เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 22 ก.พ. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กลุ่มกรุงเทพฯ 50 ได้จัดเสวนา"ทิศทางประเทศไทย ปี 2553" จำหน่ายบัตรโต๊ะจีน จำนวน 200 โต๊ะ โต๊ะละ 2 หมื่นบาท มีผู้ให้ความสนใจร่วมงานคับคั่งกว่า 2,000 คน โดยมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นายคณิน บุญสุวรรณ อดีต ส.ส.ร. 40 นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา เป็นวิทยากร ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เป็นวิทยากรพิเศษผ่านระบบวีดีโอลิงค์ในครั้งนี้ด้วย
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า วันนี้นักลงทุนต่างชาติมีสรุปว่าการเมืองไทยเล่นกันแรง เมื่อก่อนการเมืองไทยไม่ข้ามเขตมาสู่เศรษฐกิจ อยู่แค่การเมืองทหาร แต่วันนี้ข้ามเขตมาสู่เศรษฐกิจไม่สนใจว่าจะพังและยังข้ามเขตถึงกระบวนการยุติธรรมด้วย ปัญหาวันนี้เกิดจะจับหนูตัวเดียวเผาทั้งบ้านทำให้วุ่นทุกวันนี้ ถ้าจะให้ทำนายทิศทางประเทศไทยปี 53 อันดับแรกต้องย้อนกลับไปดูที่เหตุ หากเราหาเหตุแห่งทุกข์ไม่ได้ ก็ดับทุกข์ไม่ได้สาเหตุเกิดจากกติกาถูกละเมิดโดยคนมีบารมีสูงคนเดียวแอบสั่งการทุกเรื่อง เริ่มจากให้พรรคการเมืองบอยคอตเลือกตั้ง ไปเดินสายพูดับทหาร เรียก กกต.บางคนไปสั่งให้ลาออกเมื่อคดีไปถึงศาลก็สั่งขังโดยไม่ให้ประกัน องคมนตรีเขาก็เดินสายสนับสนุนพันธมิตรฯ พาคนที่ปฏิวัติไปเข้าเฝ้าฯ สนับสนุนให้พันธมิตรฯ ปลอมตัวไปยึดสนามบิน ต้นเหตุอยู่ที่ความไม่พอใจหรือแค้นอะไรก็ไม่ทราบ ความจริงตนเป็นคนพูดง่าย พูดดีๆ ก็จบ แต่ไปปล่อยให้อีรุงตุงนัง จนเสียหายหมด
"ถ้าคนที่เคยแอบสั่งการมานั่งคุยกับผมซะ ทุกอย่างก็จบได้ ไม่มีอะไรเลย แต่วันนี้ไม่คุย กะจะบี้ให้ตาย บอกว่าจะบี้ยังไงก็ไม่จบ เพราะมีตัวตายตัวแทน ประชาชนเสื้อแดงเห็นการทำงานอย่างนี้ เขารับไม่ได้หรอก ถ้าถามว่ายุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ คงดีขึ้นในระดับหนึ่ง แต่ดีกว่าวันนี้แน่นอน ที่รัฐบาลบอกจะได้ 240 เสียงก็ช่วยยุบสภาสักที ฟันธงปีนี้มีการเปลี่ยนรัฐบาลแน่นอน ไม่รู้เหมือนกันรัฐบาลแบบไหน รัฐบาลแห่งชาติหรือเปล่าผมไม่รู้ รัฐบาลเปลี่ยนขั้วหรือเปล่าผมไม่รู้" อดีตนายกฯ กล่าว
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า คิดในมุมดีไว้ก่อน ถ้าปี2553ดีขึ้น ตนอาจจะได้กลับบ้าน
