คอลัมน์ |
คำต่อคำ..ทักษิณ |
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ |
ปีที่ 11 ฉบับที่ 2745 ประจำวัน พฤหัสบดี ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2010 |
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เล่าสู่กันฟัง” (ทอล์ค อะราวนด์ เดอะ เวิลด์) เมื่อวันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2553 ว่าพร้อมจะคุยกับรัฐบาลทุกเมื่อเพื่อความปรองดองของคนในชาติ ด้วยการถอยคนละก้าวแล้วหันหน้าเข้าหากัน และย้ำอีกครั้งว่าเงิน 76,000 ล้านเป็นเงินที่ได้จากการขายหุ้น ไม่ได้เกิดจากการโกงชาติบ้านเมือง พร้อมประกาศจะทำทุกวิถีทางเพื่อกลับไปตายในเมืองไทย ส่วนรายละเอียดทั้งหมดมีดังนี้
ชอบตีตนไปก่อนไข้
สวัสดีครับพี่น้องทุกท่านที่เคารพรัก ก่อนอื่นต้องขออภัยที่เมื่อวานนี้ (22 ก.พ.) ไม่ได้ออกรายการตามปรกติ เนื่องจากว่าผมไปร่วมเสวนาทิศทางประเทศไทยปี 53 ของกลุ่มกรุงเทพฯ 50 ที่จัดขึ้นที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ มีวิทยากรที่มีชื่อเสียงหลายคนเขาให้ผมไปร่วมสัมมนาด้วย ใครที่ติดตามพีเพิลชาแนลก็คงได้รับฟังกัน มีทั้ง อ.คณิน บุญสุวรรณ ท่านกิตติรัตน์ ณ ระนอง คุณปานปรีย์ พหิทธานุกร และมีคุณอดิศักดิ์ ศรีสม เป็นผู้ดำเนินรายการ
พูดกันในหลายๆประเด็น ประเด็นร้อนๆคือเรื่อง 76,000 ล้านบาทของผม รวมทั้งเรื่องเศรษฐกิจ พอผมวิจารณ์เรื่องอะไรทางพรรคประชาธิปัตย์ก็ออกมาไม่รู้อะไรเป็นอะไรสักอย่าง ก็ซัดก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสื่อสายหลักที่อยู่ในการควบคุมของรัฐบาลแต่เพียงผู้เดียว เพราะฉะนั้นก็เป็นข่าว ไม่เป็นไรก็ว่ากันไป นี่คือวิถีทางต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย มันไม่มีอะไรง่ายก็ต่อสู้กันไป
รัฐบาลทำให้เกิดความขัดแย้ง
ต้องขอขอบคุณวิทยากรหลายๆท่านที่เข้าใจเรื่องราวของผมและทิศทางประเทศไทยได้ดีทีเดียว แต่ก็ไม่มีใครสามารถฟันธงได้ว่าทิศทางปี 53 จะเป็นอย่างไร เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ เมื่อพูดกันรู้เรื่อง หันหน้าเข้าหากันแบบคนไทยแท้ๆก็จบ แต่ถ้าไม่หันหน้าเข้าหากันก็จะยืดเยื้อ หมายความว่าทั้งประเทศก็มีปัญหาต่อไป ความไม่น่าเชื่อถือของไทยก็หนักขึ้น ที่สำคัญเวลาการลงทุนย้ายถิ่นฐานแล้วมันเอากลับยาก สมมุติว่าผมย้ายโรงงานไปตั้งที่ประเทศ A กว่าผมจะคิดย้ายกลับมาประเทศไทยนี่ก็คิดมาก ซึ่งทำไม่ได้ ทั้งเครื่องจักร คนงานไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นในประเทศไทยก็เหมือนกัน พวกที่ย้ายมาเนี่ยก็อยู่ไป ถ้ามีปัญหาเขาก็ไป ถ้าไม่มีปัญหาก็อยู่ต่อ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือความไม่แน่นอน ทั้งเรื่องของกฎหมาย
ผมสรุปให้เขาฟังว่าไม่เคยมีครั้งไหนในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่การต่อสู้ทางการเมืองล่วงล้ำเข้าไปในเขตของเศรษฐกิจ ปรกติผมเคยพูดว่าการปฏิวัติก็ดี การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง การเปลี่ยนรัฐบาลของประเทศไทยเกิดขึ้นบ่อยมาก อันนี้พูดถึงก่อนปี 35 เกิดบ่อยเหมือนการเปลี่ยนฤดูของประเทศไทย แต่ปัจจุบันการเมืองกลายเป็นความขัดแย้งกันหนัก ทำไมถึงเป็นอย่างนี้รู้ไหมครับ มันไม่ได้เป็นความขัดแย้งระหว่างพรรคการเมืองกับพรรคการเมือง แต่ไปเอาสถาบันชาติเข้ามาเกี่ยวข้องกับขบวนความขัดแย้ง ขับเคลื่อนข้าราชการ ขับเคลื่อนสื่อมวลชนภายใต้การควบคุมของรัฐทั้งระบบ เลยทำให้ความขัดแย้งรุนแรงและสร้างความเกลียดชังให้กับประชาชนมากขึ้น ทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นทุกวันนี้
ความยุติธรรม 2 มาตรฐาน
พอหนักขึ้นไม่รู้จะสู้กันยังไงก็เอาเรื่องเศรษฐกิจเข้ามาโดยการหาเรื่องคนคนเดียว โดยไปบังคับใช้กฎหมายที่จะเอาผิดเฉพาะกลุ่ม เฉพาะเหล่า ไปตรวจสอบภาษีเฉพาะกลุ่ม เฉพาะเหล่า ไปใช้ศาลบังคับคดีเฉพาะกลุ่ม เฉพาะเหล่า บางที่ก็ใช้บางที่ก็ไม่ใช้ อย่างบางรายร้องเรียนไปใช้เวลา 7 วันก็จบ บางรายเป็นปีก็ไม่จบ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย มันเลยทำให้มีความขัดแย้งรุนแรง
ผมเลยถามว่าแล้วจะขัดแย้งกันต่อไปไหม ถ้าจะขัดแย้งต่อไปเราก็ต้องยอมรับว่าสภาพประเทศเป็นอย่างนี้ และคนที่รับกรรมที่สุดคือพี่น้องประชาชน ถามว่าแล้วทำไมไม่พูดคุยกัน อภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ) ก็บอกว่าถ้าจะพูดคุยกันผมต้องปฏิบัติตามกฎหมายและเคารพกระบวนการยุติธรรมก่อน ต้องถามก่อนว่าอภิสิทธิ์ คุณเนี่ยเหรอเคารพกฎหมาย เริ่มต้นด้วยการบอยคอตการเลือกตั้ง แล้วคุณส่งคนเข้าไปช่วยพันธมิตรฯ นั่นแหละคือคุณไม่เคารพกฎหมายแต่ต้น แต่บังเอิญคุณเส้นใหญ่
กฎหมายที่สร้างโดยคณะปฏิวัติ
ผมได้มีโอกาสไปพบผู้นำที่อยู่ในมหาอำนาจของสหประชาชาติ เขาเป็นประเทศประชาธิปไตย ผมเล่าให้เขาฟังว่าการเลือกตั้งตอนนั้นยังไม่ประกาศผล หากประกาศผลแล้วผมก็คงไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพราะว่าผมถูกต่อต้าน ผมไม่อยากให้ตัวผมเองเป็นศูนย์กลางความขัดแย้ง ผมอยากถอยจากการเมืองเพื่อจะไปใช้ชีวิตสบายๆ ผมคิดเล่นๆว่าจะตั้งพรรค ELP เขาถามว่าแปลว่าอะไร ผมบอกว่า Enjoy Life Party แล้วเขาถามว่าการเลือกตั้งเป็นยังไง ผมบอกว่าก็มีการบอยคอตกันของพรรคฝ่ายค้าน เขาถามว่าพรรคการเมืองมีความชอบธรรมในการบอยคอตการเลือกตั้งด้วยหรือ? นี่คือสิ่งที่เขาถาม
