บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

แซ่ดเปรมใบสั่ง'เปาเจี๊ยบ'กุมชะตายึดทรัพย์

ที่มา Thai E-News


องค์คณะผู้พิพากษาคดียึดทรัพย์-9ผู้พิพากษาคดียึดทรัพย์76,000ล้านบาท ต้องเผชิญแรงกดดันรอบด้านในการตัดสินคดีประวัติศาสตร์ 26 กุมภาพันธ์

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
26 กุมภาพันธ์ 2553

คน"แวดวงใน"โจษขานกันว่า มีคนของ"สายเปรม"อยู่ 2 รายมีบทบาทในการดูแล"ธง".. คนแรกมีชื่อเล่นว่า"เจี๊ยบ" อีกคนชื่อเล่นว่า"ชิน" เป็นคนที่ไม่นิยมแต่งงาน เข้าบ้านสี่เสาได้โดยไม่ต้องนัด.."เจี๊ยบ"เป็นคนที่คัดรายชื่อท่านเปาเสนอให้เปรมพิจารณา "เจี๊ยบ"ชอบแสดงตัวว่า"รู้ลึกรู้ดี" เช่นเคยพูดล่วงหน้าว่า นายสันติ ทักราล จะได้เป็นประธานศาลฏีกา ต่อมาก็ได้เป็นจริงๆ และพูดล่วงหน้าอีกว่า นายสันติจะได้เป็นองคมนตรี ก็ได้เป็นในเวลาต่อมา

นายจักรภพ เพ็ญแข เคยเปิดเทปลับเสียงของ"ท่านเจี๊ยบ"ที่สนามหลวงมาก่อนหน้านี้ที่อ้างว่า ท่านเจี๊ยบส่งตรงจากบ้าน4เสา เคยมีอิทธิฤทธิ์นัดประชุม3ศาลและมีธงให้เลือกตั้ง2เม.ย.49เป็นโมฆะ ให้จำคุกกกต.ชุดเดิม ส่งศาลไปเป็นกกต.ชุดใหม่ ที่เรียกกันว่าตุลาการภิวัฒน์

ส่วน"ชิน"นั้นคือตัวเชื่อมต่อไปยังท่านเปาในระดับต่างๆ ที่คุมคดีที่เกี่ยวกับอดีตนายกฯทักษิณ เช่น "ชีพ"คนมีตำแหน่งระดับอธิบดี เป็นคนคุมเกมระดับรองลงไป


ดังที่เอแบคโพลล์เสนอผลสำรวจว่า ประชาชนเชื่อมั่นในคำตัดสินคดียึดทรัพย์ที่จะเกิดขึ้นและลุ้นระทึกในวันที่ 26 ก.พ. แต่องค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 ท่านก็ไม่วายตกอยู่ใต้แรงกดดันรอบด้าน

สายพันธมิตร นายสำราญ รอดเพชร กล่าวหาหนักหนาเรื่องมีการนำเสนอสินบน และอ้างว่า4รายใน9รายได้รับข้อเสนอไปแล้ว ซึ่งเป็นแรงกดดันชนิด"ตีปลาหน้าไซ"เพราะหากมีการตัดสินให้ทักษิณพ้นผิด พธม.ก็คงได้ทีอ้างว่า"นั่นไง ว่าแล้ว" หากผลออกไปอีกทาง ก็จะมีข้อแก้ตัวว่า"ว่าแล้ว ศาลซื้อไม่ได้" สรุปคือพันธมารได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง

ส่วนฝ่ายที่สนับสนุนทักษิณแม้จะเงียบในที่ตั้งไม่ออกมากดดันใดๆ รวมทั้งแกนนำ3เกลอปรับขบวนไม่ยอมม็อบใหญ่ มีเพียงสายสุรชัย แซ่ด่าน เปิดเวทีปราศรัยท้องสนามหลวง ทว่าก็มีข่าวแพร่มาจาก"วงใน" ตั้งข้อกังขาว่าท่านเปาสายเปรมอาจเป็นเงาตะคุ่มๆอยู่

เรามารู้จักผู้พิพากษาในองค์คณะดูว่า ไผเป็นไผ


1.นายกำพล ภู่สุดแสวง


ตำแหน่ง-ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา

ประวัติผลงาน-เป็นองค์คณะคดีทุจริตปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ให้กับรัฐบาลพม่าวงเงิน 4,000 ล้านบาทที่ คตส.ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และองค์คณะคดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2และ 3 ตัว (หวยบนดิน) ที่ คตส.ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ กับพวกรวม 47 คน

2.นายธานิศ เกศวพิทักษ์

ตำแหน่ง-ประธานแผนกคดีผู้บริโภคในศาลฎีกา

ผลงาน-เคยเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ร่วมวินิจฉัยด้วยคะแนน 9ต่อ 0 ให้ยุบพรรคไทยรักไทย ในคดีทุจริตการเลือกตั้ง 2 เมษายน 2548 แต่ธานิศเป็น 1 ใน 3 ตุลาการเสียงข้างน้อย ที่วินิจฉัยไม่ให้ตัดสิทธิทางการเมืองกับคณะกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย

3.นายประทีป เฉลิมภัทรกุล

ตำแหน่ง-ประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลฎีกา

ผลงาน-เป็นหนึ่งในองค์คณะคดีออกกฎหมายแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างจำหน่ายคดีชั่วคราว เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณไม่มาศาล


4.พงษ์เทพ ศิริพงศ์ติกานนท์(คนที่1แถวที่2ในภาพใหญ่)

ตำแหน่ง-ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา

5.นายพิทักษ์ คงจันทร์

ตำแหน่ง-ประธานแผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา

ผลงาน-มาแทน "นายบุญรอด ตันประเสริฐ" ที่ขอลาออกเนื่องจากเสียงวิจารณ์กรณีมติคดีกล้ายางพารา "รั่ว" ซึ่งบุญรอดเป็นองค์คณะผู้พิพากษาคดีดังกล่าวอยู่ด้วย

6.นายสมศักดิ์ เนตรมัย

ตำแหน่ง-ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา เจ้าของสำนวนและหัวหน้าทีมผู้พิพากษาคดีนี้ ผู้มีประสบการณ์ตัดสินคดีสำคัญๆ ทางการเมือง มาอย่างโชกโชน

ผลงาน-เป็นหนึ่งในองค์คณะผู้พิพากษาที่ตัดสินให้จำคุก "วัฒนา อัศวเหม" อดีต รมช.มหาดไทย เป็นเวลา 10 ปี ในคดีทุจริตคลองด่าน และตัดสินจำคุกอดีตคณะกรรมการ ป.ป.ช.กรณีขึ้นเงินเดือนตัวเอง เป็นเวลา 2 ปี

ที่สำคัญ เคยร่วมตัดสินคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดาฯ 772 ล้านบาท ที่พิพากษาจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเวลา 2 ปีด้วย

7.นายอดิศักดิ์ ทิมมาตย์
ตำแหน่ง-ประธานแผนกคดีเยาวชนในศาลฎีกา

ผลงาน-มาแทน "ปัญญารัตน์ วิระยะวานิช" ที่พ้นจากองค์คณะคดียึดทรัพย์ เนื่องจากอายุ 60 ปี และย้ายไปเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์

8.นายไพโรจน์ วายุภาพ

ตำแหน่ง-ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา

9.ม.ล.ฤทธิเทพ เทวกุล

ตำแหน่ง-ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา

โจษขานสาย"เปรม"คุมคดี

ขณะเดียวกัน คน"แวดวงใน"โจษขานกันว่า มีคนของ"สายเปรม"อยู่ 2 ราย มีส่วนเกี่ยวพันประสานงาน โดยคนแรกมีชื่อเล่นว่า"เจี๊ยบ" อีกคนชื่อเล่นว่า"ชิน" เป็นคนที่ไม่นิยมแต่งงาน เข้าบ้านสี่เสาได้โดยไม่ต้องนัด.."เจี๊ยบ"เป็นคนที่คัดรายชื่อท่านเปาเสนอให้เปรมพิจารณา "เจี๊ยบ"ชอบแสดงตัวว่า"รู้ลึกรู้ดี" เช่นเคยพูดล่วงหน้าว่า นายสันติ ทักราล จะได้เป็นประธานศาลฏีกา ต่อมาก็ได้เป็นจริงๆ และพูดล่วงหน้าอีกว่า นายสันติจะได้เป็นองคมนตรี ก็ได้เป็นในเวลาต่อมา

ส่วน"ชิน"นั้นคือตัวเชื่อมต่อไปยังท่านเปาในระดับต่างๆ ที่คุมคดีที่เกี่ยวกับอดีตนายกฯทักษิณ เช่น "ชีพ"คนมีตำแหน่งระดับอธิบดี เป็นคนคุมเกมระดับรองลงไป

