การเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริง การโค่นล้มรัฐบาลที่ขึ้นมาโดยการพลิกเกมทางการเมืองภายใต้การอุ้มชูของกลุ่มอำมาตยาธิปไตยนั้น จะดำเนินอยู่ต่อไปจนกว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จนกว่าจะคืนอำนาจการตัดสินใจให้กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศท่าทีเช่นนี้เอง ที่ทำให้กลุ่มอำมาตยาธิปไตยและเครือข่าว รวมทั้งพวกเกาะเกี่ยวผลประโยชน์และอำนาจทางการเมือง มองเห็นกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นปรปักษ์ที่ต้องทำลายล้างให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดแผนอุบาทว์แจกซีดี “ล้มเจ้า” จึงยังคงเดินหน้าสร้างความแตกแยกอย่างหนักให้กับสังคมต่อไป...
ณ วินาทีนี้ คงได้เห็นกันชัดเจนแล้วว่า มีกลุ่มขั้วการมือง กลุ่มอำนาจ ที่หวังผลทางการเมืองจากการอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและครอบครัว ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันพรุ่งนี้ 26 กุมภาพันธ์เคลื่อนไหวกันอย่างหนัก!!!ก่อนหน้านั้นมีการพยายามชี้นำสังคม พยายามโน้มน้าวเหตุผลสารพัด รวมทั้งการตั้งทฤษฎีวัวทฤษฎีควายขึ้นมาหวังสร้างการยอมรับ ทั้งๆ ที่ในมุมกลับกันสังคมไทยที่มีสติและเป็นกลาง ได้มีการตั้งคำถามกันอย่างมากว่า หากทุกอย่างเป็นกระบวนการหรือระบบยุติธรรมที่มีกฎหมายรองรับอย่างชัดเจนจริงๆ
ทำไมจึงไม่อธิบายความด้วยข้อกฎหมาย ทำไม คตส.ที่ถูกแต่งตั้งขึ้นมาโดย คมช. จึงต้องตั้งทฤษฎีขึ้นมาเองขณะเดียวกันเมื่อเจอการตั้งคำถามในสังคมหนักๆ เข้าว่า พฤติกรรมชี้นำศาลของกลุ่มอำนาจในปัจจุบัน ที่ออกมาเป็นระยะๆ เหล่านั้นมีความเหมาะสมเพียงใด... ทำไมไม่สงบนิ่งรอฟังคำพิพากษากันทุกฝ่ายซาลงไปได้พักหนึ่ง แต่แล้วพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งก็คือม็อบพันธมิตรฯ แปลงร่าง กลายพันธุ์ มาอยู่ในรูปของพรรคการเมือง... นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรค
ได้ออกมาพูดจาประโคมข่าวลือไปทั่วสังคมอ้างว่าเป็นข่าวลือที่ได้ยินมาในวงแคบแต่กลับเอามาประโคมขยายความในวงกว้างไปทั่วทั้งสังคม... จนโดนตั้งคำถามว่าคิดอะไรอยู่ที่สำคัญทำให้บรรดาบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสถาบันศาลต่างเกิดความรู้สึกที่รับไม่ได้อยู่ในใจลึกๆ กับการอ้างข่าวลือ แต่กลับมาพูดครึกโครมและพูดไม่หยุดแม้จะมีการทักท้วงแล้วก็ยังไม่หยุดพูด ยังอ้างไปเรื่อยๆ ขยายความไม่หยุดเละเทะ เลอะเทอะ... แบบหวังผลหรือไม่... นายสำราญย่อมรู้ดีอยู่แก่
ใจแต่ที่แน่ๆ ม.ล.ฤทธิเทพ เทวกุล รองประธานศาลฎีกา หนึ่งในองค์คณะผู้พิพากษาคดียึดทรัพย์ พูดชัดถึงกรณีคำพูดนายสำราญ ว่า “เรื่องนี้ไม่มีอะไร ไม่เคยมีใครมาเสนอ เป็นเรื่องกุข่าว เพื่อสร้างสถานการณ์”ม.ล.ฤทธิเทพ ย้ำยืนยันด้วยว่า ไม่มีองค์คณะท่านใดให้ความสนใจกับข่าวที่ออกมา เพราะเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เช่นเดียวกันกับนายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ที่พูดชัดเจนว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมาก่อนการพิพากษา
