คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
กลางวันแสกๆ ของวันจันทร์ที่ผ่านมา มีชายไม่ทราบชื่อซ้อนจักรยานยนต์กันมา 2 คน
แล้วก็โยนถุงใส่อุจจาระเข้าไปในบ้านพักของนายกรัฐมนตรีที่ซอยสวัสดี ถนนสุขุมวิท
ไม่ใช่ที่รกร้างว่างเปลี่ยวที่ไหนเลย
อุจจาระ 4 ถุงที่เหม็นในตัวเองอยู่แล้ว พาให้อย่างอื่นพลอยเหม็นไปด้วยหมด ตั้งแต่เรื่องเล็กยันเรื่องใหญ่
เหม็นก่อนใครก็เจ้าหน้าที่ผู้มีภารกิจอารักขาที่อยู่ของผู้นำหรือบุคคลสำคัญในประเทศ
อยู่ยามกันอีท่าไหน ปล่อยให้มีคนเอาอุจจาระมาโยนใส่บ้านนายกรัฐมนตรีได้
ในยามเที่ยงเสียด้วย
เหม็นต่อมาก็คือผู้ลงมือทำนั่นเอง
ไม่ว่าจะใส่ถุงมืออยู่หรือไม่ หรือไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด ลงมือปฏิบัติการไปด้วยวัตถุประสงค์ใด
ถ้าเป็นฝ่ายตรงข้ามกับนายกรัฐมนตรี ก็พึงรู้ว่านอกจากสะใจ(ที่ต้องแอบแสดงออกกันอยู่ไม่กี่คนแล้ว) งานนี้ไม่มีอะไรได้อีกเลย
ยิ่งข่มยิ่งขู่ คะแนนสงสารยิ่งเทไปอยู่ที่อีกฝ่าย
หรือในทางกลับกัน ถ้ามีคนต้องการสร้างสถาน การณ์ ก็ต้องรู้ด้วยว่า คนที่เสียที่สุดจากงานนี้คือตัวนายกรัฐมนตรีเอง
แค่ภาระที่ต้องปลอบใจหรือทำให้คนในครอบครัว ซึ่งมีทั้งเด็กและผู้หญิงใจชื้นขึ้นมาบ้างนั้น
ไม่ใช่งานง่ายเลย
และที่น่าจะเหม็นมากที่สุดก็คือการเมืองหรือสังคมไทย
ความขัดแย้งทางการเมืองที่ควรจะเป็นเรื่องของอุดมการณ์ กลายมาเป็นปัญหาส่วนตัว
การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ซึ่งควรกระทำด้วยสันติวิธี ด้วยสติปัญญา ด้วยความอดทน ถูกผลักเอาไปกองข้างทาง
มีแนวโน้มของการใช้กำลังและความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นทางกาย วาจา หรือใจ
ซึ่งสุดท้ายแล้วก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย
มีแต่จะยิ่งทำให้ความขัดแย้งและปัญหาลุกลามบานปลายมากขึ้น
ประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องลึกลับซับซ้อนอะไรเลย
คำถามว่า ถ้ารู้อยู่แล้วยังทำ
ทำไปด้วยหวังอะไร?
แล้วก็โยนถุงใส่อุจจาระเข้าไปในบ้านพักของนายกรัฐมนตรีที่ซอยสวัสดี ถนนสุขุมวิท
ไม่ใช่ที่รกร้างว่างเปลี่ยวที่ไหนเลย
อุจจาระ 4 ถุงที่เหม็นในตัวเองอยู่แล้ว พาให้อย่างอื่นพลอยเหม็นไปด้วยหมด ตั้งแต่เรื่องเล็กยันเรื่องใหญ่
เหม็นก่อนใครก็เจ้าหน้าที่ผู้มีภารกิจอารักขาที่อยู่ของผู้นำหรือบุคคลสำคัญในประเทศ
อยู่ยามกันอีท่าไหน ปล่อยให้มีคนเอาอุจจาระมาโยนใส่บ้านนายกรัฐมนตรีได้
ในยามเที่ยงเสียด้วย
เหม็นต่อมาก็คือผู้ลงมือทำนั่นเอง
ไม่ว่าจะใส่ถุงมืออยู่หรือไม่ หรือไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด ลงมือปฏิบัติการไปด้วยวัตถุประสงค์ใด
ถ้าเป็นฝ่ายตรงข้ามกับนายกรัฐมนตรี ก็พึงรู้ว่านอกจากสะใจ(ที่ต้องแอบแสดงออกกันอยู่ไม่กี่คนแล้ว) งานนี้ไม่มีอะไรได้อีกเลย
ยิ่งข่มยิ่งขู่ คะแนนสงสารยิ่งเทไปอยู่ที่อีกฝ่าย
หรือในทางกลับกัน ถ้ามีคนต้องการสร้างสถาน การณ์ ก็ต้องรู้ด้วยว่า คนที่เสียที่สุดจากงานนี้คือตัวนายกรัฐมนตรีเอง
แค่ภาระที่ต้องปลอบใจหรือทำให้คนในครอบครัว ซึ่งมีทั้งเด็กและผู้หญิงใจชื้นขึ้นมาบ้างนั้น
ไม่ใช่งานง่ายเลย
และที่น่าจะเหม็นมากที่สุดก็คือการเมืองหรือสังคมไทย
ความขัดแย้งทางการเมืองที่ควรจะเป็นเรื่องของอุดมการณ์ กลายมาเป็นปัญหาส่วนตัว
การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ซึ่งควรกระทำด้วยสันติวิธี ด้วยสติปัญญา ด้วยความอดทน ถูกผลักเอาไปกองข้างทาง
มีแนวโน้มของการใช้กำลังและความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นทางกาย วาจา หรือใจ
ซึ่งสุดท้ายแล้วก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย
มีแต่จะยิ่งทำให้ความขัดแย้งและปัญหาลุกลามบานปลายมากขึ้น
ประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องลึกลับซับซ้อนอะไรเลย
คำถามว่า ถ้ารู้อยู่แล้วยังทำ
ทำไปด้วยหวังอะไร?