จักรภพเคยเปิดเทปลบแฉเปาเจี๊ยบคนคุมเกม

นายจักรภพ เพ็ญแข เคยเปิดเทปเสียงการสนทนาที่อ้างว่าได้จากการดักฟังทางโทรศัพท์ ในการปราศรัยที่สนามหลวงเมื่อวันที่22มิถุนายน 2550 กล่าวหาผู้พิพากษารายหนึ่งว่า รับใบสั่งจากเปรมทำลายล้างอดีตนายกฯทักษิณ

โดยนายจักรภพเปิดเทปลับ ที่อ้างว่าเป็นเสียงของข้าราชการ ซี 11 ผู้หนึ่ง กับ"ท่านเจี๊ยบ" ผู้พิพากษา ซึ่งนายจักภพอ้างว่าเป็นคนใกล้ชิดของพล.อ.เปรม และเทปลับอีกชุด อ้างว่าเป็นเสียงของข้าราชการ ซี 11 คนเดิม สนทนากับ"ท่านชิน"ผู้พิพากษาอีกรายที่ทำงานรับใช้เปรม

การสนทนาดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสให้ศาลช่วยแก้ไขวิกฤติบ้านเมือง เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2549 ซึ่งเทปบันทึกเสียงที่นำมาเปิดในที่ชุมนุมเสียงไม่ชัดเจนนัก นายจักรภพต้องอธิบายเพิ่มเติมเป็นระยะๆ โดยสรุปได้ว่า เป็นการสนทนาเกี่ยวกับการเชิญประชุม 3 ศาล การแนะนำให้ กกต.ชุดเดิมลาออก เพราะจัดการเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย.ผิดพลาด และต้องมี กกต.ชุดใหม่ โดยจะส่งคนของศาลเข้าไปเป็น กกต.โดยนายจักรภพอ้างว่าเป็นการบิดเบือนพระราชดำรัส

นายจักภพอธิบายว่า เมื่อมีการประชุม 3 ศาลแล้ว ท่านชินยังบอกการประชุมครั้งนี้ท่านเจี๊ยบเป็นคนนัด มีอะไรถามท่านเจี๊ยบ ทั้งที่ท่านเจี๊ยบเป็นแค่ผู้พิพากษาที่ต่ำกว่า เป็นการชี้ให้เห็นว่า เขาคือผู้กำกับการแสดง มีอำนาจชี้นำมากกว่า 3 ศาล ทำให้ศาลไม่ยึดตามแนวพระราชดำรัส แต่ไปยึดตามท่านเจี๊ยบที่ส่งตรงมาจากบ้านสี่เสา

นายจักรภพอ้างว่า จากบทสนทนาของคนทั้ง 3 แสดงให้เป็นว่า ศาลมีธงจากการที่ประสานงานกันไว้แล้วว่ารัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณจะไม่มีทางรอด พระราชดำรัสของในหลวงให้ศาลไปหาวิธีทำให้มีสภาที่ครบถ้วน แต่กลับไประสานงานกันตั้งแก๊งกำจัดศัตรูทางการเมือง ทำการยกเลิกการเลือกตั้ง จำคุก กกต. ไล่มาเรื่อยจนคนของศาลมาอยู่ใน ตุลาการรัฐธรรมนูญ และยุบพรรคไทยรักไทยในที่สุด

“แผนของพวกเขามี 3 ขั้นตอน เริ่มจากนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ออกมาบอกว่ารู้ทันทักษิณ และนายสนธิ ก็บอกว่าสู้เพื่อในหลวง หลังจากนั้น ก็มีตุลาการภิวัฒน์ออกมา โดยมีท่านเจี้ยบเป็นตัวกลาง บ้านสี่เสาอำนวยการสร้าง บีบ กกต.ให้ลาออก ทำให้การเลือกตั้ง 2 เม.ย.เป็นโมฆะ จำคุก กกต. เกิดกระบวนการทำให้ตุลาการใหญ่โตเกินไป มีการตั้งศาลมาเป็น กกต.ทั้งหมด ไม่เดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ตามพระราชกฤษฎีกา ที่ให้มีการเลือกตั้งวันที่ 15 ตุลาคมฯ”


อย่างไรก็ตามไทยอีนิวส์ได้แต่หวังว่า การโจษขานทั้งหลายทั้งปวงทั้งจากฝ่ายพันธมิตร และชุมชนอินเตอร์เน็ตนั้น จะเป็นเพียง"ข่าวลือ"ที่ไร้มูล เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมของไทยยังคงความน่าเชื่อถือต่อไป

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker