เหล็กใน
"ตำรวจมักมีภาพติดลบเสมอในสายตาของรัฐบาลนี้"
คำวิจารณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างไร้มูลความจริง เพราะหากย้อนไปห้วงเวลาก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์จะจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ม็อบพันธมิตรกำลังขับไล่รัฐบาลในอดีต
ขับไล่นายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 2 นายกรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชาชน
ทั้งยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ ฯลฯ
กระทั่งเกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุมหน้ารัฐสภา 7 ตุลาคม 2551
พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งให้การสนับสนุนการชุมนุมของพันธมิตรมาตั้งแต่แรก ก็ออกมาประณามตำรวจว่าใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม ทำร้ายประชาชน
หลังพรรคพลังประชาชนโดนยุบ พรรคประชาธิปัตย์ก็จับมือกับพรรคร่วมและกลุ่มส.ส.ที่แยกตัวจากพรรคเพื่อไทย จัดตั้งเป็นรัฐบาลได้สำเร็จ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
ซึ่งนายอภิสิทธิ์ต้องยอมรับความจริงว่า ม็อบเหลืองเป็นแรงผลักดันส่วนหนึ่งให้ก้าวขึ้นเป็นนายกฯ ด้วยเช่นกัน
จากนั้นก็เข้าสู่ยุคม็อบเสื้อแดง ใช้ยุทธวิธีเดียวกับที่ม็อบเหลืองเคยใช้เล่นงาน 3 นายกรัฐมนตรีในอดีต ทั้งชุมนุมประท้วง ทั้งรวมตัวขับไล่กดดัน จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ม็อบแดงบุกกระทรวงมหาดไทย ทุบรถนายกฯ เหตุการณ์ขวางการประชุมอาเซียนซัมมิทที่พัทยา
ลามไปจนถึงเหตุการณ์ล้อมรถนายกฯ มาร์คที่พัทยาด้วย
ตอนนั้นตำรวจโดนรัฐบาลสับแหลก หาว่าเกียร์ว่างบ้าง หาว่าฝักใฝ่เสื้อแดงบ้าง
ตำรวจหลายนายในยุคปราบม็อบเหลืองโดนย้ายโดนเด้งกันระนาว
จุดนี้เองทำให้ตำรวจถูกมองว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลไปโดยปริยาย
ปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากนายกฯ มาร์คแยกความรู้สึกส่วนตัวออกจากการบริหารราชการแผ่นดิน
ปัญหาการแต่งตั้งผบ.ตร.ที่คาราคาซังอยู่ถึงทุกวันนี้ ก็เพราะนายกฯ มาร์คคิดว่าตั้งคนนั้นก็ไม่ได้เพราะเคยปราบม็อบเหลือง ตั้งคนนี้ก็ไม่ได้เพราะเป็นเพื่อนทักษิณ
คนที่ตัวเองอยากจะตั้งก็ทำไม่ได้ เพราะเสียงก.ต.ช.ส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย
และที่สำคัญนายกฯ มาร์ค และรัฐบาลประชาธิปัตย์ละเลย ไม่สนใจคดีที่ม็อบเหลืองตกเป็นผู้ต้องหา จนโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า 2 มาตรฐาน
คดียึดทำเนียบ คดีก่อการร้ายยึดสนามบิน ล่วงเลยมาเกือบ 2 ปีแล้ว กลับไม่มีความคืบหน้า
ล่าสุดชมรมอาสาพิทักษ์ปกป้องตำรวจออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลหันไปเหลียวแลตำรวจกว่า 80 นายที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ม็อบเหลืองชุมนุมปิดล้อมรัฐสภา
ทั้งถูกมีดเสียบ เหล็กแหลมแทง โดนยิง บางนายโดนม็อบขับรถทับ
ตำรวจต้องดูแลกันเองไปตามยถากรรม
รัฐบาลไม่เคยเข้าไปเยียวยาดูแล ต่างจากม็อบพันธมิตรลิบลับ
น่าน้อยใจแทนตำรวจเหมือนกัน
คำวิจารณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างไร้มูลความจริง เพราะหากย้อนไปห้วงเวลาก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์จะจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ม็อบพันธมิตรกำลังขับไล่รัฐบาลในอดีต
ขับไล่นายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 2 นายกรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชาชน
ทั้งยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ ฯลฯ
กระทั่งเกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุมหน้ารัฐสภา 7 ตุลาคม 2551
พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งให้การสนับสนุนการชุมนุมของพันธมิตรมาตั้งแต่แรก ก็ออกมาประณามตำรวจว่าใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม ทำร้ายประชาชน
หลังพรรคพลังประชาชนโดนยุบ พรรคประชาธิปัตย์ก็จับมือกับพรรคร่วมและกลุ่มส.ส.ที่แยกตัวจากพรรคเพื่อไทย จัดตั้งเป็นรัฐบาลได้สำเร็จ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
ซึ่งนายอภิสิทธิ์ต้องยอมรับความจริงว่า ม็อบเหลืองเป็นแรงผลักดันส่วนหนึ่งให้ก้าวขึ้นเป็นนายกฯ ด้วยเช่นกัน
จากนั้นก็เข้าสู่ยุคม็อบเสื้อแดง ใช้ยุทธวิธีเดียวกับที่ม็อบเหลืองเคยใช้เล่นงาน 3 นายกรัฐมนตรีในอดีต ทั้งชุมนุมประท้วง ทั้งรวมตัวขับไล่กดดัน จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ม็อบแดงบุกกระทรวงมหาดไทย ทุบรถนายกฯ เหตุการณ์ขวางการประชุมอาเซียนซัมมิทที่พัทยา
ลามไปจนถึงเหตุการณ์ล้อมรถนายกฯ มาร์คที่พัทยาด้วย
ตอนนั้นตำรวจโดนรัฐบาลสับแหลก หาว่าเกียร์ว่างบ้าง หาว่าฝักใฝ่เสื้อแดงบ้าง
ตำรวจหลายนายในยุคปราบม็อบเหลืองโดนย้ายโดนเด้งกันระนาว
จุดนี้เองทำให้ตำรวจถูกมองว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลไปโดยปริยาย
ปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากนายกฯ มาร์คแยกความรู้สึกส่วนตัวออกจากการบริหารราชการแผ่นดิน
ปัญหาการแต่งตั้งผบ.ตร.ที่คาราคาซังอยู่ถึงทุกวันนี้ ก็เพราะนายกฯ มาร์คคิดว่าตั้งคนนั้นก็ไม่ได้เพราะเคยปราบม็อบเหลือง ตั้งคนนี้ก็ไม่ได้เพราะเป็นเพื่อนทักษิณ
คนที่ตัวเองอยากจะตั้งก็ทำไม่ได้ เพราะเสียงก.ต.ช.ส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย
และที่สำคัญนายกฯ มาร์ค และรัฐบาลประชาธิปัตย์ละเลย ไม่สนใจคดีที่ม็อบเหลืองตกเป็นผู้ต้องหา จนโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า 2 มาตรฐาน
คดียึดทำเนียบ คดีก่อการร้ายยึดสนามบิน ล่วงเลยมาเกือบ 2 ปีแล้ว กลับไม่มีความคืบหน้า
ล่าสุดชมรมอาสาพิทักษ์ปกป้องตำรวจออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลหันไปเหลียวแลตำรวจกว่า 80 นายที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ม็อบเหลืองชุมนุมปิดล้อมรัฐสภา
ทั้งถูกมีดเสียบ เหล็กแหลมแทง โดนยิง บางนายโดนม็อบขับรถทับ
ตำรวจต้องดูแลกันเองไปตามยถากรรม
รัฐบาลไม่เคยเข้าไปเยียวยาดูแล ต่างจากม็อบพันธมิตรลิบลับ
น่าน้อยใจแทนตำรวจเหมือนกัน