อารมณ์เสื่อมศรัทธาเกิดได้เมื่อมีแรงกระตุ้น
โดย พระพยอม กัลยาโณ
ที่มา www.dailyworldtoday.com/columblank.php
ญาติโยมชาวพุทธจะเสื่อมศรัทธาต่อพระสงฆ์องค์เจ้ามีอยู่ด้วยกันไม่กี่อย่าง อย่างแรกพระรูปนั้นๆอาจทำอะไรผิดต่อความเป็นพระเอง อย่างที่สองเป็นเพราะญาติโยมเข้าใจหรือไม่เข้าใจการกระทำของพระบางรูปบางกลุ่มว่าเป็นสิ่งที่พระควรทำหรือไม่ โดยนำมาวิจารณ์อย่างขาดความรู้ โดยเฉพาะสื่อบางสื่อ
สังคมมองว่าความเสื่อมถอยที่เกิดขึ้นในหลายๆวงการตอนนี้มีมากมายเหลือเกิน วงการการเมืองเป็นวงการแรกที่ถูกมองว่าน่าเอือมระอามากที่สุด คนที่อยู่ในวงการการศึกษามีพฤติกรรมแปลกประหลาดแก้ไม่หาย อย่างการยกพวกตีกันของเด็กช่างกลมีสถิติออกมาว่าในช่วง 6 เดือนตีกันถึง 2,000 กว่าครั้ง
มาวันนี้จึงมองไม่ออกว่าสถาบันใด องค์กรใดมีความเชื่อมั่นศรัทธาเสื่อมใสเหลืออยู่ในสายตาชาวบ้านบ้าง แม้แต่ในวงการศาสนายังถูกมองว่าเสื่อม เพราะมีคนเอยปากออกมาว่า “วันๆเห็นมีแต่ข่าวพระกินเหล้า พระชกต่อยกับญาติโยม พระมั่วสีกา” ถึงจะเป็นแค่การกระทำของพระส่วนน้อย แต่ยอมรับว่าทำร้ายจิตใจชาวพุทธไม่น้อย บางครั้งศาสนาก็แปดเปื้อนเพราะคนไม่เข้าใจ หรือการป้ายสีใส่ไข่ได้เหมือนกัน อย่างเมื่อวันที่ 26 ก.ค. ที่ผ่านมามีพระกลุ่มหนึ่งถูกนิมนต์ให้สวดทำบุญและทำพิธีหงายบาตรแก้กรรมให้กับอดีตนายกฯ พระเหล่านั้นก็ถูกโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามคือสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ASTV ออกมาถล่มพระเหล่านั้นอย่างหนักว่ากระทำเรื่องงมงายให้ชาวบ้านสับสน
สิ่งที่เห็นอยู่ในเวลานี้ของวงการศาสนาที่เป็นที่พึ่งทางใจให้กับพุทธศาสนิกชนทั้งหลายค่อนข้างงอนแง่นคลอนแคลนต่อความเชื่อมั่น เชื่อถือ และศรัทธา สถาบันต่างๆที่เคยให้การยอมรับนับถือ ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคยถูกยกให้เป็นปูชนีย์ เป็นที่พึ่งทางใจที่ชาวบ้านต่างเชื่อมั่นว่าท่านเป็นพระที่ดี ต่อมากลับด่ากันอย่างป่นปี้ ถ้าเป็นอย่างนี้น่าจะเกิดจากอะไร ถ้าจะให้วิเคราะห์น่าจะเกิดจาก
1.สื่อต่างๆกระพือความไม่ดีของคนในองค์กร สถาบันที่คนเชื่อมั่น เชื่อถือ และศรัทธา แม้แต่พระยังขึ้นหน้า 1 บ่อยๆ ที่คิดว่าจะเอาอะไรออกมาลากไส้ท่าน
จึงอยากจะบอกว่าไม่มียุคไหนที่สื่อสามารถลากไส้วงการพระได้เท่ากับสื่อในยุคนี้ เพราะมีทั้งแอบถ่ายพระทำไม่ดีจากที่นั่นที่นี่เอาไว้ มีทั้งคลิปวิดีโอ ภาพนิ่ง จนพระถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ยอมรับว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประชาชนรู้สึกง่อนแง่นต่อการศรัทธาพระ
2.พระยุคนี้เป็นพระที่ขาดความระมัดระวัง ไม่ระวังตัว คือไม่รักษาใจ ไม่รักษาตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ พอสัมผัสอะไร ฟังอะไร มักมีอาการเคลิบเคลิ้ม วูบวาบ หวั่นไหว ยินดียินร้ายอย่างง่ายดาย ทำให้จิตกระเจิงจนหลายรายต้องตกเป็นข่าว พระบางรูปไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆไม่ระวังว่าควรไปหรือไม่ บางที่ไม่ควรไปก็ไป บางรูปอยู่วัดแท้ๆก็ไม่ระวัง ยอมให้สีกาเข้าไปเพ่นพ่านในกุฏิ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่ควรให้เข้าไป หรือบางรายบอกเข้าไปทำความสะอาดก็ไม่ใช่เรื่อง เพราะอันที่จริงเด็กผู้ชายน่าจะมีเยอะ โดยไม่จำเป็นต้องให้สีกาเข้าไป ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้เชื่อมั่นตัวเองขนาดนั้น
พระพุทธเจ้ากล่าวไว้แล้วว่าอะไรเป็นศัตรูของพรหมจรรย์ “ไม่มีอะไรที่จะครอบงำจิตใจบุรุษได้เท่ากับรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัสของสตรี” นอกจากสื่อที่ยั่วยวนแล้ว เราก็ยังไปชมหรือดูสื่อเหล่านั้น ทำให้สื่อมวลชนกลายเป็นเสี้ยมมวลชน เสี้ยมใจพระให้หมดอารมณ์จากความเป็นพระ ซึ่งก็เหมือนกับเด็กนักเรียนที่ไม่มีอารมณ์เรียน แต่มีอารมณ์อยากเป็นนักเลง อยากเก่ง อยากตี อยากฆ่าคนอื่นให้วายชีวากันไป สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่น่าอิดหนาระอาใจว่าเมื่อไรจะมีข่าวดีๆ ภาพดีๆให้เห็น
นอกจากนี้ยังมีการกล่าวหาว่าพระอยู่สีนั้นสีนี้ โดยเฉพาะพระพยอมจะถูกระบุเป็นรายแรกๆ อาตมาแปลกใจว่าคนจากกรุงเทพฯหรือจังหวัดรอบๆกรุงเทพฯที่มากราบมาไหว้ มาเยี่ยมเยียนถึงบ้านซอโอ อ.พบพระ จ.ตาก มีหลายรายมากที่มากราบขอขมา นำดอกไม้ธูปเทียนมาขอขมา บอกว่าเคยด่าอาตมาไว้เยอะว่า “ทำไมไม่ห่มจีวรแดงแล้วไปอยู่กับคนเสื้อแดงเสียให้รู้แล้วรู้รอด” ซึ่งตอนหลังก็บอกว่าเข้าใจและรู้ว่าท่านไม่ได้อยู่ข้างไหน และไม่ได้ไปเกาะแกะกับกลุ่มเสื้อแดง แม้แต่สถานีโทรทัศน์ช่องดีสเตชั่นซึ่งเป็นของคนเสื้อแดงก็ไม่ได้ไปร่วมรายการกับเขา จึงเริ่มมองว่าเป็นพระที่ไม่ได้ฝักใฝ่กับกลุ่มไหน แต่เข้ากับทุกกลุ่ม ทุกสี ซึ่งคนที่เข้าใจก็ฟังจากที่อาตมาชี้แจงไปในสื่อ คือหนังสือ ซีดีที่บันทึกไว้เวลาเดินทางไปเทศน์ตามที่ต่างๆ
ยังดีที่มีคนเข้าใจ แต่ก็ยังมีคนระดับดอกเตอร์และพวกไม่กี่คนที่ทำรายการในช่อง ASTV ยังไม่เข้าใจ ยังด่าจนถึงทุกวันนี้ ล่าสุดกระแหนะกระแหนว่าวัดแก้วฟ้าที่เปิดให้พรรคพวกของอดีตนายกฯเข้าไปทำพิธีหงายบาตร พิธีแก้กรรม อีกหน่อยจะเป็นเหมือนวัดสวนแก้วที่ตอนนี้เป็นวัดร้างเพราะเปิดรับคนเสื้อแดง ขนาดพระพยอมยังต้องหนีไปอยู่จังหวัดตาก เป็นเรื่องจริงเสียที่ไหนล่ะ เพราะวัดสวนแก้วก็ยังมีพระเป็นสิบรูปจำพรรษาอยู่ และญาติโยมก็ยังมาทำบุญกันมากเหมือนเดิม
ขณะที่ อ.พบพระเป็นดินแดนที่มีคนเสื้อเหลืองอยู่กันมาก ก็ถือว่าเป็นเสื้อเหลืองที่น่ายกย่อง เพราะแยกแยะออก อาตมาไปบิณฑบาตเขาก็บอกว่าเป็นสีเหลือง แต่ไม่เกลียดพระพยอม ไม่ได้มองว่าใครไม่ได้อยู่ฝ่ายตัวก็ต้องถล่ม
เพราะฉะนั้นใครที่มีสื่ออยู่ในมือแล้วไม่ระวังว่าพูดไปแล้วเกิดบาปปากกับตัวเอง พูดไปแล้วทำให้ศาสนาเสื่อม คนขาดศรัทธาพระ ไม่รู้ชาติหน้าคนเหล่านี้จะเป็นอย่างไร
เจริญพร
จากการที่ ice angel ได้อ่านบทความนี้แล้วก็ได้หาข้อมูลเพิ่มเติมและได้พบว่า
มีเวปไซด์หนึ่งทำรูปภาพแบบนี้กับพระพอยม (ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง)
"ไม่รู้ชาติหน้าคนเหล่านี้จะเป็นอย่างไร" ?
http://www.boringdays.net/red-payom/
รวมทั้งพบคลิปวีดีโอที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้เคยว่ากล่าว
ล่วงเกินพระพยอมด้วยเช่นกัน
www.thaifreenews.org/forum/index.php