ผู้คนให้ความสนใจน้อยมากต่อข่าวและเรื่องราวของ นาง ผุสดี งามขำ อดีตพยาบาล วัย 54 ปี ที่นั่งถือธงแดงอยู่หน้าเวทีปราศรัยแยกราชประสงค์เป็นคนสุดท้าย
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 19 พฤษภาคม 2553
แม้ท่วงทีและการยืนหยัดของเธอจะได้รับความสนใจเป็นอย่างสูงจากสื่อและชุมชนเว็บไซต์ระหว่างประเทศ
เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้
สามารถเข้าใจได้เหมือนกับชะตากรรมของ อาจารย์สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ แห่งภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ลิดรอนแม้กระทั่งเสรีภาพในการอ่านหนังสือและรับรู้ข่าวสาร
สามารถเข้าใจได้เหมือนกับชะตากรรมของ 6 ศพที่นอนเรียงรายอยู่ภายในวัดปทุมวนารามวรวิหาร
ทั้งหมดนี้คือผลสะเทือนจากการเลือกข้างของ "ผู้คน"
เป็นการเลือกข้างว่า 6 ศพที่นอนเรียงรายอยู่ในวัด หากมิใช่พวกเสื้อแดง ก็ต้องเป็นผู้ที่เอนเอียงหรือเห็นอกเห็นใจพวกเสื้อแดง
ตรรกะก็คือ พวกเสื้อแดง คือ ผู้ก่อการร้าย เผาบ้านเผาเมือง
ดังนั้น ใครที่ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับเสื้อแดง ใครที่มีความเอนเอียงไปทางเสื้อแดง ย่อมเป็นพวกเดียวกันกับผู้ก่อการร้าย
โดยไม่ยอมรับรู้ว่า 6 ศพที่นอนเรียงรายอยู่ในวัดเป็นคนไทย
หรือหากยึดตามบรรทัดฐานของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ออกมาสรุปและแสดงความรู้สึกต่อการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551
ก็ต้องยอมรับว่า 6 ศพที่นอนเรียงรายอยู่ในวัดล้วนเป็น "คน"
แปลกที่ไม่เพียงแต่สื่อกระแสหลักจะมองข้ามและไม่มองเห็นความสำคัญแม้ว่า 6 ศพที่นอนเรียงรายอยู่ในวัดก็เป็นคน
แม้กระทั่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติก็มิได้มองว่าพวกเขาเป็น "คน"
สําเหนียกกันหรือยังว่า การแยกขั้ว แบ่งข้าง ในทางความคิดที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่ภายในสังคมประเทศไทยของเรานั้นลึกซึ้งและน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
ความเคียดแค้น ชิงชัง แพร่ลามออกไปราวกับโรคระบาด
กรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อได้อาวุธพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่ในมือก็พร้อมจะสะบัดกวัดแกว่ง โดยลืมนึกถึงบทเรียน
ในกาลอดีตว่าอาการสะบัดกวัดแกว่งเช่นนี้ก็เคยมีคนทำเมื่อมีพ.ร.บ.คอมมิวนิสต์อยู่ในมือมาแล้ว
และผลสะเทือนที่เกิดขึ้น ติดตามมาเป็นอย่างไร ก็ล้วนรับรู้กันมาอย่างถ้วนหน้า
ในนามแห่งกฎหมาย ในนามแห่งความเป็นคนดี ในนามแห่งการเป็นผู้กุมอำนาจตามกฎหมาย ทุกฝ่ายต่างใส่เกียร์เดินหน้าโดยไม่คำนึงถึงอารมณ์และความรู้สึก
อารมณ์และความรู้สึกในความเป็นคน และในความเป็นคนไทย
การเลือกข้างตามอารมณ์และความรู้สึกจึงดำเนินไปอย่างกว้างขวาง 2 หู 2 ตาจึงพร้อมจะเปิดรับเฉพาะฝ่ายเดียวกับตน 2 หู 2 ตาจึงพร้อมจะปัดปฏิเสธจากฝ่ายที่มิใช่พวกของตน
การล้างแค้นและหลั่งเลือดจึงกลายเป็นภักษาหารยอดนิยมภายในสังคม
ในที่สุดแล้วสภาพการณ์และสถานการณ์อันเกิดขึ้นและดำรงอยู่สะท้อนความเป็นจริงอะไร
สะท้อนความเป็นจริงว่าสังคมขาดไร้ที่พึ่ง สะท้อนความเป็นจริงว่าสังคมไม่มีหลักยึดมั่นอันน่าเชื่อถือได้ สะท้อนความเป็นจริงว่าสังคมต่างคนต่างเป็นใหญ่ไม่มีใครฟังใคร
