นายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชนและรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ออกจาก ห้องประชุม กกต. เวลาประมาณ 15.20 น. หลังจากที่เข้าชี้แจงต่อกกต.ประมาณ 1 ชม.ครึ่ง โดยเดินทางไปที่ห้องฝ่ายสืบสวนสอบสวนเพื่อรอเซ็นรับคำให้การ จนกระทั่งเวลาประมาณ 16.45 น. นายยงยุทธ ลงลิฟท์มาที่ชั้น 1 ของสำนักงานกกต. เพื่อแถลงต่อสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวอยู่เป็นจำนวนมาก โดยมีสมาชิกพรรคพลังประชาชนและทีมงานตามติดอยู่ตลอดเวลา อาทิ นายสุธรรม แสงประทุม นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ และ ร.ต.ท. เชาวรินทร์ ลัทธิศักดิ์ศิริ
นายยงยุทธ กล่าวว่า ตนมาพบกับสื่อมวลชนโดยที่การสอบพยานของ กกต. ยังไม่แล้วเสร็จ หากตนพูดอะไรที่เป็นประเด็นเสมือนไปกดดัน กกต. ก็คงจะไม่ดี คิดว่าพรุ่งนี้พยานคงจะมาชี้แจงอีกและตนจะเล่าให้สื่อมวลชนฟัง อย่างไรก็ตามเรื่องย่อๆ ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการทั้งหลายนั้นเดิมพันของตนสูงมาก ถ้าหากตนกระทำผิด ก็จะมีคนยื่นเรื่องเพื่อยุบพรรคพลังประชาชนต่อ
นายยงยุทธ กล่าวว่า ถ้า ส.ส.สัดส่วน กระทำผิด ถ้าได้ใบแดงก็จะมีการเลื่อนผู้สมัครส.ส. ลำดับถัดไปขึ้นมา แต่หากได้ใบเหลืองก็ไม่มีสิทธิที่จะลงแข่งขัน เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่านกแลหรือ ส.ส. หน้าใหม่ทั้งหลาย ตอนอยู่ที่บ้านปราศัยกับประชาชนไม่ได้เข้มข้นเท่ากับส.ส.เก่า ถือว่ายังไม่มีผลงาน ก็ยังได้เป็นผู้แทนเพราะความนิยมในนโยบายและกระแสของพรรคที่มาแรงมาก เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วทุกหัวระแหงไม่ใช่เฉพาะที่เชียงราย ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นขบวนการที่ใหญ่โตพอสมควร ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องของผู้ร้องมาแจ้งความเพื่อให้ตนมีความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง แต่ตนคิดว่าหลังจากนี้ไปคงดูการเชื่อมโยง เพราะเขาอ้างว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม แต่กลับมาร้องเมื่อวันที่ 21ธ.ค. ซึ่งใช้เวลา กว่าจะมาร้องถึง 54 วัน กลุ่มพยานทั้งหลายมีการนำมาออกข่าวอยู่ตลอดเวลาว่าถูกอิทธิพล แต่ปรากฎว่าหลายท่านถูกกดดัน โดยเฉพาะจากเจ้าหน้าที่บางฝ่าย ซึ่งตนคิดว่าคำชี้แจงของพยานก็คงจะเป็นเครื่องยืนยันได้ ตนคงไม่พูดให้มากกว่านี้ คาดว่าจะสามารถเล่าให้ฟังได้หลังจากนี้
นายยงยุทธ กล่าวว่า การเชื่อมต่อกันระหว่างพรรคการเมืองทั้งหลาย โดยเฉพาะบุคคลสำคัญของพรรคที่แข่งขันกันจัดตั้งรัฐบาล ไม่มี ส.ส.ลงสมัครในพื้นที่ โดยอ้างว่าข้อมูลรั่วบ้างอะไรบ้าง หมายถึงนักการเมืองบางฝ่ายที่เป็นฝ่ายตรงข้าม แต่ท้ายที่สุดข้อมูลที่ออกไปตามสื่อเป็นข้อมูลจากฝ่ายเขาทั้งหมด ซึ่งเรายังไม่ได้เห็นพยานหลักฐานหรือข้อกล่าวหาเลย แต่พยานเหล่านี้กลับตกไปอยู่ในมือฝ่ายตรงกันข้าม ก็น่าคิด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ตนฝากไว้เป็การบ้านว่า หลังจากที่ผลของ กกต. จะออก ไม่ว่าจะเป็นใบอะไรก็ตาม ตนจะออกมาชี้แจงให้สังคมได้เห็น เพราะหากตนเอาสิ่งเหล่านี้มาพูดตอนนี้จะเป็นการกดดัน กกต. จึงให้พรรคที่แย่งกันจัดตั้งรัฐบาลพูดข้างเดียวไปก่อน ตนขอรอฟังข่าวก่อน
นายยงยุทธ กล่าวต่อไปว่า บุคคลที่เกี่ยวข้องมีตัวตนมีขบวนการ ถ้าเอ่ยชื่อ ทุกคนก็ต้องรู้ว่ามีใครบ้าง ซึ่งวันนี้แม้กระทั่งพยานเองก็กล้าระบุชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐว่าใครไปกดขี่ข่มเหง กดดัน ข่มขู่พยานบ้าง ซึ่งคนที่เกี่ยวข้องสามารถเชื่อมโดยงผู้บงการที่อยู่ข้างหลังได้ด้วย โดยผู้บงการ หมายถึงผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการกระทำครั้งนี้ เพราะฉะนั้นคนที่ร่วมขบวนการที่มาร้อง เรื่องนี้ ตนขอยืนยันว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการที่ได้รับประโยชน์ จากการกระทำแต่ก็หากการกระทำสำเร็จผลตามที่เขาต้องการแล้ว ผู้ที่มาร่วมก็ยังได้ประโยชน์น้อยกว่าไอ้โม่งที่อยู่ข้างหลัง ซึ่งอันนี้ตนขอพูดแค่นี้ นายยงยุทธ กล่าวว่า ภายหลังจากที่ กกต. ประกาศผลแล้วไม่ว่าจะออกมาเป็นใบอะไร ตนจะชี้แจงให้ทราบอีกครั้ง
กรณีที่มีกลุ่มบุคคลไปพบ นายยงยุทธ กล่าวว่า ความเป็นจริงกลุ่มบุคคลที่มาพบตน มีคนที่ชักนำมาหรือมีนกต่อ ชักชวนให้มาเยี่ยม โดยเมื่อมารอที่พรรคอยู่ครึ่งวันแล้วก็ไม่เจอตน จากนั้นจึงไปตามหาตนซึ่งประชุมอยู่ที่โรงแรมตามที่เป็นข่าว แต่ก็ยังไม่เจอตนจนกระทั่งประชุมเสร็จแล้วได้เข้าไปทักทายแล้วพูดคุย
"ผมบอกว่าขอบคุณนะ เพราะผมยังกลับไปเยี่ยมบ้านไม่ได้ เนื่องจากเดี๋ยวถูกยิงกะบาล เพราะพ่อแม่พี่น้องก็เป็นห่วงผม ผมได้ลงพื้นที่ที่จังหวัดเชียงรายในวันที่ 18 ตุลาคม ตอนที่ท่านสมัคร(นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน) ไปปราศัยแล้วหลังจากนั้นก็ลงพื้นที่ช่วงเดือนธันวาคมซักครั้งสองครั้งเองก็ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เลย ซึ่งหลังจากขอบคุณแล้วก็ได้พูดคุยเรื่องอื่นอีกซึ่งผมจะไม่นำมากล่าวในที่นี้เพราะผมให้การ กกต. ไป แล้วหลังจากนั้นมาก็มีการสร้างพยานหลักฐานเท็จ แม้กระทั่งการสร้างบิลบ้างอะไรบ้าง มีการชี้แนะ เป็นการพลอตเรื่องเหมือนกับการล่อซื้อของพนักงานสอบสวน พูดง่ายๆว่าอย่างนั้น ซึ่งมันเกินธรรมชาติ มันเกินจริง พอคนมาเห็นเข้าทุกคนจะตกใจ มีแผนผังมีชาร์จ เหมือนขบวนการใหญ่ แต่สุดท้ายโอกาสที่จะมาเจอผมมันนิดเดียวแทบจะไม่มีอะไรเลย ใจผมก็อยากจะพูด แต่ว่าจะทำให้การทำงานของ กกต.มีความลำบาก เอาไว้ให้เสร็จก่อนจะเล่าให้ฟัง" นายยงยุทธกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายถึงมีการจัดฉากใช่หรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ตนเชื่อว่ามีขบวนการที่สร้างเรื่องขึ้นมา ร้อยเปอร์เซ็นครับ ไม่ใช่แค่จัดฉากแต่ทั้งหมดเป็นขบวนการ เพราะผมเป็นเป้าหมาย เนื่องจากผมเป็นรองหัวหน้าพรรคคนที่ 1 เพราะกฎหมาย บอกว่าถ้าผมกระทำผิดอะไร ถือได้ว่าพรรคทำผิดด้วย เพราะฉะนั้นเดิมพันผมมันสูง พอผมไม่ลงพื้นที่แล้ว ก็เอาฉากมาสร้างที่กรุงเทพเสียเลย
เมื่อถามว่ามองว่าพรรคชาติไทย ซึ่งเป็นผู้ร้อง จัดฉากขึ้นมา นายยงยุทธ กล่าวว่า ไม่เฉพาะพรรคใด แต่เป็นขบวนการและตนไม่ตอบคำถามนี้ เอาไว้ตนเล่าให้ฟังแล้วทุกคนจะร้องอ๋อ กันทั้งประเทศ
"ไม่ใช่ว่าผมผิด แต่หมายถึงขบวนการที่สร้างกันขึ้นมา เพื่อที่จะให้เราไปติดกับดัก ไม่ใช่ว่าผมซื้อของแล้วติดกับดัก มีการล่อให้ติดกับดักแต่ไม่ได้เป็นอย่างงั้น" นายยงยุทธ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่มีซีดีออกมา นายยงยุทธ กล่าวว่า ซีดีตามข่าว เป็นการถ่ายทำตอนที่ผู้นำทั้งหลายขึ้นเครื่องและลงเครื่องและถ่ายว่ามีรถราชการไปรับ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับ ที่เขามากัน เพราะมีบุคคลที่มาติดต่อกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวกับมลพิษ ซึ่งเขานัดกันแล้วมาประจบกันพอดี ก็เลยเอา 2 เรื่องนี้มาผสมกันเพื่อให้รู้ว่าเป็นการใช้อำนาจเท่านั้นเอง ตนมีหลักฐานทั้งหมด เพราะการติดต่อระหว่างเจ้าหน้าที่ของกรมที่ดูแลเรื่องนี้อยู่ กับ บุคคลที่มาแล้วประจวบเหมาะกับพวกกำนัน เขามีการติดต่อกันล่วงหน้าแล้ว ซึ่งพอรถมารับมาประสานงานกันเกี่ยวกับการประเมินสิ่งแวดล้อมเพราะสวนส้มโดนสารพิษ ซึ่งมีมาก่อนหน้านี้เป็นปีแล้ว คงไม่ได้เกี่ยวกับการซื้อเสียงว่าเตรียมมาเป็นปี มันเป็นเรื่องของเขา แล้วมีการเอา 2 เรื่องมาประกบกันเท่านั้นเอง
ต่อข้อถามว่าตัวละครหลักมีกี่ตัว นายยงยุทธ กล่าวว่า ตัวละครมีเยอะ แต่เอาไว้บอกในภายหลัง และคนที่พากำนันมาแล้วเอาตั๋วไปให้เขา ก็เป็นบุคคลที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่นที่เป็นปฏิปักษ์ด้วย และที่สำคัญคือเข้ารับการบำบัดหลังติดยาเสพติดและมีประวัติเป็นซุ้มมือปืนด้วย
"ตอนสมัยผมอยู่เขาไม่มีบทบาท แต่พอผมถูกปฏิวัติ ไปอยู่ต่างประเทศแล้ว คนนี้ถูกเชิดหน้าชูตาขึ้นมาโดยผู้มีอำนาจบางคน เขาหาเสียงก็หาเสียงให้พรรคอื่น ชาวบ้านก็รู้กันหมด หนูๆ ทั้งหลาย เดินไปก็รู้ว่าคนนี้หาเสียงให้ใครเรื่องอย่างนี้ไม่ใช่อยู่กันแค่คนสองคน ชาวบ้านเขาก็รู้กันทั้งบาง ผมเชื่อมั่นว่า กกต.ก็รู้ว่าใคร ที่เขามาไม่ใช่ว่ามาเยี่ยมผม คนๆ นี้จะมาใช้บารมีผมในการทวงเงินแต่ไม่ใช่เป็นเสธฯนะ แต่หมายถึงหนี้ของพวก สจ. ซึ่งเป็นการอ้างเพื่อให้ครบองค์ประกอบในการมาเท่านั้นเอง" นายยงยุทธ กล่าว
ทั้งนี้นายยงยุทธ กล่าวว่า กกต. ซักถามด้วยบรรยากาศที่ดี มีการให้เกียรติ แต่ปฏิเสธที่จะตอบว่า ที่ประชุม กกต. ถามอะไรบ้าง.
พีทีวี นิวส์
08 มกราคม 2551 เวลา 20:27 น.