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า สำหรับทิศทางปี 2553 ตนมองว่ารัฐธรรมนูญปี 25 50 จะต้องแก้เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เพราะโลกจะฉุดเรา เราจะฉุดโลกไม่ได้ ส่วนด้านเศรษฐกิจถ้าจะสู้กันอย่างนี้ แม้จะกินบุญเก่าได้สักระยะหนึ่ง เหมือนรถยนต์ถ้าเครื่องดับแต่ไม่แตะเบรกรถก็ยังไม่หยุด แต่จะไปได้ไกลแค่ไหนก็ขึ้นอยู่โมเมนตั้ม 4 ปีซ่อมของตนทำไปแล้ว 4 สร้างทำได้ปีเดียวก็ถูกทุบ ถ้าให้กลับไปทำใหม่ก็ซ่อมกันอย่างหนัก แต่ยังไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องยนต์แต่ต้องเปลี่ยนหลายอย่างเพื่อให้ภาพลักษณ์ประเทศดีขึ้น
จากนั้นพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ตอบคำถามพิธีกรถึงความรู้สึกก่อนที่ศาลจะมีคำตัดสินคดียึดทรัพย์ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ ว่า ยังหลับสบายเพราะเป็นคนที่ไม่อยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป ทั้งนี้มั่นใจว่าผู้พิพากษาส่วนใหญ่เป็นคนดีและรักสถาบันยุติธรรม ตนและครอบครัวไม่ได้ทำอะไรผิด ทรัพย์สินก็มีมาก่อนเป็นนายกฯ ทรัพย์สินทั้งหมดมาจากหุ้นตัวเดียวกัน ดังนั้นเมื่อคิดว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด คิดว่าผู้พิพากษาส่วนใหญ่มีชื่อเสียงมานานย่อมรักษาคุณธรรม ความดีมาทั้งชีวิต หากมีการบิดเบือนอะไรจริงๆ ตนเตรียมทางออกไว้แล้วและอยู่ระหว่างการปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ ตราบใดความยุติธรรมไม่ได้รับ การต่อสู้ก็จะไม่เลิกราแน่นอน การพูดคุยกับตนง่ายมาก ตนใจสปอร์ต แต่ถ้าถูกรังแก เป็นสิ่งที่รับไม่ได้
เมื่อถามถึงกรณีที่สังคมห่วงว่าจะเกิดความรุนแรงจากการชุมนุมของคนเสื้อแดง พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ตนกับประชาชนเริ่มต้นที่ประชาชนชื่นชอบนโยบายของพรรคไทยรักไทย จนชนะการเลือกตั้งปี 2544 พอมาปี 2548 ประชาชนเลือกก็เพราะรัก เมื่อถูกปฏิวัติคนก็รู้สึกสงสารแต่เมื่อโดนอะไรมากขึ้นคนก็เจ็บใจแทน จนเป็นต้นเหตุให้คนเสื้อแดงเต็มไปทั้งประเทศ อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าคนเสื้อแดงเป็นคนรักสันติ เว้นแต่รัฐบาลส่งคนปลอมตัวมายิงหัวคนเสื้อแดง เหมือนที่พัทยา หรือเรื่องรถแก๊ซที่หน้าคิงส์พาวเวอร์ อย่างนี้ก็ไม่แน่เหมือนกัน แต่หากรัฐบาลยึดมั่นในสันติก็ไม่มีอะไร
เมื่อถามว่ามีการระบุว่าหากไม่ได้รับความเป็นธรรมว่าจะฟ้องต่อศาลโลกซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่สามารถทำได้ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า คนวิจารณ์ไม่ได้เปิดตำราดูเลยไม่เข้าใจ คิดว่าศาลโลกหรือเวิลด์คอร์ตเป็นเรื่องของรัฐกับรัฐแต่นี่ไม่ใช่เวิลด์คอร์ต แต่เป็นอินเตอร์เนชั่นแนลคอร์ต ออฟ จัสติส ซึ่งที่ประเทศมาเลเซียเคยมีประชาชนยื่นฟ้องรัฐบาลมาแล้ว ซึ่งศาลตัดสินให้รัฐบาลมาเลเซียจ่ายเงินชดเชยให้ 2.5 ล้านเหรียญ