บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ข้อเสนอต่อสามเกลอ : จากมวลมหาประชาชนก้าวสู่มวลชนอันไพศาล เพื่อจบปัญหาทั้งปวง

ที่มา Thai E-News



โดย Pegasus
20 สิงหาคม 2552

มวลชนอันไพศาลนี้ จะต้องมีการจัดตั้งเหมือนหน่วยกำลังทหาร แต่ปราศจากอาวุธ มีลักษณะเหมือนหมวด เหมือนกองร้อยชัดเจน มีระบบการติดต่อที่รวดเร็ว และแยกอิสระเป็นเครือข่ายเพื่อเอาชนะระบบการสั่งการแบบปิระมิดของทางราชการที่ล้าหลัง สามารถเคลื่อนที่มารวมกันได้ แยกกันหลบหนีได้อย่างรวดเร็ว สามารถทำให้มวลชนจำนวนเป็นล้านคนมาชุมนุม ณ จุดใดก็ได้ในกรุงเทพฯโดยไม่ต้องใช้การเชิญชวนผ่านเวทีปราศรัย หรือแยกกันไปชุมนุมกระจายทั้งกรุงเทพฯทุกจุดพร้อมกันโดยไม่มีใครรู้ตัวล่วงหน้า




กล่าวนำ

ภายหลังการทูลเกล้าฯถวายฎีกาเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 52 ไปแล้วภารกิจของกระบวนการประชาธิปไตยยังไม่จบสิ้น

ตรงกันข้ามกลับต้องเร่งมือมากยิ่งขึ้น เนื่องจากทำให้ฝ่ายอำนาจต้องเร่งมือในการปราบปรามประชาชนเร็วยิ่งขึ้น ทั้งจากกำลังทางฝ่ายความมั่นคงและกฎหมายที่ออกโดยฝ่าย คมช.

ถ้าหากว่าปาฏิหาริย์เกิดขึ้นก่อนการจัดกระบวนทัพของฝ่ายอำนาจ ก็นับว่าเป็นโชคดีของประชาชน แต่หากว่ามีการพลิกแพลงให้มีการจัดกำลังกองทัพให้เข้มแข็งแล้วก็จะเป็นการยากที่จะไม่สูญเสียชีวิตประชาชนจำนวนมากจากสงครามกลางเมือง แม้ว่าฝ่ายประชาธิปไตยจะชนะในที่สุดก็ตาม

และหากว่าโชคดีมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสม ไม่เกิดการสูญเสียชีวิต กระบวนการประชาธิปไตยก็ยังคงต้องก้าวต่อไปให้รวดเร็วเพื่อปกป้องชีวิตของผู้บริสุทธิ์ที่อาจถูกทำร้ายต่อมาได้เนื่องจากไม่มีหลักประกันอะไรที่แน่นอนจากฝ่ายประชาธิปไตยในการปกป้องสิทธิและเสรีภาพของประชาชน

ในกรณีที่ฝ่ายเหลืองควบคุมอำนาจความมั่นคงนั้น การกวาดล้างประชาชนและปิดประเทศอาจเกิดขึ้นได้ หากจำลองเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียที่มีการใช้กำลังกับประชาชนก่อนจากนั้นรักษาสถานภาพของตนเองเอาไว้ให้ยาวนานที่สุด

ประกอบกับข่าวลือถึงคำสั่งที่ว่ากันว่า แว่วออกมาจากวิทยุของฝ่ายทหารในช่วงวันสงกรานต์ปีนี้ว่า “มาหมื่นตายหมื่น มาแสนตายแสน” ประเด็นนี้สมควรสำนึกอย่างจริงจังอยู่เสมอ

และแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์พิเศษอะไรขึ้นก็ตาม ก็อาจหมายความเพียงว่า มีการเปลี่ยนมือในการถือกำลังของฝ่ายอำนาจเท่านั้น การกดขี่ การแอบสูบเลือดประชาชนและการใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมยังคงอยู่อย่างสมบูรณ์เหมือนสมัยนายกสมัครฯและนายกสมชายฯได้โดนกระทำให้เห็นเป็นตัวอย่างมาแล้ว

ตรงกันข้าม หากได้มีการแปรเปลี่ยนให้มวลมหาประชาชนเป็นมวลชนอันไพศาลแล้ว ปัญหาด้านการเมืองไทยจะยุติลงอย่างรวดเร็ว และแม้ว่าจะมีการเร่งใช้กำลังในการปราบปราม กองกำลังที่ออกมาปราบนั้นเองก็จะไม่เหลือรอดกลับไปบ้านได้อย่างแน่นอน

นอกจากนั้นในระยะยาวยังเป็นการสถาปนาระบอบประชาธิปไตยโดยมวลชนที่จะกุมอำนาจทางการเมือง เป็นผู้เลือกผู้แทนราษฎรเองและกดดันให้ผู้แทนทั้งหลายต้องฟังเสียงประชาชนในเขตเลือกตั้งของตน ไม่สามารถทรยศต่อประชาชนได้ตามใจตัวเองอีกต่อไป

มวลชนอันไพศาลนี้ จะต้องมีการจัดตั้งเหมือนหน่วยกำลังทหารแต่ปราศจากอาวุธ มีลักษณะเหมือนหมวด เหมือนกองร้อยชัดเจน มีระบบการติดต่อที่รวดเร็ว และแยกอิสระเป็นเครือข่ายเพื่อเอาชนะระบบการสั่งการแบบปิระมิดของทางราชการที่ล้าหลัง มวลชนสามารถเคลื่อนที่มารวมกันได้ แยกกันหลบหนีได้อย่างรวดเร็ว สามารถทำให้มวลชนจำนวนเป็นล้านคนมาชุมนุม ณ จุดใดก็ได้ในกรุงเทพฯโดยไม่ต้องใช้การเชิญชวนผ่านเวทีปราศรัย หรือแยกกันไปชุมนุมกระจายทั้งกรุงเทพฯทุกจุดพร้อมกันโดยไม่มีใครรู้ตัวล่วงหน้า


มีมวลชนในจังหวัดต่างๆทั่วประเทศไทยพร้อมที่จะเข้ามาสมทบได้อย่างรวดเร็วหรือชุมนุมในตัวจังหวัดนั้นตามที่มีการนัดหมายล่วงหน้าไม่เกิน 1 ชั่วโมง

ภารกิจของมวลชนเหล่านี้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวคือการสถาปนาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและระบบเศรษฐกิจเสรีแบบ SME เชื่อมโยงระหว่างโอทอปและตลาดทั้งในและต่างประเทศเพื่อสร้างเศรษฐกิจของกระบวนการประชาธิปไตยเอง

วัตถุประสงค์

เพื่อแปรสภาพมวลมหาประชาชนเป็นมวลชนอันไพศาล

เป้าหมาย

จัดตั้งมวลชนจำนวน 1 ล้านคนจากมวลมหาประชาชนที่สมัครใจในกรุงเทพฯปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียง

จัดตั้งมวลชนจำนวน 2 ล้านคนจากมวลมหาประชาชนที่สมัครใจในทุกจังหวัดที่เหลือ

จัดตั้งมวลชนประเภทผู้สนับสนุนอีกไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคนที่ส่งเสบียง ที่พักและการขนส่ง

จัดตั้งมวลชนประเภทที่เป็นแนวร่วมเห็นใจฝ่ายประชาธิปไตยที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงมาเป็นมวลชนอย่างแท้จริงแต่ยังไม่พร้อมในการเคลื่อนไหวอีกหลายล้านคน

ระยะเวลาในการจัดตั้งในระยะสั้นก่อนการประกาศโยกย้ายข้าราชการฝ่ายปกครอง ฝ่ายตำรวจและทหารเสร็จสิ้นลง โดยกำหนดให้ใกล้เคียงกับเป้าหมายให้มากที่สุด

ระยะยาวให้จัดตั้งเพิ่มเติมจนกว่าจะครบตามเป้าหมายและขยายตัวต่อไปในทุกเขตเลือกตั้ง

ขยายมวลชนจนปิดล้อมทางเดินทุกหน ทุกแห่งของฝ่ายอำนาจทั่วทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด

ประเมินฝ่ายอำนาจ

การชิงอำนาจในระหว่างเหลืองหรือน้ำเงินทำให้ฝ่ายแดงมีเวลาเพียงพอในการสร้างมวลชน และอาจได้มวลชนติดxxจากข้าราชการที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมาเป็นกองหนุนเมื่อเกิดการจลาจลอีกด้วย

กำหนดพื้นที่ออกเป็นสามส่วนคือในแต่ละเขตเลือกตั้งมีมวลชนที่เป็นฝ่ายประชาธิปไตย ฝ่ายเผด็จการและฝ่ายที่ยังไม่ตัดสินใจที่ต้องช่วงชิง

ในส่วนราชการให้แบ่งออกเป็นสามส่วนคือฝ่ายประชาธิปไตย ฝ่ายเผด็จการ และฝ่ายต้องช่วงชิง

