บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2551

นายกฯเข็ดการเมือง วอนทุกฝ่ายเลิกโจมตีพล.อ.เปรม

นายกฯเข็ดการเมือง เผยหลังลงจากตำแหน่งจะใช้ชีวิตส่วนใหญ่ที่นี่ ไม่คิดกลับเล่นการเมืองอีก ยอมรับสมานฉันท์ทำยากเพราะแต่ละฝ่ายไม่ยอมลดทิฐิ วอนทุกฝ่ายเลิกโจมตีพล.อ.เปรม หวั่นกระทบสถาบัน ยอมรับ'ทักษิณ'ยังมีอิทธิพลในเมืองไทย เพราะเป็นนายกฯถึง 6 ปี

วันนี้ ที่บ้านพักบนเขายายเที่ยง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย พร้อมด้วยท่านผู้หญิงจิตรวดี จุลานนท์ ภริยา ได้เปิดบ้านพักให้สื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชม อย่างเป็นทางการ หลังจากที่เคยรับปากเอาไว้ โดยทันทีที่เดินทางมาถึงนายกรัฐมนตรีได้พาผู้สื่อข่าวเดินชมตามจุด ต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นมุมโปรด เพราะสามารถมองเห็นจุดชมวิวของลำตะคอง และอ.เขาช่อง ได้ทั้งหมด

ทั้งนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ เปิดเผยว่า มักจะใช้จุดตรงนี้เป็นที่พักผ่อน อ่านหนังสือ มานั่งแล้วสบายใจ มองไปข้างล่างเหมือนเมืองตุ๊กตา และคิดว่าเมื่อหมดภาระการเป็นนายกรัฐมนตรีจะมาใช้ชีวิตส่วนใหญ่บนเขายายเที่ยง ส่วนที่มีการวิเคราะห์ว่าตนได้จะกลับไปทำหน้าที่เป็นองคมนตรีอีกครั้งนั้น ก็ยังไม่อยากพูดถึงเพราะ เป็นเรื่องที่คาดเดา ไม่ได้ อย่างไรก็ตามความหวังของตนในขณะนี้ก็คือการหมดภาระหน้าที่ ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยเร็ววัน

จากนั้นนายกรัฐมนตรี ก็ได้พาสื่อมวลชนเดินดูบริเวณโดยรอบพื้นที่ทั้งหมดของบ้านพักอย่างสบายใจ และมีท่าทีที่ผ่อนคลาย โดยได้ชี้ให้ผู้สื่อข่าวดูบ้านพักของนายไพโรจน์ รัตตกุล เจ้าพ่อน้ำดำ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงภายในรั้วเดียวกันด้วย โดยเปิดเผยอย่างอารมณ์ดีว่าบ้านหลังดังกล่าวนายไพโรจน์มาขอสร้าง เพื่อเป็นที่พักผ่อน ครั้งแรกจะขอซื้อที่ แต่ตนขายให้ไม่ได้ เพราะไม่มีโฉนด และบ้านหลังนี้ก็เป็นที่มาของข่าว มีโบกี้รถไฟของตน ซึ่งความจริงไม่มี แต่ถ้าถ่ายไกลๆ มายังหลังคาบ้านก็มีความคล้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมวงรับประทานอาหารกลางวันกับกลุ่มผู้สื่อข่าว ซึ่งได้จัดซุ้มอาหารพื้นเมืองไว้ต้อนรับ อาทิ ส้มตำ ไก่ย่าง ผัดหมี่โคราช เป็นต้น ทางด้านท่านผู้หญิงจิตรวดีก็ได้เปิด ให้สื่อมวลชนเข้าไปดูถึงภายในบ้านพักที่ใช้เป็นห้องนอน โดยเป็นเพียงห้องโล่งๆ มีเปลสนามไว้นอนเท่านั้น

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลเกียร์ว่างว่า การที่เป็นรัฐบาล ก็ไม่ได้แปลว่าจะทำอะไรได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเสนอกฎหมายเข้า สนช.ก็ทำได้ลำบาก หรือเรื่องที่ให้จัดการกับอำนาจเก่าก็เป็นเรื่องที่ยากเพราะมีแต่ข้าราชการ ที่ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลเขาต้องทำงาน ดังนั้นแต่ละเรื่องไม่ได้ทำได้ง่ายๆ แม้กระทั่งการสร้างความสมานฉันท์ที่ได้ประกาศไว้เพราะคนที่มองว่า เป็นพวกเดียวกัน เช่นกลุ่มพันธมิตร ก็ไม่ได้มองว่าเราเป็นพวกเดียวกันทำให้ทำงานลำบาก ทั้งนี้การสร้างความสมานฉันท์นั้น ถ้าใช้วิธีพูดคุยกันได้ก็จะเป็นประโยชน์ และมันไม่มีทางอื่น ซึ่งในช่วงต้นที่เข้ามาทำหน้าที่ก็พยายามที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งแล้วพยายามที่จะเป็นตัวกลางประสานกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่โทรศัพท์มาหา จากนั้นก็นำคำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณ ไปบอกกับพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน แต่ต่างฝ่ายก็ต่างมีทิฐิต่อกันทำให้ยังมีปัญหา

เมื่อถามว่าแต่ในบ้านเมืองเราแบ่งกันเป็นคนละขั้วชัดเจน นายกรัฐมนตรี ตอบว่า พอถึงระยะหนึ่งมันก็จบเพราะทุกอย่างเป็นไปตามวงรอบมีเกิดก็ต้องมีดับ ส่วนจะไปถึงจุดนั้นเมื่อไหร่ตนคงตอบไม่ได้ เหมือนกับเพลงของทหารเรือที่บอกว่าเรื่องอนาคตเราไม่รู้ แต่ถึงไม่รู้เราก็ต้องเดินหน้าต่อไป ซึ่งการแก้ไขปัญหาทั้งหมดก็ต้องมาสู่จุดของการพูดคุยหารือ และลดทิฐิก็จะมีทางออก

'หลังจากนี้ผมคงจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกแล้ว เพราะชีวิตผมไม่เคยชอบและคิดที่จะเข้ามาเล่นการเมือง เพราะครอบครัวของผมเจ็บปวดมามากพอแล้ว คุณตาของผมก็ถูกยิงเสียชีวิตที่นี่ ส่วนพ่อก็ไปเสียชีวิตที่ประเทศจีน ผมรู้สึกดีถึงความสูญเสีย ก็ไม่อยากให้ครอบครัวและลูกต้องรู้สึกสูญเสียเหมือนอย่างผม ซึ่งเมื่อผมลงจากตำแหน่งไป และมีรัฐบาลใหม่เข้ามา แม้นโยบายที่ดีๆ จะเปลี่ยนไป ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่ ผมคงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือขอรับเป็นที่ปรึกษาก็ไม่ขอรับ เพราะผมเข็ดกับการเมืองมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเข็ดตอนนี้' พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าว

พล.อ.สุรยุทธ์ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวความขัดแย้งกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่ได้มีปัญหาหรือมีความขัดแย้งอะไร แต่คงไม่ถึงขั้นเป็นคอหอยกับลูกกระเดือก ยังทำงานด้วยกัน และรู้ว่าใครมีขีดความสามารถแค่ไหน

ผู้สื่อข่าวถามถึงความขัดแย้งระหว่างนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน กับพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนรู้จักนายสมัครเป็นการส่วนตัว สมัยเป็นรัฐมนตรีและรองนายกฯ แต่ก็ไม่ทราบว่านายสมัครมีปัญหาอะไรกับพล.อ.เปรม เพราะอดีตที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไร และก็รู้ๆกันว่าพล.อ.เปรมเป็นคนที่จะไม่ค่อยจะพูดจาอะไรมากมาย แต่ที่มีการนำพล.อ.เปรมมาเชื่อมโยงกับเรื่องต่างๆ

เป็นเรื่องที่ควรระมัดระวัง ถ้าไม่ทำได้ หรือเบาๆ ลงหน่อยก็เป็นเรื่องทีดี เพราะในฐานะที่เป็นประธานองคมนตรี ไม่ควรจะถูกนำมาเชื่อมโยงกับเรื่องใดๆเพราะเมื่อเป็นข่าวก็มักจะถูกนำไปเชื่อมโยงกับสถาบัน สำนักข่าวต่างประเทศก็จับตามองอยู่ ทำให้เกิดผลเสีย ดังนั้นถ้าผู้ที่เกี่ยวข้องลดการทำให้เกิดความขัดแย้งเหมือนอย่างที่เราใส่เสื้อเรารักในหลวง แต่ถ้าไม่ปฏิบัติตาม ในหลวงก็เหนื่อย เพราะพระพลานามัยของท่านก็ยังไม่แข็งแรง พระเพลาก็ไม่แข็งแรง ดังนั้นเราคนไทยต้องมาดูว่าจะช่วยกันได้อย่างไร

เมื่อถามว่าคิดว่าคิดว่านายสมัครจะเพลาการโจมตีพล.อ.เปรมลงได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ตอบแทนคนอื่นไม่ได้ เมื่อถามว่าก่อนที่จะลงจากตำแหน่งจะเป็นตัวเชื่อมให้ทุกฝ่ายมาพูดจา หารือ เพื่อให้ยุติความขัดแย้งหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่าจะเป็นไปได้ในระยะเวลาสั้นๆ นี้ได้หรือไม่ เพราะอดีตที่ผ่านมาเราต้องใช้เวลานาน

เมื่อถามว่าจะคุยกับพรรคพลังประชาชนหรือแกนนำรัฐบาลใหม่เพื่อขอไม่ให้พูดจาพาดพิงถึง พล.อ.เปรม หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในขณะนี้คงจะยังไม่มีโอกาส เพราะเรื่องเฉพาะหน้าคือการเปลี่ยนผ่าน รัฐบาล ต้องทำส่วนนี้ก่อน เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งนี้เวลาจะช่วยให้เรื่องราวต่างๆ ผ่านไปได้แต่ต้องไม่ทำเรื่องใหม่เพิ่มเข้าไปอีก บาดแผลที่มีอยู่ก็จะค่อยๆรักษาตัวเอง

เมื่อถามว่ามองว่านายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ที่นายสมัครตอบคำถามสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมาถือว่าดีที่สุดแล้ว เพราะการเลือกนายกฯ ก็ต้องเลือกในสภาฯ ไม่ใช่เลือกข้างหน้า คือพรรคร่วมรัฐบาลต้องหารือกันแล้วไปโหวตในสภาฯ ส่วนนายสมัครมีคุณสมบัติที่จะเป็นนายกฯ ได้หรือไม่นั้นตนไม่ขอพูดในเรื่องของตัวบุคคล

อยู่ที่พรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องจะโหวตให้ อย่างไรก็ตามถ้าถามในฐานะที่ตนเป็นคนไทยคนหนึ่ง ก็อยากได้นายกฯ ที่มีความซื่อสัตย์ ซื่อตรง ทำงานเพื่อส่วนรวมและมีความจงรักภักดีต่อสถาบัน ทั้งนี้เมื่อได้ ้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ตนจะหาโอกาสพูดคุยเพื่อฝากงานต่อกับนายกรัฐมนตรีคนใหม่อย่างเปิดเผยต่อไป

พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับผลการเลือกตั้งที่ออกมาก็ถือว่าตรงใจตน เพราะคนที่ตนเลือกก็ได้เข้ามา ส่วนที่พรรคพลังประชาชนได้เป็นรัฐบาลอีกนั้น เราก็ต้องยอมรับผลการตัดสินของประชาชน เสียงส่วนน้อยก็ต้องยอมรับเสียงส่วนใหญ่

เมื่อถามว่าคิดว่าหลังจากเลือกตั้งแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ควรเดินทางกลับประเทศเลยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณว่าจะตัดสินใจอย่างไร เป็นสิทธิของท่าน แต่ถ้าเป็นไปได้ ตนก็อยากให้กลับมา ต่อสู้ในทางคดี ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี ส่วนคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เดินทางกลับมาก่อนนั้น ตนไม่รู้ว่ามีเจตนาอะไร และไม่คิดว่าเป็นการกรุยทางเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมา ทั้งนี้หลังจากที่คุณหญิงพจมานกลับมาแล้ว

ตนก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกันเลย เมื่อถามว่าจนถึงวันนี้คิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณยังมีอิทธิพลในเมืองไทย มากน้อยแค่ไหน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯ มาถึง 6 ปีก็ต้องมีพวกมีเพื่อน รวมทั้งมีเงินด้วย สังคมก็มองเหมือนกันว่าคนที่อยู่ในฐานะแบบนี้ก็น่าจะมีบารมีและอิทธิพลบ้าง เพราะไปถามชาวบ้านในต่างจังหวัด ส่วนใหญ่ก็ยังมีความชื่นชอบในตัว พ.ต.ท.ทักษิณ

'ส่วนอนาคตความเชื่อมั่นและบารมีในตัวคุณทักษิณจะเป็นอย่างไรคงตอบไม่ได้ แต่วันนี้ก็วิเคราะห์ได้ว่ายังมีบารมีอยู่ ตัวคุณทักษิณเองอยากกลับมาในเมืองไทย โดยให้เหตุผลว่าเป็นห่วงครอบครัว ซึ่งผมก็ได้นำสิ่งเหล่านี้ไปพูดคุยกับ พล.อ.สนธิว่ามีทางดำเนินการอย่างไร แต่จนถึงวันนี้ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าไปมากกว่าเดิม' พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าว

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker