีกไม่มาก ดังนั้นจึงอยากให้มองประเด็นจริยธรรมและคุณธรรมของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อความดีงามของระบบประเทศหรืออย่างกรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่มีข่าวว่าจะมาเป็นประธานสภาผู้แทน ราษฎร ก็ยังมีเรื่องค้างคาอยู่ที่ กกต. หรือกรณีที่มีข่าวว่านายนพดล ปัทมะ จะเป็น รมว.ศึกษาธิการ นายจักรภพ เพ็ญแข จะเป็น รมช.ต่างประเทศ นายจตุพร พรหมพันธุ์ จะเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คนเหล่านี้ยังติดคดีนำม็อบบุกบ้านสี่เสาเทเวศร์ ถูกวิจารณ์และตรวจสอบจากสาธารณะ จึงน่าจะพิจารณาตัวเอง อย่าเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง รอให้พิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการยุติธรรมก่อน
“พะจุณณ์” ยันไม่ได้ร่วมลงชื่อ
พล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป สมาชิก สนช. ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่เคยร่วมลงชื่อคัดค้านนายสมัครขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และไม่ทราบข่าวออกมาได้อย่างไร “ผมไม่รู้เรื่องและไม่เคยทำ เพราะตามมารยาทคงทำเรื่องนี้ไม่ได้อยู่แล้ว เท่าที่สอบถามบุคคลที่มีข่าวว่าร่วมลงชื่อ 2-3 คน รวมถึง น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ก็ปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้น” เมื่อถามว่า ทำไมถึงมีชื่อเข้าร่วมในการคัดค้านครั้งนี้ พล.ร.ท.พะจุณณ์กล่าวว่า ไม่ทราบจริงๆ และไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มทำ เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะพยายามนำ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เข้ามาเชื่อมโยงทางการเมืองอีก พล.ร.ท.พะจุณณ์กล่าวว่า ไม่รู้ว่าคนทำมีวัตถุประสงค์อะไร แต่เอาเป็นว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นตนไม่รู้เรื่อง
“มีชัย” ชี้ไม่ใช่หน้าที่ของ สนช.
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน สนช. กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า หากจะตรวจสอบในฐานะที่เป็น ส.ส. สมาชิกสนช.ไม่สามารถทำได้ เพราะเรื่องของสภาไหนก็ต้องเป็นของสภานั้น จะไปก้าวล่วงข้ามสภาไม่ได้ และถ้าจะตรวจสอบนายสมัครในฐานะเป็นนายกฯ ตอนนี้นายสมัครก็ยังไม่ได้เป็นนายกฯ แล้วจะไปตรวจสอบอะไร อีกทั้ง สนช. ไม่มีหน้าที่ดังกล่าว เพราะรัฐธรรมนูญให้ทำหน้าที่ชั่วคราวเพื่อให้รัฐสภาครบองค์ประกอบ ขนาดการแต่งตั้ง ถอดถอน ยังทำไม่ได้ ซึ่งล่าสุดทราบว่าเรื่องดังกล่าวล้มเลิกไปแล้ว
ระบุคุณสมบัติประธานสภาฯ
เมื่อถามว่า มีเสียงท้วงติงกรณีที่มีข่าวว่านายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน จะเป็นประธานสภาฯ ทั้งที่ยังมีเรื่องร้องคัดค้านอยู่ที่ กกต. นายมีชัยตอบว่า เมื่อ กกต.ประกาศรับรองผลแล้ว ตราบใดที่ กกต.ยังไม่ทำอะไรต่อ ก็ไปทำอะไรเขาไม่ได้ และไม่มีข้อห้าม แต่ถ้ามีการสอยภายหลังการดำรงตำแหน่ง ก็จบ ส่วนเรื่องความสง่างามนั้นอยู่ที่คนจะคิดกันเอง แต่ กกต.จะคิดอย่างไรไม่มีใครรู้ กกต.คงเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วจึงรับรองไป แต่ถ้า กกต.รับรองผลโดยที่รู้ว่ายังมีอะไรอยู่ ความผิดก็จะตกอยู่ที่ กกต. เมื่อถามว่า คุณสมบัติ ของประธานสภาฯควรเป็นผู้ที่คอยประคับประคองให้การประชุมเรียบร้อย ไม่ให้มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย นายมีชัยตอบว่า คุณสมบัติเดียวที่ประธานสภาฯต้องมีคือ สมาชิกส่วนใหญ่เลือก เมื่อเลือกแล้วคงไปว่าอะไรไม่ได้ ส่วนการทำงานในสภาฯต่อไปที่มีคนคาดว่าจะแบ่งขั้วรุนแรงนั้น ยังพูดอะไรไม่ได้ ต้องดูการทำงาน