มีภาพ ชื่อ ที่อยู่ของผู้คุมหน่วยกำลังที่จะใช้ในการสลายมวลชนในระดับกองร้อยขึ้นไป รวมทั้งครอบครัว(บิดา มารดา บุตร ภรรยา) ทั้งที่เคยปฏิบัติการ ณ สามเหลี่ยมดินแดง กลุ่มสีน้ำเงิน และในช่วงเดือนตุลาคมเมื่อมีการสับเปลี่ยนกำลัง เพื่อทำความเข้าใจ และห้ามปรามการกระทำอันป่าเถื่อนนั้นเสีย

มีการบันทึกความก้าวหน้าในการขยายมวลชนในพื้นที่ทั้งสองอย่างต่อเนื่อง

ไม่ว่าฝ่ายสีเหลือง หรือสีน้ำเงินจะกระทำการใดๆ ฝ่ายประชาธิปไตยให้ทำการขยายมวลชนอย่างต่อเนื่องด้วยความจริงและการให้ความรู้ตลอดเวลา

ความเสื่อมของการเป็นเผด็จการ การเปิดเผยว่าประเทศไทยยังมีวัฒนธรรมศักดินาอำมาตย์ครอบงำระบบเศรษฐกิจการทำมาหากินและการเมืองไทย ทำให้แนวร่วมของฝ่ายอำนาจลดลงทุกขณะ ทำให้เกิดความจำเป็นในการเร่งปราบเสื้อแดงให้เร็วที่สุด

การจัดตั้งแกนนำและมวลชน

๑. จากรายชื่อฎีกา ให้นำแผนที่ประเทศไทยและเขตเลือกตั้งมาสำรวจแล้วแบ่งซอยให้มีแกนนำประจำทุกพื้นที่ และสร้างมวลชนขึ้นเป็นกลุ่มย่อยๆหลายกลุ่มให้พอเหมาะกับการเคลื่อนย้ายด้วยรถอย่างรวดเร็ว เช่น 20 ไปจนถึง 60 คนให้เหมาะกับรถกระบะ รถตู้หรือรถบัส

๒. แกนนำย่อยระดับต่ำสุดนี้จะมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ระดับอำเภอ และในจังหวัดหนึ่งจะมีหลายกลุ่มใหญ่เรียกว่าเป็นสมัชชาจังหวัด ในกรณี กทม.อาจมีถึง 36 กลุ่มก็ได้หากคิดตามเขตเลือกตั้ง

๓. ถ้าเป็นมวลชนในส่วนราชการ หรือ ชมรมต่างๆ ให้แยกเป็นการต่างหาก มวลชนต้องเลือกสังกัดเดียว

๔.ในกลุ่มย่อยที่เป็นองค์กรสำคัญนี้มีการติดต่อพบปะกันเป็นประจำเพื่อให้ความรู้และความจริงต่อกัน มีระบบการติดต่อจากส่วนกลางมายังแกนนำ มีการส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวและแนวคิดจากส่วนกลาง ในขณะเดียวกันกลุ่มย่อยก็รายงานสถานการณ์ที่ได้รับกลับขึ้นไปและไปยังแกนนำย่อยใกล้เคียงเพื่อไม่ให้ตกอยู่ในการครอบงำของผู้นำคนใดคนหนึ่งแต่เป็นการสร้างเครือข่ายความรู้และการต่อสู้ร่วมกัน

๕.ในทุกสัปดาห์แกนนำศูนย์กลางจะกำหนดประเด็นการเคลื่อนไหว การวิเคราะห์ยุทธศาสตร์จากนั้นแจ้งไปยังสมัชชาระดับจังหวัดเพื่อให้ข้อเสนอแนะกลับขึ้นมา สมัชชาระดับจังหวัดมีการประชุมหารือกันในเรื่องนั้นๆ แกนนำย่อยที่ได้รับทราบความเห็นจากแกนนำศูนย์กลางตั้งแต่แรกแล้ว หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ของตน สอบถามสมาชิกถึงความเห็นในกลุ่มออกเสียงลงมติแล้วเสนอเป็นความเห็นของกลุ่มย่อยไปยังสมัชชาจังหวัดในวันที่นัดประชุมและเข้าร่วมประชุมเพื่อระดมความเห็นให้สอดคล้องกันเป็นระบบก่อนเสนอไปยังแกนนำศูนย์กลาง เพื่อให้มวลชนทั้งปวงเป็นผู้กำหนดการเคลื่อนไหวของแกนนำส่วนกลางไม่ใช่ แกนนำส่วนกลางเป็นผู้ริเริ่มโดยปราศจากการรับรู้และสนับสนุนของมวลชน

๖. ในกรณีที่ มวลชนมีความเห็น มีแนวคิดก็ให้เสนอมายังแกนนำย่อย แกนนำย่อยพิจารณาแล้วหากมีเหตุผลให้แจ้งตรงไปแกนนำศูนย์กลางและนำเข้าที่ประชุมของสมัชชาจังหวัดเพื่อปรึกษาหารือ ผลการหารือเป็นอย่างไรเสนอไปยังแกนนำศูนย์กลางและแกนนำย่อยเพื่อแจ้งให้มวลชนทราบ

๗ .ในส่วนของการให้ข้อมูลกันระหว่างแกนนำทุกระดับ ให้จัดตั้งคำขวัญที่แสดงถึงการแบ่งแยกอย่างชัดเจนระหว่างระบอบประชาธิปไตยและระบอบเผด็จการ เช่นคำว่า “ ต่อต้านระบอบเผด็จการ เจ้าขุนมูลนาย เส้นสาย สร้างความเสมอภาคด้วยกฎหมายที่เป็นธรรม สร้างความเท่าเทียมกันด้วยการให้กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน ขจัดพฤติกรรม เจ้ายศ เจ้าอย่าง ยกตนข่มคนอื่นให้หมดจากมวลชนคนเสื้อแดง” หรือ “ต่อต้านการปกครองและชี้นิ้วสั่งการของบุคคลหรือคณะบุคคล สร้างการปกครองด้วยมวลมหาประชาชน” เป็นต้น

๘. มวลชนที่ควรจัดตั้งอย่างเร่งด่วนได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียงโดยรอบให้มีกำลังมวลชนไม่ต่ำกว่า หนึ่งล้านคน ให้สำเร็จลงก่อนกลางตุลาคม 2552 นี้ และมีการทดสอบการผลัดเปลี่ยนกันมาแสดงพลัง มีการให้รหัส ให้ชื่อ ให้เลขหมายกลุ่มเป็นหมวดเป็นกองร้อย เมื่อให้หมวด หมู่ไหนมาชุมนุม หมวด หมู่อื่นคงอยู่ในที่ตั้ง ไม่ออกมา ก็ให้ชัดเจน สามารถรวมตัวและแยกสลายตัวด้วยพาหนะของตัวเองอย่างรวดเร็ว

จากนั้นมีการทดสอบการรวมตัวด้วยการสอบถามและตอบกลับว่า มีผู้ใดพร้อมจากนั้นมีการทดสอบแจ้งเวลานัดหมายให้พร้อมภายใน 1ชั่วโมงในเวลาที่สะดวกก่อน เพื่อทดสอบว่าจะรวมคนจำนวนหลายแสนคนได้ทันทีหรือไม่ มีอุปสรรคอย่างไร แล้วผลัดเปลี่ยนกันมาแสดงพลังเช่นนี้จนทราบว่าถ้าเกิดเหตุจะระดมมวลชนได้เท่าไรกันแน่นอน ใช้ระบบการติดต่อสื่อสารหลายระบบและปิดกั้นยาก

๙. สำหรับกลุ่มที่ชอบฟังคำปราศรัยให้แยก และใช้คำเรียกหาว่าเป็นประชาชนอิสระหรือหากเป็นมวลชนก็ให้นับเป็นมวลชนสนับสนุนที่จะหาเสบียง หาอุปกรณ์ หารถมาให้ ซึ่งก็จำเป็นต้องมีการจัดตั้งเช่นกันแต่ดำเนินการอย่างหลวมๆ เพื่อให้การส่งความช่วยเหลือกระจายกันไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่นำของมากองไว้ที่ส่วนกลางแล้วไม่ทราบว่าควรจะนำไปให้ใคร ที่ไหน อย่างไรดี

๑๐. แกนนำย่อยมีระบบการติดต่อกันเองและระดับจังหวัดกับศูนย์กลาง เพื่อให้ทุกคนทราบว่า กลุ่มมวลชนไหน ชื่อรหัสว่าอะไร ขณะนี้มีมวลชนจำนวนเท่าไร อยู่ที่จุดไหน มีกล้องถ่ายประจำชุด มีรถขนส่งเรียบร้อยพร้อมเคลื่อนย้ายตลอดเวลา มีการป้องกันระบบการตัดการสื่อสารในยามฉุกเฉินด้วย

๑๑. แกนนำทุกระดับต้องท่องสามคำนี้ไว้ให้แม่นยำคือ ต้องไม่สุ่มเสี่ยง ต้องไม่ล้าหลังมวลชนและต้องเกาะติดตลอดเวลา

การสุ่มเสี่ยงหมายถึงการที่แกนนำนึกจะทำอะไรก็ทำ เช่นการนำคนจำนวนน้อยออกมาต่อต้านรัฐบาลแต่ในจังหวะนั้นไม่สามารถดึงมวลชนออกมาร่วมได้เป็นหมื่นคนในจังหวัดนั้นๆ ก็หมายความว่ามวลชนไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหว ในกรณีนี้หรือการไปปิดถนนโดยคนจำนวนน้อยแต่มวลชนส่วนใหญ่ไม่รู้มาก่อนและไม่เห็นด้วย แต่ดันทุรังจะไปทำก็มีแต่จะถูกจับหรือหากต้องการให้เป็นเรื่องก็ต้องใช้ความรุนแรงก็เท่ากับทำลายมวลชนบางส่วนที่หลงตามแกนนำที่สุ่มเสี่ยงนี้ออกไปอย่างน่าเสียดาย

ส่วนการไม่ล้าหลังมวลชนหมายถึง มวลชนมีความแค้น มีความต้องการเปลี่ยนแล้วแต่แกนนำกลัวผู้นำฝ่ายตรงข้ามไม่กล้าเข้าทำการ ก็จะทำให้มวลชนสับสนและแพ้ได้ ส่วนการเกาะติดได้แก่การสื่อสารกับมวลชน การสื่อสารกับแกนนำทั้งบนและล่าง และการติดตามการเคลื่อนไหวของหน่วยกำลังฝ่ายตรงข้ามถึงระดับครอบครัวตลอดเวลา(กรณีของไทยน่าจะเป็นหน่วยระดับกองร้อยขึ้นไปของกองพลต่างๆในกองทัพภาค และ หน่วยอื่นๆที่ออกมายึดอำนาจ รวมถึงการทดลองเกาะติดครอบครัวทหาร ตำรวจ ที่ออกมาปฏิบัติการสลายมวลชนและใช้ความรุนแรงในสภาพเสื้อน้ำเงิน มีการเข้าพูดคุยทำความเข้าใจ หากเข้าไม่ถึงทดลองส่งจดหมายผ่านบุตร ภรรยาอธิบายเหตุผลไปให้พ่อบ้านที่เป็นหน่วยกำลังระดับกองร้อยขึ้นไปคนนั้น... ต่อไปเมื่อยึดอำนาจบริหารในเหล่าทัพได้ ก็จะมีทหาร ตำรวจปลอมตัวเป็นเสื้อเหลืองออกปฏิบัติการอีกครั้งหนึ่ง หรือ หากฝ่ายน้ำเงินชนะก็จะมีกลุ่มเสื้อน้ำเงินออกมาสร้างสถานการณ์เช่นกัน)

๑๒. พยายามเข้าแย่งชิงมวลชนในหน่วยกำลังทั้งทหารและตำรวจในระดับหน่วยใช้กำลัง หรือทำให้ต้องยับยั้งชั่งใจในการจะออกไปใช้กำลังเมื่อพบว่าครอบครัวของตนถูกแวดล้อมไปด้วยมวลชนของคนเสื้อแดงที่เข้าถึงครอบครัว พ่อ แม่ บุตร ภรรยาด้วยวิธีการต่างๆแล้ว กรณีนี้รวมถึงฝ่ายเผด็จการในทุกองค์กรด้วย

๑๓. มวลชนที่จัดตั้งแล้วต้องทดสอบ การรวมตัวและแยกสลายอย่างรวดเร็วอยู่ตลอดเวลา ทั้งจัดระเบียบการขึ้นรถ ลงรถ การป้องกันตัว การจับฝ่ายตรงข้ามได้อย่างปลอดภัย เป็นต้น

๑๔. มวลชนแยกเป็น แนวร่วมพื้นฐานได้แก่ผู้ที่มีอุดมการณ์หรือความขัดแย้งกับฝ่ายอำนาจ แนวร่วมสนับสนุนได้แก่กลุ่มที่เห็นใจ ให้การช่วยเหลือแต่ยังไม่เด็ดเดี่ยวพอจะเข้าเคลื่อนไหว และ แนวร่วมมุมกลับได้แก่ฝ่ายอำนาจเองที่อาจลงมือโหดเหี้ยม ทุจริตหรือไร้เดียงสาทำให้ฝ่ายเราเติบโตแนวร่วมเช่นนี้ต้องขยายผลให้มาก

๑๕.มวลชนเหล่านี้ ให้สร้างเครือข่ายพึ่งพากันทางเศรษฐกิจ ทั้งในด้านการค้าขาย การส่งออก และการเงินรูปแบบต่างๆตามกฎหมายเช่น ระบบสหกรณ์เป็นต้น เพื่อทำเศรษฐกิจซ้อนเศรษฐกิจดึงเม็ดเงินระดับรากหญ้าออกจากการสูบเลือดของฝ่ายทุนนิยมผูกขาดให้หมดสภาพและแห้งตายไปเอง กลายเป็นรัฐซ้อนรัฐที่มีความเข้มแข็งและพัฒนาเป็นสถาบันการเมืองที่มีประสิทธิภาพต่อไป ด้วยสถาบันคนเสื้อแดง

๑๖. แก้ว ๓ ประการได้แก่ แกนนำ หน่วยปฏิบัติการ และ แนวร่วม ต้องมีการสร้างความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพได้ตลอดเวลา

แกนนำ

๑.แกนนำศูนย์กลาง

๑.๑ ต้องจัดตั้งทีมงานรองรับการทำงานที่มีประสิทธิภาพในการประชุมและการติดต่อสื่อสาร เพื่อปลดเปลื้องภาระของแกนนำความจริงวันนี้

๑.๒ ในด้านการปฏิบัติการ ควรมีอดีตทหาร ตำรวจ หรืออดีตทหารป่าที่มีความชำนาญในเรื่องการรบ การจัดการกับความรุนแรงและคุ้นเคยกับเรื่องมวลชนมาก่อนเป็นผู้วางแผนและจัดการ เพื่อให้เท่าทันกับแผนการของฝ่ายอำนาจ

๑.๓ แกนนำศูนย์กลางต้องเป็นผู้กำหนดยุทธศาสตร์ด้วยการปรึกษาหารือในระดับนโยบายและประชุมกับสมัชชาจังหวัดและรับข้อมูลจากทุกแกนนำในระดับล่างเพื่อให้ได้รับข้อมูลที่เป็นจริงกับสภาวการณ์ตลอดเวลา การกำหนดการเดินต้องทำเป็นโครงการมียุทธศาสตร์ มีเป้าหมาย มีกิจกรรม ที่ระบุเรื่อง คน อุปกรณ์และงบประมาณเสมอ เช่นการนัดชุมนุมใหญ่ ต้องเตรียมพื้นที่พักให้กับมวลชนจากต่างจังหวัดที่ใดบ้าง มีอาหารการกินอย่างไร เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันหรือถูกโจมตีจะต้องทำอย่างไรในครั้งนั้นๆ เป็นต้น

๑.๔ การวิเคราะห์สังคม ให้แยกเป็นสังคมศักดินาเจ้าขุนมูลนาย และสังคมประชาธิปไตย เพื่อแยกคนออกเป็นกลุ่มพวก หรือหากเป็นเทคโนโลยี ก็จะเป็นสังคมเกษตรศักดินาโบราณ สังคมอุตสาหกรรมประชาธิปไตยเริ่มแรก และสังคมโลกาภิวัฒน์ประชาธิปไตยทางตรงโดยประชาขน เป็นต้น

เมื่อวิเคราะห์สังคมแล้วจึงกำหนดยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีในการต่อสู้ต่อไป ทั้งนี้ต้องถ่ายทอดความคิดนี้ลงไปสู่แกนนำระดับล่างและรับฟังความเห็นกลับขึ้นมาเสมอว่า ในความเป็นจริงแล้วเป็นอย่างนั้นหรือไม่ และให้มีการถกแถลงกันระหว่างแกนนำศูนย์กลาง สมัชชาจังหวัดและแกนนำระดับล่างจนกว่าจะมีความเห็นตรงกัน

๑.๕ สืบทราบความเคลื่อนไหวของกำลังฝ่ายอำนาจ แสวงหาข้อมูลที่ชัดเจน แบ่งแยกฝ่ายให้แน่นอน แสวงหาแนวร่วมในค่ายและหน่วยงานของฝ่ายกำลัง รวมถึงส่วนราชการอื่นๆในลักษณะผลพลอยได้อย่างแข็งขันแล้วรายงานทางลับด้วยข้อมูลที่เป็นจริงเสมอ และมีการบันทึกความได้เปรียบเสียเปรียบของแต่ละฝ่ายตลอดเวลาแม้ว่าสถานการณ์จะยุติความรุนแรงไปแล้วเพื่อให้บรรลุการเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ในที่สุด

๑.๖ ติดต่อสื่อสารข้อมูล ระหว่างแกนนำจากบนสู่ล่าง จากล่างขึ้นบน และแกนนำด้วยกันอยู่ตลอดเวลา

๑.๗ แกนนำศูนย์กลาง สร้างพฤติกรรมรังเกียจการทำตัวเป็นเจ้าขุนมูลนาย ไม่สร้างบริวารแห่แหนห้อมล้อม ทำตัวติดดิน ฝ่ายอารักขามีเท่าที่จำเป็นและไม่ทำร้ายประชาชน

๑.๘ มติที่ประชุมและการนำไปปฏิบัติให้มีการบันทึกอย่างละเอียดและตรวจสอบผลการทำงานและนำมาปรับปรุงประสิทธิภาพให้ยกระดับมากขึ้น ด้วยการทำเป็นตัวเลขตลอดเวลา

๑.๙ การแก้ปัญหาทุกประการต้องหลีกเลี่ยงการเป็นเจ้าขุนมูลนาย ด้วยการใช้ถ้อยคำให้ร้าย ป้ายสี ใช้โวหารเชือดเฉือน เสียดสี หรือใช้การสั่งการ แต่ให้เปลี่ยนเป็น การใช้ตัวเลขยืนยัน ใช้ประสิทธิภาพ ประสิทธิผลเป็นตัวกำหนด ใช้การบันทึกการทำงานและการรายงานและการแลกเปลี่ยนข้อมูลทุกระดับเป็นเครื่องมือการบริหารงาน ไม่ใช้จินตนาการหรือคาดการเอาเองอย่างเด็ดขาด

๒. แกนนำทุกระดับ

๒.๑ ศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในทุกประเทศในประวัติศาสตร์ว่าเกิดจากความขัดแย้งระหว่างอำนาจเก่าระบบคิดเดิมกับ การทำมาหากินของประชาขนในเทคโนโลยีที่ใหม่กว่า ก้าวหน้ากว่า ส่วนระบบอำนาจเก่าเช่นระบบศักดินาที่เหมาะกับสังคมโบราณที่อาศัยการสั่งการจากคนหรือคณะบุคคลที่เป็นศักดินาแฝงได้แก่ระบอบเผด็จการทั้งหลายจะไม่สามารถบริหารประเทศได้เนื่องจากการทำมาหากินของประชาชนเปลี่ยนเป็นแบบอุตสาหกรรมหรือโลกาภิวัฒน์ไปแล้ว ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมาในทุกประเทศ ในกรณีประเทศไทยก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงไปได้ นำระบบเศรษฐกิจในประเทศที่เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เช่น สวีเดน ญี่ปุ่น นอร์เวย์ เดนมาร์ก ว่าระบบเศรษฐกิจที่รัฐบาลดูแลประชาชน และประชาชนจะทำมาหากินได้อย่างสะดวก มีเงินใช้จ่ายไม่ขาดมือตลอดชีวิตนั้นจะทำได้ต้องเป็นระบอบประชาธิปไตยและเจริญกว่าการเป็นเผด็จการอย่างไทยอย่างไร สมควรที่จะออกมาร่วมกันเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมืองกันได้ด้วยวิธีใด

๒.๒ แกนนำทุกระดับต้องวิจารณ์ตนเองว่ามีข้อบกพร่องและข้อดีในการปฏิบัติที่ผ่านมาอย่างไร ทุกครั้งเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานให้สูงขึ้นโดยไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัว

๒.๓ แกนนำต้องนำทฤษฎีทางการเมืองดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับสถานการณ์จริงในพื้นที่ของตนว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปจริงหรือไม่ กลุ่มใดที่จะเข้ามาเป็นฝ่ายประชาธิปไตยเนื่องจากมีการทำมาหากินในระบบอุตสาหกรรมสมัยใหม่หรือเป็นฝ่ายประชาธิปไตยที่ก้าวหน้าไปเป็นเครือข่ายประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรงด้วยอิทธิพลของโลกาภิวัฒน์ กลุ่มต่างๆเหล่านี้มีศักยภาพและมีความสามารถในการต่อสู้เพื่อปากท้องของตนอย่างไรแล้วรายงานไปยังแกนนำระดับสมัชชาจังหวัดและศูนย์กลางตลอดเวลา

๒.๔ แกนนำมีหน้าที่ส่งข้อมูลข่าวสารระหว่างมวลชนกับแกนนำระดับเดียวกันและระดับที่สูงกว่าเพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูลกันตลอดเวลา จากด้านข้างไปยังด้านข้าง จากล่างขึ้นบนและจากบนลงล่างอยู่ตลอดเวลา ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก

๒.๕ แกนนำต้องมีแผนที่ของกลุ่มตน มีการกำหนดแนวทางช่วงชิงมวลชน ขยายมวลชนในพื้นที่ตลอดเวลาเพื่อเชื่อมกับแกนนำที่อยู่ข้างเคียงกัน ปิดล้อมฝ่ายอำนาจไว้ทุกหนทุกแห่ง สร้างเครือข่าย ผู้สนับสนุน การขนส่ง การติดต่อสื่อสารหลักและสำรองไว้เสมอ และรายงานให้แกนนำศูนย์กลางทราบเพื่อนำไปกำหนดไว้ในแผนที่รวมของกระบวนการ

๓. แนวร่วม

๓.๑ แนวร่วมที่ได้แบ่งเป็น แนวร่วมพื้นฐาน แนวร่วมสนับสนุน มีการปิดลับ ตัดตอนไม่ให้มีการสืบถึงกันได้ แนวร่วมมุมกลับทำการส่งเสริมให้ทำการอย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดคนเคียดแค้นและเข้ามาเป็นแนวร่วมฝ่ายเรามากขึ้นทุกทีจนเต็มไปทุกหน ทุกแห่ง

๓.๒ หน้าที่หลักของแนวร่วมนอกจากจะแสดงพลังแล้ว คือการเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของฝ่ายกำลังและครอบครัว ทุกย่างก้าว

๓.๓ การเคลื่อนไหวเมื่อมีการชุมนุมต้องมีกล้อง มีการถ่ายทอดผ่านกล้องที่เป็นอินเตอร์เนทไปยังศูนย์กลางที่ได้จัดเตรียมไว้ และต้องรายงานที่ตั้งตลอดเวลาว่ากลุ่มอยู่ ณ จุดใด ผู้ปลอมตัวเข้ามาสร้างสถานการณ์คือใคร จะจับกุมได้อย่างไร หากมีการเคลื่อนที่ต้องร้องขอ ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศมาอยู่ใกล้เคียงและต้องมีไหวพริบพอที่จะสร้างข่าวให้ได้ประโยชน์ต่อการปฏิบัติการของฝ่ายประชาธิปไตย

๓.๓ รายงานอย่างปิดลับสู่แกนนำ

กฎเหล็ก

พูดจาอ่อนโยน ซื้อขายอย่างยุติธรรม ไม่เอาเปรียบกัน ยืมของต้องคืน ทำของเสียต้องใช้ ไม่ดุด่า ทุบตี คนอื่น ไม่ทำผลิตผลราษฎรเสียหาย ไม่ลวนลามผู้หญิง ไม่กระทำทารุณ ไม่แตะต้องของประชาชน ต้องขจัดผู้ไม่มีวินัยเช่นนี้ออกจากมวลชน


ความสำเร็จ

อยู่ที่การมีอุดมการณ์และพฤติกรรมในทุกระดับเป็นประชาธิปไตย รังเกียจเผด็จการ เจ้าขุนมูลนายและไม่ทำตัวเป็นเสียเอง

ระมัดระวังการแอบอ้างมวลชนเพื่อหารายได้เข้ากับแกนนำในทุกระดับ

มียุทธศาสตร์ชัดเจน “เอ็งมาข้ามุด เอ็งหยุดข้าแหย่ เอ็งแย่ข้าตี เอ็งหนีข้าตาม”

แนวร่วมที่เพียงพอในการขับไล่เผด็จการในทุกประเทศคือ ๒-๓ ล้านคนสำหรับประเทศไทยควรอยู่ที่ ๓-๕ ล้านคน และมีผู้สนับสนุนอีก ๑๒-๑๕ ล้านคนสำหรับเป้าหมายการวางแผนงานด้านมวลชน ส่วนข้อเท็จจริงนั้นขึ้นอยู่กับกำลังและความเข้มแข็งของแต่ละฝ่ายในขณะนั้นๆ


มีการทดสอบ การรวมและสลายพลังมวลชนอย่างสม่ำเสมอ ลดการปราศรัยบนเวทีลง เน้นการเคลื่อนไหวมวลชนและกำหนดจุดประจำที่ให้มากขึ้น

มีการช่วงชิงมวลชนจากฝ่ายอำนาจตลอดเวลา ทั้งจากประชาชนที่เสื่อมความศรัทธาต่อคนที่เรียกตัวเองว่า คนดี คนมีคุณธรรมมาเป็นการที่ประชาชนมีอำนาจและมีการตรวจสอบทางการเมืองแทน และช่วงชิงมวลชนทั้งจากหน่วยงานและพื้นที่ทุกหนทุกแห่ง แล้วนำมาจัดตั้งเป็นมวลชนที่มีสังกัดชัดเจนไว้ใจได้

การชิงมวลชนต้องทำให้สำเร็จอย่างน้อยให้มีมวลชนนับเป็นล้านคนในเบื้องต้น ก่อนการที่ฝ่ายอำนาจจะจัดกำลังฝ่ายความมั่นคงได้สำเร็จ แต่ถ้าการรวบอำนาจฝ่ายความมั่นคงของฝ่ายอำนาจไม่สามารถทำได้สำเร็จ มวลชนก็พัฒนาไปเป็นมวลชนทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองต่อไป

พึงระลึกไว้เสมอในสัจธรรมที่ว่า “ ประชาธิปไตย ไม่เคยได้มาด้วยการขอ” และ “ ที่ใดมีอำนาจเบ็ดเสร็จ ที่นั้นมีการทุจริตอย่างเบ็ดเสร็จด้วยเช่นกัน (Absolute power, corrupt absolutely. (Lord Anton))”

**************

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker