บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

‘ยิ่งลักษณ์’ หนักแน่น หวังได้รับความยุติธรรม

ที่มา บางกอกทูเดย์

การเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริง การโค่นล้มรัฐบาลที่ขึ้นมาโดยการพลิกเกมทางการเมืองภายใต้การอุ้มชูของกลุ่มอำมาตยาธิปไตยนั้น จะดำเนินอยู่ต่อไปจนกว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จนกว่าจะคืนอำนาจการตัดสินใจให้กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศท่าทีเช่นนี้เอง ที่ทำให้กลุ่มอำมาตยาธิปไตยและเครือข่าว รวมทั้งพวกเกาะเกี่ยวผลประโยชน์และอำนาจทางการเมือง มองเห็นกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นปรปักษ์ที่ต้องทำลายล้างให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดแผนอุบาทว์แจกซีดี “ล้มเจ้า” จึงยังคงเดินหน้าสร้างความแตกแยกอย่างหนักให้กับสังคมต่อไป...

ณ วินาทีนี้ คงได้เห็นกันชัดเจนแล้วว่า มีกลุ่มขั้วการมือง กลุ่มอำนาจ ที่หวังผลทางการเมืองจากการอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและครอบครัว ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันพรุ่งนี้ 26 กุมภาพันธ์เคลื่อนไหวกันอย่างหนัก!!!ก่อนหน้านั้นมีการพยายามชี้นำสังคม พยายามโน้มน้าวเหตุผลสารพัด รวมทั้งการตั้งทฤษฎีวัวทฤษฎีควายขึ้นมาหวังสร้างการยอมรับ ทั้งๆ ที่ในมุมกลับกันสังคมไทยที่มีสติและเป็นกลาง ได้มีการตั้งคำถามกันอย่างมากว่า หากทุกอย่างเป็นกระบวนการหรือระบบยุติธรรมที่มีกฎหมายรองรับอย่างชัดเจนจริงๆ

ทำไมจึงไม่อธิบายความด้วยข้อกฎหมาย ทำไม คตส.ที่ถูกแต่งตั้งขึ้นมาโดย คมช. จึงต้องตั้งทฤษฎีขึ้นมาเองขณะเดียวกันเมื่อเจอการตั้งคำถามในสังคมหนักๆ เข้าว่า พฤติกรรมชี้นำศาลของกลุ่มอำนาจในปัจจุบัน ที่ออกมาเป็นระยะๆ เหล่านั้นมีความเหมาะสมเพียงใด... ทำไมไม่สงบนิ่งรอฟังคำพิพากษากันทุกฝ่ายซาลงไปได้พักหนึ่ง แต่แล้วพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งก็คือม็อบพันธมิตรฯ แปลงร่าง กลายพันธุ์ มาอยู่ในรูปของพรรคการเมือง... นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรค

ได้ออกมาพูดจาประโคมข่าวลือไปทั่วสังคมอ้างว่าเป็นข่าวลือที่ได้ยินมาในวงแคบแต่กลับเอามาประโคมขยายความในวงกว้างไปทั่วทั้งสังคม... จนโดนตั้งคำถามว่าคิดอะไรอยู่ที่สำคัญทำให้บรรดาบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสถาบันศาลต่างเกิดความรู้สึกที่รับไม่ได้อยู่ในใจลึกๆ กับการอ้างข่าวลือ แต่กลับมาพูดครึกโครมและพูดไม่หยุดแม้จะมีการทักท้วงแล้วก็ยังไม่หยุดพูด ยังอ้างไปเรื่อยๆ ขยายความไม่หยุดเละเทะ เลอะเทอะ... แบบหวังผลหรือไม่... นายสำราญย่อมรู้ดีอยู่แก่

ใจแต่ที่แน่ๆ ม.ล.ฤทธิเทพ เทวกุล รองประธานศาลฎีกา หนึ่งในองค์คณะผู้พิพากษาคดียึดทรัพย์ พูดชัดถึงกรณีคำพูดนายสำราญ ว่า “เรื่องนี้ไม่มีอะไร ไม่เคยมีใครมาเสนอ เป็นเรื่องกุข่าว เพื่อสร้างสถานการณ์”ม.ล.ฤทธิเทพ ย้ำยืนยันด้วยว่า ไม่มีองค์คณะท่านใดให้ความสนใจกับข่าวที่ออกมา เพราะเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เช่นเดียวกันกับนายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ที่พูดชัดเจนว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมาก่อนการพิพากษา

คดีมักจะมีการปล่อยข่าวในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งการคาดเดาผลคำพิพากษา “เรื่องนี้หากมีหลักฐานชัดเจนว่าผู้พิพากษามีการกระทำส่อไปในทางที่ผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ก็สามารถยื่น ป.ป.ช. ได้ และถ้าเรื่องดังกล่าวเป็นจริงคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ( ก.ต.) ไม่ละเว้นแน่นอน”นายวิรัช ระบุว่า เพียงแต่การยื่นนั้นต้องมีสิทธิและความรับผิดชอบด้วยว่าหากไม่มีหลักฐานแล้วอาศัยเพียงแค่ความระแวงสงสัยมากล่า

วหาจะรับผิดชอบเรื่องที่เกิดความเสียหายนั้นอย่างไร หากข้อกล่าวไม่เป็นความจริง การจะกล่าวหาอะไรไม่ใช่ว่าแค่มีสิทธิ แต่ต้องมีความรับผิดชอบด้วยและคำถามเกี่ยวกับเรื่องของความรับผิดชอบในการเอาข่าวลือมาแถลง ได้ทำให้มีกลุ่มผู้พิพากษาระดับสูง มองว่าเป็นพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงเข้าข่ายความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 32 (2) รวมทั้งยังหมิ่นเหม่ต่อความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 ผู้ใดดูหมิ่นศาลหรือผู้

พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดี หรือกระทำการขัดขวางการพิจารณาหรือพิพากษาของศาล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-14,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากศาลเห็นว่าเข้าข่ายความผิดมาตรานี้ สามารถมอบอำนาจให้ตัวแทนเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนได้เรื่องนี้นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ก็มีความเห็นว่าที่นายสำราญพูดนั้นเป็นการพูดหมิ่นศาลอย่างชัดเจน แต่น่าแปลกว่ายัง

ไม่มีการดำเนินคดีใดๆ เท่ากับว่าผู้ที่เกี่ยวข้องต้องการให้มีการพูดแบบนี้เพื่อกดดันศาล “ขณะนี้จะยึดทรัพย์หรือไม่ และ พ.ต.ท.ทักษิณจะทำอะไรต่อไป ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่สุดของสังคม แต่อยู่ที่คำตัดสินจะยุติธรรมเป็นไปตามหลักนิติธรรมหรือไม่ จะเกิดอะไรขึ้นหลังการตัดสินคดีนี้คือประเด็นที่สำคัญที่สุด”นายจาตุรนต์กล่าวถือเป็นความห่วงที่สอดคล้องกับบรรดาคนในแวดวงเศรษฐกิจ แวดวงธุรกิจ ว่า กรณีคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท อาจกลายเหตุสำคัญของ

ความแตกแยกในสังคมหรือไม่? ที่สำคัญพฤติกรรมของกลุ่มอำมาตยาธิปไตย พฤติกรรมของนายทหารใหญ่ สาย คมช. พฤติกรรมของม็อบพันธมิตรฯ และพรรคการเมืองใหม่ หรือแม้แต่กระทั่งพฤติกรรมของรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์กลับเป็นฝ่ายร่วมกันเขย่าสถานการณ์เสียเอง!!!ในขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดง กลับมีแต่แผนว่าจะชุมนุมโดยสงบ จะรวมตัวกันชุมนุมในลักษณะดาวกระจายในจุดที่เห็นว่าจำเป็นนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำแนวร่วม

ประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระบุชัดเจนแล้วว่า วันที่ 26 ก.พ.นปช.จะไม่ไปชุมนุมที่ศาลฎีกาเด็ดขาดส่วนว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะชุมนุมวันไหนบ้าง จนถึงวันนี้แผนที่ชัดเจนก็ยังไม่ออกมา แถมแกนนำบางคนที่เปิดเผยออกมา ก็เลยวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ไปเป็นต้นเดือนมีนาคมโน่นเลยเพราะต้องการแสดงจุดยืนให้เห็นชัดว่า การชุมนุมรวมกลุ่มเรียกร้องความยุติธรรม เรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริง... ไม่ใช่การชุมนุมเรียกร้องเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณแต่เป็นเพราะทน

เห็นความ 2 มาตรฐานที่เกิดขึ้นกับบ้านเมือง ทนเห็นการอุ้มสมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและพรรคประชาธิปัตย์ ของกลุ่มอำมาตยาธิปไตย ไม่ไหวแล้วมากกว่าจึงต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จึงต้องการชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก หรือยุบสภาให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยเร็วที่สุดเพราะท่าทีของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่มีบทเรียนจากการถูกสร้างสถานการณ์ป้ายสีเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว จึงทำให้มีการระมัดระวังตัวสูง และยืนยันว่า ไม่ว่าคำตัดสินคดียึด

ทรัพย์ 76,000 ล้านบาท จะออกมาอย่างไรก็ตามการเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริง การโค่นล้มรัฐบาลที่ขึ้นมาโดยการพลิกเกมทางการเมืองภายใต้การอุ้มชูของกลุ่มอำมาตยาธิปไตยนั้น จะดำเนินอยู่ต่อไปจนกว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจนกว่าจะคืนอำนาจการตัดสินใจให้กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศท่าทีเช่นนี้เอง ที่ทำให้กลุ่มอำมาตยาธิปไตยและเครือข่าว รวมทั้งพวกเกาะเกี่ยวผลประโยชน์และอำนาจทางการเมือง มองเห็นกลุ่มคนเสื้อแดงเป็น

ปรปักษ์ที่ต้องทำลายล้างให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดแผนอุบาทว์แจกซีดี “ล้มเจ้า” จึงยังคงเดินหน้าสร้างความแตกแยกอย่างหนักให้กับสังคมต่อไป... เพื่อคนกลุ่มนี้จะได้กุมอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมืองได้ต่อไปตามแรงตัณหาการเมืองที่ไม่เคยเหือดหายจึงมีรายการแฉออกมาว่า ขณะนี้มีการใช้กลไกกระทรวงมหาดไทย กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ระดมแจกซีดีล้มเจ้า เพื่อกล่าวหา พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายก

รัฐมนตรี รวมทั้งแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ว่าเป็นขบวนการล้มเจ้า ล่าสุดพบว่ามีการแจกซีดีที่ จ.ปทุมธานี และ จ.บุรีรัมย์คำถามก็คือ ทำไมยังมีพฤติกรรมที่ทำลายสังคมไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ ทำไมการทำลายล้างทางการเมืองจึงไม่ยอมจบสิ้นพฤติกรรมดิ้นกันพราดๆ ก่อนวันอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ ที่กระทำกันเป็นลูกระนาดนั้นไม่มีความละอายกันเลยหรือ???นี่หรือผู้ยึดกุมอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง... สู้ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งก็ยังไม่ได้เพราะ นางสาวยิ่ง

ลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่กลับมีวุฒิภาวะและนิ่งพอที่จะยืนยันว่า จะติดตามข่าวเรื่องนี้ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่เมืองไทย และไม่มีแผนเดินทางไปต่างประเทศ“หวังว่าวันที่ 26 กุมภาพันธ์จะได้รับความเป็นธรรม ฟังข้อเท็จจริงทั้งสองฝ่าย และช่วงนี้จิตใจต้องเข้มแข็ง”พวกที่พล่านๆ กันอยู่ทั้งหลาย ฟังแล้วไม่อายบ้างเลยหรือ!!!

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker