การเมืองเป็นเรื่องนานาจิตตัง แม้แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล คนที่เห็นด้วยก็มีคนไม่เห็นด้วยก็มี คนที่วางเฉยไม่รู้ไม่ชี้ก็มี
แต่ผลการสำรวจความคิดเห็นของสวนดุสิตโพล และเอแบคโพลสรุปตรงกันว่าประชาชนส่วนใหญ่ "เห็นด้วย" ที่ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
เรื่องที่คนอยากฟังมากที่สุดคือกรณีรัฐบาลใช้ทหารจัดการกับกลุ่มเสื้อแดงจนเกิดการจลาจลเผาบ้านเผาเมือง
แสดงว่าคนส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อข้อมูลของฝ่ายรัฐบาล แต่ต้องการรับฟัง ข้อมูลอีกด้านจากฝ่ายค้านเพื่อมาถ่วงดุล
"แม่ลูกจันทร์" เห็นว่าสังคมไทยกำลังเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี
เพราะสังคมไทยยุคนี้จะไม่เชื่ออะไรง่ายๆ เหมือนเดิม แต่จะเปิดกว้างรับข้อมูลหลายด้าน เอามาวิเคราะห์เปรียบเทียบก่อนตัดสินใจ
เมื่อสังคมไทยเปลี่ยนแปลง นักการเมืองต้องปรับตัวให้ทัน ไม่งั้นหมดอนาคตแน่นอน!!
"นักการเมือง" ที่จะได้รับศรัทธาจากประชาชนต้องรักษาคำพูดของตัวเอง
นักการเมืองที่พูดอย่างทำอย่าง เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จะไม่ได้รับการเชื่อถือจากประชาชนอีกต่อไป
พรรคการเมืองที่ประกาศนโยบายหาเสียง เลือกตั้งไว้สวยหรู แต่ไม่ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้จริงๆ ชาวบ้านจะเสื่อมศรัทธา
"แม่ลูกจันทร์" มองข้ามช็อตหลังรัฐบาลผ่านศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ "นายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" มีภารกิจด่วน 4 เรื่อง ต้องเร่งทำพร้อมกัน
1, ตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุชุมนุมกลุ่มเสื้อแดง
2, เดินหน้าแผนปรองดองแห่งชาติ ให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม
3, ปรับ ครม.ชุดใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาล
4, กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ (จากที่เคยประกาศไว้ว่าจะมีการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤศจิกายน)
นี่คือภารกิจเร่งด่วน 4 ด้าน ที่นายกฯ อภิสิทธิ์ต้องมีคำตอบสังคมอย่างชัดเจน
การบ้านข้อแรก...การตั้งคณะกรรมการ อิสระตรวจสอบข้อเท็จจริง ฟังดูเหมือนง่าย แต่ไม่ง่าย เพราะคนที่มีความเป็นอิสระ มีความเป็นกลางหายากมาก ในสังคมไทยที่ขัดแย้งกันอย่างรุนแรง
การบ้านข้อที่ 2, การขับเคลื่อนแผนปรองดองแห่งชาติ เพื่อสมานบาดแผลแตกแยก ในชาติบ้านเมือง
เรื่องนี้ยิ่งยากกว่า...เพราะกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งกับรัฐบาล ยังไม่ยอมร่วมขบวนการปรองดอง
เมื่อไม่มี "เสื้อแดง" ในการปรองดอง แผนปรองดองของรัฐบาลก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง
การบ้านข้อที่ 3, ที่ "อภิสิทธิ์" ประกาศ ทำทันที หลังเสร็จศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจคือการปรับ ครม.
ความจริง นายกฯอภิสิทธิ์ ได้ประกาศจะปรับ ครม.ตั้งแต่ต้นปี โดยประเมินผลงานรัฐมนตรีเป็นรายกระทรวง
ถึงขนาดเรียกรัฐมนตรีบางคนไปตรวจข้อสอบด้วยซ้ำไป
แต่ "แม่ลูกจันทร์" เชื่อว่ายังไม่มีการปรับ ครม.ในเร็วๆนี้แน่นอน เพราะพรรคร่วมรัฐบาลยืนยันยังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนรัฐมนตรี
ถึงผลงานห่วยแตก ก็ควรให้โอกาสทำงานแก้ตัว
ข้อสำคัญ การปรับ ครม.จะเกิดแรงกระเพื่อมในรัฐบาล โดยเฉพาะช่วงที่สถานการณ์ ยังไม่นิ่ง ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ควรทำ
ทีนี้ก็เหลือการบ้านข้อสุดท้าย คือการทบทวนว่าควรกำหนดยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ในช่วงใดที่จะเกิดผลดีต่อรัฐบาล และต่อบ้านเมืองในภาพรวม??
"แม่ลูกจันทร์" เห็นว่าเรื่องนี้ นายกฯ อภิสิทธิ์ ยังไม่ต้องรีบตัดสินใจ
ถ้าจะลากยาวจนครบเทอม (ปลายปีหน้า) ก็ไม่ผิดกติกา
เพราะรัฐบาลมีกองทัพคอยกระชับพื้นที่ มี พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นเครื่องมือ
ถ้าสถานการณ์ไม่ปลอดภัยก็ประกาศ เคอร์ฟิว
...แค่นี้ก็แข็งโป๊กแล้วโยม.
"แม่ลูกจันทร์"