ศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราวสั่งกรมประชาสัมพันธ์คืนเวลารายการเจาะข่าวร้อน ห้ามระงับออนแอร์
(ภาพจากเว็บไซต์ทีนิวส์)
เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ รายงาน ว่า นายประวิตร บุญเทียม ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลาง เจ้าของสำนวนพร้อมองค์คณะ มีคำสั่งกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ห้ามไม่ให้กรมประชาสัมพันธ์ ผู้ถูกฟ้อง ระงับการออกอากาศรายการ “เจาะข่าวร้อน ล้วงข่าวลึก” ที่บริษัท กรีน อินเทลลิเจ้นท์ จำกัด โดยสถานีโทรทัศน์ ที-นิวส์ เช่าสัญญาออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย(เอ็นบีที) ทุกวันจันทร์ เวลา 21.00 – 22.00 น. ตามที่กำหนดในสัญญาจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา หรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ศาลเห็นว่า ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 ได้บัญญัติคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นไว้ว่าจะจำกัดเสรีภาพดัง กล่าวไม่ได้ รวมทั้งการให้นำข่าวหรือบทความให้เจ้าหน้าตรวจก่อนก็ทำไม่ได้เว้นแต่อาศัย อำนาจตามบทบัญญัติกฎหมายเฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ
ดังนั้นการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างผู้ฟ้อง และผู้ถูกฟ้องจึงต้องคำนึงถึงเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ แม้ผู้ถูกฟ้องจะให้การว่ารายการของผู้ฟ้องมีผลกระทบต่อความมมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่ห้ามตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 37 แต่ก็ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกฟ้องได้แจ้งถึงการกระทำที่ต้องห้ามตามกฎหมายดังกล่าว กับผู้ฟ้อง เพียงแค่มีหนังสือขอความร่วมมือให้จัดส่งเทปล่วงหน้า และระมัดระวังในการผลิตรายการตามสัญญาข้อ 9 ที่ว่าให้ต้องส่งเทปและข้อความที่ใช้ออกอากาศแก่เจ้าหน้าที่ของสถานีเพื่อ ตรวจสอบ และ ข้อ 13 ห้ามไม่ให้ผู้เช่าเวลาจัดรายการเกี่ยวกับการเมืองที่อาจทำให้เกิดความเสีย หายแก่ทางราชการหรือผู้หนึ่งผู้ใด และมีหนังสือแจ้งถึงสาเหตุที่ระงับการออกอากาศในวันที่ 5 ก.ย.2554 เท่านั้น
ขณะที่การไต่สวนผู้ฟ้องและผู้ถูกฟ้องให้การว่า รายการของผู้ฟ้องมีแนวทางแสดงความเห็นทางการเมืองในการต่อต้านการล้มสถานบัน มาโดยตลอดซึ่งรายการที่จะออกอากาศในวันที่ 5 ก.ย. ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จึงไม่ปรากฏเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่า รายการผู้ฟ้องมีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐและความสงบเรียบร้อยของประชาชน รวมทั้งการไต่สวนยังฟังได้ว่าผู้ถูกฟ้องยังไม่ได้ใช้สิทธิตามสัญญาข้อ 13 จึงเห็นว่าเมื่อผู้ถูกฟ้องยังไม่ได้บอกเลิกสัญญา ผู้ถูกฟ้องย่อมมีหน้าที่ต้องออกอากาศรายการของผู้ฟ้องตามที่กำหนดในสัญญา ถึงแม้ผู้ถูกฟ้องจะมีสิทธิตามสัญญาข้อ 12 ที่จะใช้เวลาออกอากาศของผู้ฟ้องออกรายการอื่นแทนได้แต่ตามสัญญาก็กำหนดให้ ใช้กรณีที่จำเป็นเท่านั้น การที่ผู้ถูกฟ้องมีหนังสือแจ้งผู้ฟ้องว่าจะนำเทปรายการพิเศษของสภากาชาดไทย และการประกวด วงโยธวาทิตระดับนานาชาตินั้น ก็ไม่ปรากฏว่ามีความจำเป็นและต้องเร่งรีบดำเนินการในวันเวลาดังกล่าวแต่ อย่างใด
ดังนั้นการที่ผู้ถูกฟ้องระงับการออกอากาศ จึงไม่ใช่การใช้สิทธิตามสัญญาโดยชอบ แต่เป็นการกระทบต่อเสรีภาพผู้ฟ้องในการแสดงความคิดเห็นตาม รธน. ขณะที่หากศาลจะกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก็ไม่กระทบต่อการบริหารงานของ รัฐ และการบริการสาธารณะตามอำนาจหน้าที่ของผู้ถูกฟ้อง ศาลจึงมีคำสั่งห้ามไม่ให้กรมประชาสัมพันธ์ ผู้ถูกฟ้อง ระงับการออกอากาศรายการของผู้ฟ้องตามที่กำหนดในสัญญาจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา หรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
นายฉัตรชัย ภู่โคกหวาย กรรมการผู้ช่วยผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ ที-นิวส์ กล่าวว่า การฟ้องคดีนี้ก็อยากให้เป็นบรรทัดฐานเรื่องการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ตามรัฐธรรมนูญ ส่วนที่บริษัทยังมีเวลาเหลือการออกอากาศครั้งสุดท้ายคือวันจันทร์ที่ 26 ก.ย. เนื่องจากหมดสัญญา 30 ก.ย.นั้น ก็ต้องปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่อีกครั้งว่าจะนำเทปที่ผลิตไว้เพื่อออกอากาศใน วันที่ 5 ก.ย. มาออกอากาศหรือไม่ หรือจะดำเนินการผลิตเทปออกอากาศใหม่
เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ที่กรมประชาสัมพันธ์ จะใช้สิทธิตามสัญญาข้อ 13 ที่ระบุถึงการกระทำที่จะเป็นให้บอกเลิกสัญญา ตามที่ศาลวินิจฉัย นายฉัตรชัย กล่าวว่า คิดว่ากรมประชาสัมพันธ์จะถือปฏิบัติตามคำสั่งของศาลปกครอง โดยจะไม่กระทำการดังกล่าว ไม่เช่นนั้นกรมประชาสัมพันธ์ก็ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งต่อไป