นี่คืออนาธิปไตยในทางความคิด นี่คืออนาธิปไตยในทางการเมืองที่ดำรงอยู่
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 19 พฤษภาคม 2553
แม้ท่วงทีและการยืนหยัดของเธอจะได้รับความสนใจเป็นอย่างสูงจากสื่อและชุมชนเว็บไซต์ระหว่างประเทศ
เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้
สามารถเข้าใจได้เหมือนกับชะตากรรมของ อาจารย์สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ แห่งภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ลิดรอนแม้กระทั่งเสรีภาพในการอ่านหนังสือและรับรู้ข่าวสาร
สามารถเข้าใจได้เหมือนกับชะตากรรมของ 6 ศพที่นอนเรียงรายอยู่ภายในวัดปทุมวนารามวรวิหาร
ทั้งหมดนี้คือผลสะเทือนจากการเลือกข้างของ "ผู้คน"
เป็นการเลือกข้างว่า 6 ศพที่นอนเรียงรายอยู่ในวัด หากมิใช่พวกเสื้อแดง ก็ต้องเป็นผู้ที่เอนเอียงหรือเห็นอกเห็นใจพวกเสื้อแดง
ตรรกะก็คือ พวกเสื้อแดง คือ ผู้ก่อการร้าย เผาบ้านเผาเมือง
ดังนั้น ใครที่ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับเสื้อแดง ใครที่มีความเอนเอียงไปทางเสื้อแดง ย่อมเป็นพวกเดียวกันกับผู้ก่อการร้าย
โดยไม่ยอมรับรู้ว่า 6 ศพที่นอนเรียงรายอยู่ในวัดเป็นคนไทย
หรือหากยึดตามบรรทัดฐานของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ออกมาสรุปและแสดงความรู้สึกต่อการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551
ก็ต้องยอมรับว่า 6 ศพที่นอนเรียงรายอยู่ในวัดล้วนเป็น "คน"
แปลกที่ไม่เพียงแต่สื่อกระแสหลักจะมองข้ามและไม่มองเห็นความสำคัญแม้ว่า 6 ศพที่นอนเรียงรายอยู่ในวัดก็เป็นคน
แม้กระทั่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติก็มิได้มองว่าพวกเขาเป็น "คน"
สําเหนียกกันหรือยังว่า การแยกขั้ว แบ่งข้าง ในทางความคิดที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่ภายในสังคมประเทศไทยของเรานั้นลึกซึ้งและน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
ความเคียดแค้น ชิงชัง แพร่ลามออกไปราวกับโรคระบาด
กรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อได้อาวุธพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่ในมือก็พร้อมจะสะบัดกวัดแกว่ง โดยลืมนึกถึงบทเรียน
ในกาลอดีตว่าอาการสะบัดกวัดแกว่งเช่นนี้ก็เคยมีคนทำเมื่อมีพ.ร.บ.คอมมิวนิสต์อยู่ในมือมาแล้ว
และผลสะเทือนที่เกิดขึ้น ติดตามมาเป็นอย่างไร ก็ล้วนรับรู้กันมาอย่างถ้วนหน้า
ในนามแห่งกฎหมาย ในนามแห่งความเป็นคนดี ในนามแห่งการเป็นผู้กุมอำนาจตามกฎหมาย ทุกฝ่ายต่างใส่เกียร์เดินหน้าโดยไม่คำนึงถึงอารมณ์และความรู้สึก
อารมณ์และความรู้สึกในความเป็นคน และในความเป็นคนไทย
การเลือกข้างตามอารมณ์และความรู้สึกจึงดำเนินไปอย่างกว้างขวาง 2 หู 2 ตาจึงพร้อมจะเปิดรับเฉพาะฝ่ายเดียวกับตน 2 หู 2 ตาจึงพร้อมจะปัดปฏิเสธจากฝ่ายที่มิใช่พวกของตน
การล้างแค้นและหลั่งเลือดจึงกลายเป็นภักษาหารยอดนิยมภายในสังคม
ในที่สุดแล้วสภาพการณ์และสถานการณ์อันเกิดขึ้นและดำรงอยู่สะท้อนความเป็นจริงอะไร
สะท้อนความเป็นจริงว่าสังคมขาดไร้ที่พึ่ง สะท้อนความเป็นจริงว่าสังคมไม่มีหลักยึดมั่นอันน่าเชื่อถือได้ สะท้อนความเป็นจริงว่าสังคมต่างคนต่างเป็นใหญ่ไม่มีใครฟังใคร
นี่คืออนาธิปไตยในทางความคิด นี่คืออนาธิปไตยในทางการเมืองที่ดำรงอยู่