โดนลองของกันตั้งแต่แมตช์แรกเลย
ว่าที่ “ท่านประธานที่เคารพ” นายยงยุทธ ติยะไพรัช ได้รับเสียงโหวตให้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วยคะแนน 307 เสียง จากต้นทุนพรรคร่วมรัฐบาล 313 เสียง ที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
ไม่แน่นปึ้กเต็มอัตราศึก
แต่ที่ฮือฮาก็คือ ต้นทุนของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นฝ่ายค้านเดี่ยว 164 เสียง ปรากฏตัวเลขที่เลือกนายบัญญัติ บรรทัดฐาน เลยไปอยู่ที่ 167 คะแนน
งอกขึ้นมา 3 แต้มเฉยเลย
และยิ่งถึงคิวของ “ขุนค้อน” นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคพลังประชาชน ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ชิงตำแหน่งรองประธานสภาฯคนที่ 1 ในโควตาของ ส.ส.อีสาน ได้ไป 303 คะแนน แต่แต้มไปงอกให้คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ของฝ่ายประชาธิปัตย์ ได้ไป 170 เสียง
เกินต้นทุนไปถึง 6 คะแนน
แน่นอนกำไรที่เพิ่มขึ้นของนายบัญญัติและคุณหญิงกัลยา ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ นอกจากเป็นเสียงของซีกรัฐบาลที่เพี้ยนไป
อย่างไรก็ดี บังเอิญว่าคิวนี้ตรวจสอบยาก เนื่องจากเป็นการโหวตลับ โดยวิธีให้ ส.ส.เขียนชื่อคนเป็นประธานสภาฯหย่อนใส่กล่องลงคะแนนแล้วนับ ไม่ได้ใช้บัตรแสดงตัว กดปุ่มลงคะแนนแบบปกติ
เช็กพวกแหกโผไม่ได้
แต่เบื้องต้นในคิวของนายยงยุทธ แว่วๆว่า ทีมงานของพรรคพลังประชาชนตั้งแง่สงสัยไปที่พรรคชาติไทย เพราะเป็นพรรคถูกจัดให้นั่งอยู่ข้างหลัง ติดกับทีมพรรคประชาธิปัตย์
ถ่านไฟเก่ายังกรุ่นๆ
ที่แน่ๆคิวนี้ “หนูนา” น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ลูกสาวของ “บิ๊กเติ้ง” นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ก็ชิงลาประชุมไปต่างประเทศ ทั้งๆที่เป็นวาระสำคัญของพรรคร่วมรัฐบาล
สะท้อนอาการค้างคาใจ
ต่อเนื่องจากการแสดงบทพะอืดพะอม จำใจต้องร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน โดยประกาศไม่ขอรับตำแหน่งรัฐมนตรี
ขณะที่ “บิ๊กเติ้ง” ก็ประกาศล่วงหน้า ตระกูลศิลปอาชาจะขอบาย ไม่รับตำแหน่งใดๆในรัฐบาลชุดนี้ โดยลีลาแทงกั๊ก เหมือนไม่มั่นใจ รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคพลังประชาชนจะชนหินโสโครกเมื่อไหร่
เผื่อตีกรรเชียงถอยทัน
ไหนจะฟากของ “เสธ.หนั่น” พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ที่ยังลักลั่นกับฐานะศัตรูถาวรของ “ลุงหมัก” ทำใจจูบปากกันลำบาก
พรรคชาติไทยยังแปร่งๆให้ใจกันไม่เต็มร้อย
ขณะที่คิวของนายสมศักดิ์ ซึ่งแต้มของรัฐบาลไหลไปเพิ่มให้คู่แข่งอย่างประชาธิปัตย์ถึง 6 เสียง ทีมงานของพรรคพลังประชาชนสงสัยกันว่า เป็นศึกสนิมเนื้อใน
เพราะ “ขุนค้อน” เป็นสายตรงของนายเนวิน ชิดชอบ ส่งมาล็อกโควตาสายอีสาน หลังจากประกาศศักดาจะต้องได้ไม่ต่ำกว่า 10 เก้าอี้
โดยท่าทีที่สร้างความหมั่นไส้ให้กับทีม ส.ส. กทม.ของ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองหลวง ที่พักหลังเปิดเกมแทงหลังกันอย่างดุเดือด
งานนี้เลยได้ทีหักหน้ากันในเวทีสภาฯ
และจากผลของคะแนนที่เพี้ยนในคิวโหวตประธานสภาฯและรองประธานสภาฯ ดูท่าเกมหักดิบจะยังไม่จบแค่นี้ เพราะยังมีอีกคิวที่สำคัญกว่าคือ รายการโหวตเลือกนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เป็นนายกรัฐมนตรี
คะแนนจะเพี้ยนอีกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ทีมงานสายตรงฮ่องกงยังมีไพ่เด็ดถือแต้มต่ออยู่ในมือ
ล่าสุด “หมอเลี้ยบ” นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน ออกมาส่งซิกเป็นทำนองว่า การจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีที่มีการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลไว้เบื้องต้น แต่ยังไม่ได้ลงในรายละเอียด
อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอีก
เบื้องต้น สูตรการแบ่งสัดส่วนรัฐมนตรี จะดูว่า ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลมี 315 คน จะแบ่งได้อยู่ที่สัดส่วน 9 คน ต่อรัฐมนตรี 1 คน
ที่แน่ๆ ผลจากอาการแปร่งๆแทงกั๊กของพรรคชาติไทย และรายการสนิมเนื้อในของทีม กทม.กับ ส.ส.อีสานค่ายพลังประชาชน
น่าจะมีคิวปรับโควตารัฐมนตรีอีกเยอะ.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
คอลัมน์ ข่าวการเมือง(วิเคราะห์)