คดีมักจะมีการปล่อยข่าวในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งการคาดเดาผลคำพิพากษา “เรื่องนี้หากมีหลักฐานชัดเจนว่าผู้พิพากษามีการกระทำส่อไปในทางที่ผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ก็สามารถยื่น ป.ป.ช. ได้ และถ้าเรื่องดังกล่าวเป็นจริงคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ( ก.ต.) ไม่ละเว้นแน่นอน”นายวิรัช ระบุว่า เพียงแต่การยื่นนั้นต้องมีสิทธิและความรับผิดชอบด้วยว่าหากไม่มีหลักฐานแล้วอาศัยเพียงแค่ความระแวงสงสัยมากล่า
วหาจะรับผิดชอบเรื่องที่เกิดความเสียหายนั้นอย่างไร หากข้อกล่าวไม่เป็นความจริง การจะกล่าวหาอะไรไม่ใช่ว่าแค่มีสิทธิ แต่ต้องมีความรับผิดชอบด้วยและคำถามเกี่ยวกับเรื่องของความรับผิดชอบในการเอาข่าวลือมาแถลง ได้ทำให้มีกลุ่มผู้พิพากษาระดับสูง มองว่าเป็นพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงเข้าข่ายความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 32 (2) รวมทั้งยังหมิ่นเหม่ต่อความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 ผู้ใดดูหมิ่นศาลหรือผู้
พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดี หรือกระทำการขัดขวางการพิจารณาหรือพิพากษาของศาล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-14,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากศาลเห็นว่าเข้าข่ายความผิดมาตรานี้ สามารถมอบอำนาจให้ตัวแทนเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนได้เรื่องนี้นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ก็มีความเห็นว่าที่นายสำราญพูดนั้นเป็นการพูดหมิ่นศาลอย่างชัดเจน แต่น่าแปลกว่ายัง
ไม่มีการดำเนินคดีใดๆ เท่ากับว่าผู้ที่เกี่ยวข้องต้องการให้มีการพูดแบบนี้เพื่อกดดันศาล “ขณะนี้จะยึดทรัพย์หรือไม่ และ พ.ต.ท.ทักษิณจะทำอะไรต่อไป ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่สุดของสังคม แต่อยู่ที่คำตัดสินจะยุติธรรมเป็นไปตามหลักนิติธรรมหรือไม่ จะเกิดอะไรขึ้นหลังการตัดสินคดีนี้คือประเด็นที่สำคัญที่สุด”นายจาตุรนต์กล่าวถือเป็นความห่วงที่สอดคล้องกับบรรดาคนในแวดวงเศรษฐกิจ แวดวงธุรกิจ ว่า กรณีคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท อาจกลายเหตุสำคัญของ
ความแตกแยกในสังคมหรือไม่? ที่สำคัญพฤติกรรมของกลุ่มอำมาตยาธิปไตย พฤติกรรมของนายทหารใหญ่ สาย คมช. พฤติกรรมของม็อบพันธมิตรฯ และพรรคการเมืองใหม่ หรือแม้แต่กระทั่งพฤติกรรมของรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์กลับเป็นฝ่ายร่วมกันเขย่าสถานการณ์เสียเอง!!!ในขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดง กลับมีแต่แผนว่าจะชุมนุมโดยสงบ จะรวมตัวกันชุมนุมในลักษณะดาวกระจายในจุดที่เห็นว่าจำเป็นนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำแนวร่วม
ประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระบุชัดเจนแล้วว่า วันที่ 26 ก.พ.นปช.จะไม่ไปชุมนุมที่ศาลฎีกาเด็ดขาดส่วนว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะชุมนุมวันไหนบ้าง จนถึงวันนี้แผนที่ชัดเจนก็ยังไม่ออกมา แถมแกนนำบางคนที่เปิดเผยออกมา ก็เลยวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ไปเป็นต้นเดือนมีนาคมโน่นเลยเพราะต้องการแสดงจุดยืนให้เห็นชัดว่า การชุมนุมรวมกลุ่มเรียกร้องความยุติธรรม เรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริง... ไม่ใช่การชุมนุมเรียกร้องเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณแต่เป็นเพราะทน
เห็นความ 2 มาตรฐานที่เกิดขึ้นกับบ้านเมือง ทนเห็นการอุ้มสมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและพรรคประชาธิปัตย์ ของกลุ่มอำมาตยาธิปไตย ไม่ไหวแล้วมากกว่าจึงต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จึงต้องการชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก หรือยุบสภาให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยเร็วที่สุดเพราะท่าทีของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่มีบทเรียนจากการถูกสร้างสถานการณ์ป้ายสีเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว จึงทำให้มีการระมัดระวังตัวสูง และยืนยันว่า ไม่ว่าคำตัดสินคดียึด
ทรัพย์ 76,000 ล้านบาท จะออกมาอย่างไรก็ตามการเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริง การโค่นล้มรัฐบาลที่ขึ้นมาโดยการพลิกเกมทางการเมืองภายใต้การอุ้มชูของกลุ่มอำมาตยาธิปไตยนั้น จะดำเนินอยู่ต่อไปจนกว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจนกว่าจะคืนอำนาจการตัดสินใจให้กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศท่าทีเช่นนี้เอง ที่ทำให้กลุ่มอำมาตยาธิปไตยและเครือข่าว รวมทั้งพวกเกาะเกี่ยวผลประโยชน์และอำนาจทางการเมือง มองเห็นกลุ่มคนเสื้อแดงเป็น
ปรปักษ์ที่ต้องทำลายล้างให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดแผนอุบาทว์แจกซีดี “ล้มเจ้า” จึงยังคงเดินหน้าสร้างความแตกแยกอย่างหนักให้กับสังคมต่อไป... เพื่อคนกลุ่มนี้จะได้กุมอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมืองได้ต่อไปตามแรงตัณหาการเมืองที่ไม่เคยเหือดหายจึงมีรายการแฉออกมาว่า ขณะนี้มีการใช้กลไกกระทรวงมหาดไทย กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ระดมแจกซีดีล้มเจ้า เพื่อกล่าวหา พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายก
รัฐมนตรี รวมทั้งแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ว่าเป็นขบวนการล้มเจ้า ล่าสุดพบว่ามีการแจกซีดีที่ จ.ปทุมธานี และ จ.บุรีรัมย์คำถามก็คือ ทำไมยังมีพฤติกรรมที่ทำลายสังคมไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ ทำไมการทำลายล้างทางการเมืองจึงไม่ยอมจบสิ้นพฤติกรรมดิ้นกันพราดๆ ก่อนวันอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ ที่กระทำกันเป็นลูกระนาดนั้นไม่มีความละอายกันเลยหรือ???นี่หรือผู้ยึดกุมอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง... สู้ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งก็ยังไม่ได้เพราะ นางสาวยิ่ง
ลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่กลับมีวุฒิภาวะและนิ่งพอที่จะยืนยันว่า จะติดตามข่าวเรื่องนี้ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่เมืองไทย และไม่มีแผนเดินทางไปต่างประเทศ“หวังว่าวันที่ 26 กุมภาพันธ์จะได้รับความเป็นธรรม ฟังข้อเท็จจริงทั้งสองฝ่าย และช่วงนี้จิตใจต้องเข้มแข็ง”พวกที่พล่านๆ กันอยู่ทั้งหลาย ฟังแล้วไม่อายบ้างเลยหรือ!!!