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ศาลที่พิจารณาเรื่องผมเป็นศาลที่ไม่ได้ให้ความยุติธรรมกับกลไกกฎหมาย เพราะเขาบอกว่าศาลทุกศาลที่ตั้งขึ้นจะมีความชอบในการพิจารณาคดีด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม จะต้องเป็นศาลที่มีประมวลพิจารณาคดีนั้นผ่านสภา มีกฎหมายว่าด้วยการประมวลยุติธรรมผ่านรัฐสภา นั่นคือสิ่งที่เป็นหลักสากล แต่นี่ปรากฏว่าป่าวประกาศโดยคณะปฏิวัติ คตส. (คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ) ก็ตั้งโดยคณะปฏิวัติ แล้วตั้งใคร ตั้งคนที่เป็นศัตรูทางการเมืองผมมานั่งสอบสวนผม แล้ววิธีการพิจารณาเป็นวิธีไต่สวนไปบังคับให้ภาระการนำสืบเป็นของผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งเป็นหลักที่เดี๋ยวนี้ระบอบประชาธิปไตยทั่วโลกเขาไม่รับกัน เป็นระบบที่ใช้ในศตวรรษที่ 19-20 เพราะระบบนี้เป็นระบบที่ไม่ให้ความเป็นธรรม ก็เป็นการหักล้างพยานหลักฐานของคู่ความ ของผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหา แต่วันนี้กลับเอาระบบเก่ามาใช้เพราะเป็นคำสั่งของคณะปฏิวัติ
นักประชาธิปไตยจอมปลอม
แล้วไม่พอ คุณอภิสิทธิ์รู้ไหมวันที่ตัดสินผมศาลนั่งบัลลังก์ 8 คน 4 คนสั่งลงโทษ อีก 4 คนไม่เห็นด้วย มัน 4 ต่อ 4 แต่ไปโหวตกันล่วงหน้าแล้วบอกว่าเป็น 5-4 นี่คือสิ่งที่ผมไม่ได้รับความเป็นธรรมมาโดยตลอด ในฐานะที่คุณเป็นนักการเมืองคุณต้องเข้าใจเรื่องของความเป็นธรรมมากกว่ากฎหมาย ความเป็นธรรมมีระดับของจริยธรรมสูงกว่ากฎหมาย กฎหมายใครเขียนก็ได้ คณะปฏิวัติเขียนกฎหมายคุณคิดดู แล้วคุณเป็นนักประชาธิปไตย เมื่อนักปฏิวัติเป็นคนเขียนกฎหมายคุณกลับยอมรับว่าเป็นกฎหมายที่ถูกต้อง คุณเป็นนักประชาธิปไตยภาษาอะไร
นี่คือสิ่งที่คุณเรียกร้องให้ผมมาติดคุกก่อน วันนี้เป็นนาทีทองของคุณครับ คุณมีอำมาตย์อุ้มสมเพราะเลือกตั้งไม่ได้ชนะไทยรักไทย ไม่เคยชนะและห่างด้วย เที่ยวนี้พลังประชาชนก็ทิ้งห่าง แม้แต่ที่คุณเป็นรัฐบาลวันนี้พรรคเพื่อไทยก็ยังมี ส.ส. มากที่สุดในสภา แต่ว่าถูกพรรคร่วมใช้ทุกวิถีทาง เริ่มตั้งแต่ยุบพรรค ดึงคนออกไป บังคับให้พรรคร่วมไปตั้ง ครม. ในค่ายทหาร วันนี้คุณอนุพงษ์ (เผ่าจินดา) กับคุณเปรม (ติณสูลานนท์) จะต้องรับผิดชอบในการกระทำแบบนี้ เพราะกำลังทำให้บ้านเมืองเสียหายอย่างรุนแรง แล้วที่สำคัญคุณได้คุณอภิสิทธิ์ไปเป็นรัฐบาลที่กำลังนำสถาบันชาติและสถาบันรัฐบาลมาใช้เป็นเครื่องมือในการต่อสู้ทางการเมือง
อำมาตย์อุ้มสมประชาธิปัตย์
ความจริงแล้ววันนี้เพื่อนข้าราชการที่เคารพรัก ฟังให้ดีครับ พี่น้องที่เป็นพ่อแม่ข้าราชการ ทหาร ตำรวจก็ดี หรือฝ่ายปกครองก็ตาม ไปบอกกับพี่น้องเลยว่าวันนี้เป็นการต่อสู้ของ 2 กลุ่มการเมือง คือกลุ่มเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ มีแนวร่วมคือพี่น้องเสื้อแดงกับเพื่อไทย พันธมิตรฯกับประชาธิปัตย์ แต่ประชาธิปัตย์เส้นใหญ่เพราะมีอำมาตย์ ซึ่งอำมาตย์บีบคอทหารได้ แต่ว่าการต่อสู้เนี่ยเพื่ออะไรครับ ความจริงแล้วการต่อสู้ของเสื้อแดงเป็นการต่อสู้เพื่อชิงประชาธิปไตยให้เป็นประชาธิปไตยของประชาชนเท่านั้นเอง โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่มีเจตนาอื่นเลย ผมกลับบ้านไม่กลับบ้านไม่ได้เป็นเรื่องหลัก เรื่องหลักคือเขาต้องการประชาธิปไตยคืนมา
อีกอย่างการรังแกผมเขาก็มองเห็นความไม่ยุติธรรมตรงนี้ไง รังแกอย่างต่อเนื่อง รังแกผมไม่พอรังแกทั้งครอบครัว เขารับไม่ได้ เขาเจ็บใจแทน ยิ่งวันนี้การต่อสู้เป็นการต่อสู้ทางการเมืองที่ประชาธิปัตย์พ่ายแพ้มาโดยตลอด แต่บังเอิญว่าอำมาตย์ถูกใจ การชิงวันนี้เป็นการชิงประชาธิปไตยกลับมาเป็นของประชาชน โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย วันนี้อำมาตย์ต้องการควบคุมการเมืองโดยหารู้ไม่ว่าการที่อำมาตย์ควบคุมการเมืองบ้านเมืองจะเสียหาย ความจริงก็ไม่มีอะไร ไม่มีใครอยากเป็นศัตรูกับอำมาตย์ แต่เป็นเรื่องของความไม่เข้าใจ ไปคิดว่าการกระจายทรัพยากรสู่ประชาชน กลัวอำมาตย์จะลดอำนาจลง ความจริงไม่ใช่ ถ้าประชาชนมีความสุขอำมาตย์ก็ได้ดีด้วยเพราะคุณอยู่สูงกว่าเขา
เลือกตั้งใหม่ปีหน้า
การกระจายทรัพยากรที่เกิดขึ้นสมัยผมเป็นรัฐบาลนั้นก็เพื่ออนาคตของประเทศทั้งระบบ ผมพูดตลอดเวลาว่าถ้าเรือลำนี้ผ่านมรสุมถึงฝั่ง คนที่อยู่ในเรือทุกคนถึงฝั่งหมด แต่ถ้าตีกันในเรือก็คงไม่ถึงฝั่ง เพราะฉะนั้นต้องสามัคคีกัน แต่ว่าวันนี้ระหว่างที่รอถึงฝั่งมันต้องให้แข็งแรงทุกคนจะได้ฝ่าคลื่นลมไปด้วยกัน นี่คือสิ่งที่เข้าใจผิดกันอย่างรุนแรงและกำลังหาเรื่องยัดเยียดข้อหานั่นนี่ เพื่ออะไร เพื่อชิงอำนาจและผลประโยชน์ ผมเองก็บอกแล้วว่าผมไม่ได้ติดใจอะไรเลย เป็นคนที่พูดดีๆก็รู้เรื่องแล้ว วันนั้นก็ย้ำอีกครั้งว่าขอให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน เป็นสยามเมืองยิ้มเถิด บ้านเราวันนี้สยามยิ้มไม่ออก คนไทยยิ้มไม่ออก ไปที่ไหนก็มีแต่เรื่องเศร้า แล้วคุณอภิสิทธิ์ คุณเป็นนายกฯที่ไปไหนก็ไม่ได้ ถูกไล่มันเท่นักหรือ
ไหนบอกผมก็ต้องยอมรับว่าคุณชนะเลือกตั้ง กลไกก็มีอยากทำอะไรก็ทำไป ให้รัฐบาลขับเคลื่อนกลไกใช้ตำแหน่งที่เกินขีดความสามารถตัวเองได้ 240 ยุบสภาเลือกตั้งใหม่คุณจะได้กลับมาอย่างสง่างาม ประชาชนก็ยอมรับว่าคุณชนะเลือกตั้ง กลไกก็มีทุกอย่างแล้วอยากทำอะไรก็ทำไป แต่แน่นอนไม่ง่ายเหมือนสมัยก่อน วันนี้ขอให้เป็นการต่อสู้ทางการเมืองไม่ใช่เอาสถาบันชาติและสถาบันรัฐบาลขับเคลื่อนกลไกของภาคราชการทั้งหมด แล้วข้าราชการรู้ไหมครับว่า อย่างช้าที่สุดก็เลือกตั้งปีหน้า นี่หมายความว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น สามารถประคองได้ทั้งหมด เลือกตั้งปีหน้าพี่น้องก็รู้ว่าใครชนะ เพราะมันเป็นความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ และถ้าเข้ามาแล้วข้าราชการคนนี้ไปช่วยประชาธิปัตย์ แก้แค้นกันไปแก้แค้นกันมาประเทศก็เสียหาย
อย่าเคลิ้มกับตัวเลขจีดีพี
พ่อแม่ข้าราชการต้องเตือนข้าราชการทั้งหลายว่าถ้าเมื่อไรถูกใช้ทางการเมืองต้องเข้าเกียร์ว่าง ถ้าเมื่อไรถูกใช้เพื่อประชาชนทำให้เต็มที่ จะได้แก้ปัญหาได้ มีคนเคยบอกว่าถ้าเราได้บริหารงานในตำแหน่งที่เกินขีดความสามารถตัวเองก็จะทุกข์ คนในองค์กรก็จะไม่ชอบเรา ตำแหน่งที่เราเคยบริหารแล้วมีความสามารถอยู่นั้น คนในองค์กรก็จะชอบเรา เราก็จะมีความสุข แต่เมื่อไรเกินขีดความสามารถของเราแล้วเราไปนั่งบริหาร เมื่อนั้นก็ต้องยอมรับว่าเราต้องทุกข์ ตำราเขียนไว้ อันนี้ยังใช้ได้อยู่ แต่วันนี้ทั้งป๊อก ทั้งเปรม ให้อภิสิทธิ์ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์มานั่งเป็นนายกฯ ก็ต้องรับผิดชอบนะครับว่าทำได้แค่ไหน แล้วมาว่าที่ผมวิจารณ์เรื่องจีดีพี บอกว่าโอ๊ย...ผมเป็นคนไทยหรือเปล่า ไม่รักชาติ มาวิจารณ์เศรษฐกิจไทย ผมวิจารณ์เป็นภาษาไทยนะครับ ไม่ได้วิจารณ์เป็นภาษาอังกฤษ ผมต้องการให้คนไทยฟังครับ ผมเป็นห่วงเพื่อนคนไทยด้วยกัน กลัวจะเคลิ้ม กลัวกินยาหอมทั้งๆที่อาการมันต้องผ่าตัด ผมก็เลยเล่าให้เขาฟัง เป็นภาษาเศรษฐศาสตร์ให้เขาฟังว่ามันไม่ใช่นะอย่าเพิ่งเคลิ้มนะ
อย่างจีดีพีโต การลงทุนต้องเพิ่ม แต่นี่การลงทุนลด 60 เปอร์เซ็นต์ โตที่จีน ถามว่าตรงนี้ใกล้บ้านเราดี แต่วันนี้จีนกำลังควบคุมฟองสบู่ตัวเองไม่ให้แตก เพราะปีที่แล้วจีนปั๊มลมอย่างเต็มที่โดยการปล่อยสินเชื่อให้คนในชาติมากกว่าอเมริกาและยุโรป มันทำท่าจะเป็นฟองสบู่ เขาเลยสั่งคุมเข้มในปีนี้ เลยอยากเตือนว่าเราจะไม่โตมากเหมือนที่เราเคยโต แต่ยังมีโมเมนตัมต่อไป ผมก็เตือนให้รู้ไว้ว่าอย่าเพิ่งเผลอโหมไปกับการส่งออก เดี๋ยวจะหมดตูดไป นี่คือสิ่งที่ผมพูดเพื่อความหวังดี ห่วงใยบ้านเมืองครับ ผมพูดภาษาไทยครับ ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ ไม่ได้พูดให้ชาวต่างชาติฟัง ไม่ต้องกลัวหรอก บางกอกโพสต์ เนชั่นไม่แปลหรอก เขาจะแปลที่คุณพูดสวยๆ แล้วมาแปลด่าผมนั่นแหละ
อย่าใช้กลไกรัฐปราบประชาชน
เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วง อันนี้บอกได้เลยว่าคนไทยล้านเปอร์เซ็นต์เกิดที่เมืองไทยครับ ไม่ได้เกิดที่เมืองนอก ผ่านการเป็นนักเรียนเตรียมทหาร นักเรียนนายร้อยตำรวจ ไม่ต้องเป็นทหารเพื่อไม่ได้หนีการเกณฑ์ทหาร ผมเป็นนายร้อยรับพระราชทานกระบี่จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะฉะนั้นไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ต้องสงสัยเรื่องนี้ และพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องเข้าใจเรื่องนี้ด้วย เห็นว่าพรุ่งนี้ (24 ก.พ.) จะเรียกประชุม กอ.รมน. (กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร) กับผู้ว่าราชการจังหวัด คือไม่มีเรื่องอื่นที่จะทำความเข้าใจให้ประชาชน เพราะบริหารงานไม่เป็น ก็เลยมานั่งเล่น มาเที่ยวแจกบัญชี กอ.รมน. ญาติพี่น้องกี่คน บาปกรรมครับ นี่ผมคนเดียวครับ ไม่ต้องเสียเวลากับคนอื่น ไม่ต้องเลย เพื่อนฝูงเอย นักธุรกิจเอย ไม่ต้องเอาชื่อเขาไป โธ่...นี่หรือประชาธิปไตย เขาเหม็นหน้าในการทำงานของคุณ เขาไม่เชื่อฝีมือก็เรื่องของเขา ก็ประชาธิปไตยไง จะให้เขาปรบมือทุกคนเป็นไปไม่ได้ พรรคชื่อประชาธิปัตย์ต้องเข้าใจประชาธิปไตยดีกว่านี้
อันนี้ฝากให้รู้ว่าอย่าใช้กลไกของรัฐพร่ำเพรื่อ อย่าใช้กลไกของรัฐปราบประชาชน อย่าใช้กลไกของรัฐยั่วยุประชาชนให้เกิดความโมโหแล้วเกิดสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ เพราะฉะนั้นเขาจะมาด้วยความสันติ เขาจะมาเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย คุณเป็นรัฐบาลที่ไม่ชอบด้วยอำนาจมาจากประชาชน เพราะฉะนั้นคุณก็อธิบายให้เขาฟังว่าผมจะทำให้ดีที่สุดนะ จะไม่ใช้กลไกของรัฐห้ำหั่นทางการเมืองกันแล้ว ต่อไปนี้จะพูดคุยกันให้บ้านเมืองมันไปได้ ขั้นตอนจะเป็นยังไง ขอเวลาอีกนิดจะยุบสภา คุยกันอย่างนั้น ไม่ใช่อยู่ๆจะปราบ ถึงเวลาก็ปราบ วันนี้คุณเอาคนซึ่งฝ่ายปกครองเขารังเกียจมาก่อนมานั่ง ผมก็เห็นใจข้าราชการนะ จริงๆวันนี้ก็อยากบอกว่าอย่าโอเวอร์รีแอ็ค จริงๆแล้วเขาจะมาแบบประชาธิปไตย เขาจะมาแบบสันติ แต่ถ้าเมื่อไรคุณยั่วยุเขาก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าคนเป็นล้านๆ จิตมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง เพราะฉะนั้นการโอเวอร์รีแอ็ค จะไปค้นคนนั้น จะทำคนนี้ จะให้ผู้ว่าฯเรียกแกนนำ เรียกนายอำเภอมาขู่ คนเหล่านี้เขาคุยกันเลย ผลสุดท้ายเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลย
เอาเวลาทำงานเพื่อบ้านเมืองดีกว่า
ถามว่าทำไมคนไทย เพื่อนข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ต้องปราบคนไทย แล้วเอาเอ็ม 16 มายิงประชาชนคนไทยด้วยกัน ถามว่าทำทำไม ท่านทำได้ลงคอ ในชีวิตรับราชการทั้งที พอเกษียณออกไปในใจไม่มีประวัติ ท่านก็บอกว่าท่านมีเอ็ม 16 ไว้ยิงคนไทยด้วยกัน ไม่เคยยิงศัตรู เพราะเขาตั้งให้เป็นศัตรู ทั้งๆที่เขามาเรียกร้องร้องเพื่อสิทธิเสรีภาพ เรียกร้องการแก้ปัญหาความยากจน เพราะว่าเขาจน เขาอยากได้โอกาส เขาอยากได้เงินไปทำมาหากินของเขา แต่วันนี้อยู่ๆกระชากออกจากเขา แล้วเอาทหาร ตำรวจไปปราบเนี่ย ตายไปก็บาปกรรม แล้วไม่ได้ยิงใครด้วย ยิงคนไทยด้วยกัน เขาไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เขามีอุดมการณ์อยากได้ประชาธิปไตยเท่านั้นเอง
ก็เลยอยากจะฝากว่าเพื่อน ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เราเคยทำงานด้วยกัน พวกคุณรู้นิสัยผมดี ผมไม่เคยสั่งให้ใครทำอะไรผิดกฎหมายเลย และไม่ขอร้องใครให้ทำอะไรไม่ถูก การแต่งตั้งโยกย้ายผมทำมีหลักเกณฑ์ ใครจะมาวิ่งเต้นถ้าไม่เข้าเกณฑ์ผมก็ไม่รับ นั่นคือสิ่งที่ผมทำมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นเพื่อนข้าราชการอย่าตกเป็นเครื่องมือ อย่าใช้กลไกของรัฐทุกอย่างเพื่อห้ำหั่นกันทางการเมือง แม้กระทั่งผมรู้ว่าไปเที่ยวขอร้องประเทศอาเซียนว่าอย่าให้เครื่องบินผมผ่านน่านฟ้า เขาขำตายเลย แทนที่จะไปคุยกับเขาเรื่องการบ้านการเมือง สิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับความสัมพันธ์ต่างประเทศ แต่ไปบอกว่าอย่าให้เครื่องบินผมบินผ่าน ผมว่าไปคิดเรื่องทำเพื่อบ้านเมืองเถอะ ผมว่าบ้านเมืองไม่เดือดร้อนถ้าคุณทำงานให้ดี ประชาชนแฮปปี้ ผมก็แฮปปี้ แต่วันนี้คุณทำอะไรให้ประชาชน นั่งเล่นการเมืองทั้งวัน พวกสีม่วงออกมาพูดนั่นพูดนี่ทำให้วุ่นวายไปหมด งั้นก็ทำงานเหอะ อยากคุยก็คุย ไม่อยากคุยก็ไม่เป็นไร แต่อย่าใช้กลไกของรัฐมาปราบปรามประชาชน อย่าใช้กลไกของรัฐมาทำลายประชาธิปไตย อย่าใช้กลไกของรัฐเป็นเครื่องมือพรรคประชาธิปัตย์ และกลไกของรัฐก็อย่าเป็นเครื่องมือ ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยครับ อันนี้ก็เล่าให้ฟังซะยาว
76,000 ล้านคือเงินขายหุ้น
ครับ อีก 2-3 วันก็ถึงวันตัดสิน หลายคนก็ตื่นเต้น หลายคนก็ตกใจ เมื่อวานนี้คุณอดิศักดิ์ ศรีสม ถามผมว่ากินได้ 3 มื้อ นอนหลับไหม ปรกติเลยครับ หลับลึก เพราะผมเป็นคนหลับได้ทุกสถานการณ์ และเป็นคนที่ถ้าพูดกันรู้เรื่องอะไรก็ได้ แต่ถ้ารังแกกันยังไงก็ไม่ยอม นี่คือนิสัยผม ถ้าไม่พูดกัน รังแกกันข้างเดียว ไม่มียอมครับ จะสู้กันจนแผ่นดินกลบหน้า อันนี้คือความเป็นจริง และไม่ต้องไปตีปี๊บว่าจะเล่นงานผมตรงนั้นตรงนี้ ไม่ต้องห่วง อยากเล่นงานเล่นไป ผมก็จะสู้
พี่น้องครับ ผมขอเล่า 2-3 ประเด็นเพื่อให้พี่น้องเข้าใจ ทรัพย์สินที่เกิดขึ้น 76,000 ล้านบาท มี 2 ส่วน จริงๆแล้วทรัพย์สินผมมีที่มา 3 ส่วนใหญ่ๆของครอบครัว ส่วนหนึ่งคือเงินจากการขายหุ้น เงินปันผลของลูก และเงินฝากเพื่อให้ได้ดอกเบี้ย ตรวจสอบง่าย ตัวเลขไล่ตรงไหนก็เจอ 76,000 ล้านบาท ก็คือเงินจากการขายหุ้น เปรียบเสมือนทองคำ สมมุติผมซื้อทองคำไว้ 100 กิโลกรัม ถ้ากิโลฯละล้านก็ร้อยล้าน มันเป็นอย่างนี้ ถามว่าทองคำเท่าเดิมไหม ก็เท่าเดิม หุ้นก็เหมือนกันครับ เท่าเดิม เป็นหุ้นของลูก ของพี่เมีย ของน้อง อะไรพวกนี้ เม็ดหุ้นเท่าเดิม ก่อนเข้าการเมืองก็โอนขายไป ก็เป็นหุ้นเท่าเดิมที่เคยประกาศไว้ตั้งแต่สมัยโน้น เพราะฉะนั้นหุ้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย ราคาขึ้นลงตามตลาด ขึ้นในอัตราเดียวกันกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ คนอื่นก็ขึ้นตาม หุ้นกลุ่มชินฯยังขึ้นน้อยกว่าหุ้นหลายตัว หุ้น TPI ยังขึ้นมากกว่า เพราะฉะนั้นขอยืนยันว่าเป็นทรัพย์สินของครอบครัวที่ทำมาหากินมาทั้งชีวิต และเกิดจากการมีหุ้น ขายหุ้นมีกำไร พร้อมกับปันผล อันนี้ก็ขอเล่าให้ฟัง
ไม่ยอมถูกปิดประตูตีแมว
การเข้าการเมืองเมื่อมีการบอกว่าให้ประกาศทรัพย์สิน แจ้งทรัพย์สิน ผมก็แจ้ง เมื่อแจ้งแล้วก็แจ้งไปตรงๆ จากหุ้นเดิมเป็นของโอ๊ค (พานทองแท้ ชินวัตร) ก็แจ้งไปตามนั้น เมื่อแจ้งเรียบร้อยก็ถามว่าหุ้นวันนี้คนเหล่านั้นเขาไม่ได้เป็นนักการเมืองและบรรลุนิติภาวะแล้ว เอะอะคุณก็บอกว่าเป็นนอมินี เขารับไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผมเล่นการเมือง ศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องเล่นงานผมสิ แล้วก็ต้องถามก่อนว่าผมเนี่ยทำผิดหรือยัง ยังพิสูจน์ไม่ได้สักอันว่าผมทำผิด มีแต่ข้อกล่าวหา ถ้าอย่างนี้อีกหน่อยผมไปกล่าวหาคุณสุรยุทธ์ (จุลานนท์) ก็ต้องยึดทรัพย์คุณสุรยุทธ์ ผมกล่าวหาคุณชวน (หลีกภัย) ก็ต้องยึดทรัพย์คุณชวน ผมกล่าวหานักการเมืองก็ต้องยึดทรัพย์นักการเมือง กล่าวหารัฐมนตรี ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ ก็ต้องยึดทรัพย์ ขอถามนิดหนึ่งว่าเป็นอย่างนั้นหรือ
แล้วขอถามอีกข้อหนึ่ง ถามว่าแล้วถ้าคนไม่มีอะไรจะเสียเข้ามาแล้วจะยึดอะไร ถ้าคนมีตังค์ห้ามเข้าการเมืองใช่ไหม เพราะเข้ามาแล้วก็ต้องยึดไว้หมดเลยใช่ไหม ครอบครัวก็ต้องยึด บรรลุนิติภาวะก็ต้องยึด แล้วกฎหมายสำหรับผู้ที่บรรลุนิติภาวะมีไว้ทำไม คือวันนี้อยากจะทำอะไรก็ทำ คนสั่งไม่รู้กฎหมาย คนทำกฎหมายก็เลยต้องทำตามคำสั่ง เลยไม่รู้จะสอนเด็กในมหาวิทยาลัยยังไง ไม่เคยมีที่ไหนในโลก แต่ที่นี่ทำได้ ต่อไปเขียนกฎหมายย้อนหลังไปมันไม่วุ่นวายตายหรือ แต่ไม่คิดว่าปิดประตูตีแมวนะครับ เรื่องเหล่านี้เขากำลังปรึกษากันทั่วโลกว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย และแน่นอนถ้ารังแกผมในประเทศผมก็ต้องสู้นอกประเทศ เพราะในประเทศปิดประตูตีแมว ผมไม่ยอมเป็นแมวให้ตีหรอก ผมไม่ใช่แมว แต่ผมเป็นคนที่พูดรู้เรื่อง
ต้องการกลับไปตายที่ประเทศไทย
จริงๆที่พูดนี้ไม่ได้เรียกร้องว่าต้องพูดกับผมนะ แต่ผมพูดว่าโทษผมไม่ได้นะ ผมได้เสนอจนหมดตัวแล้ว ต่อจากนี้ หลังจากนี้เป็นหน้าที่ที่ผมจะต้องป้องกันตัวเองแล้วนะครับ ผมคิดว่าผมมีวินัยในตัวเอง ผมไม่ต้องการตายนอกประเทศไทย ผมจะกลับไปตายในแผ่นดินไทย ผมไม่อยากกลับไปเฉพาะกระดูก ให้เข้าใจเลยว่าผมจะกลับไปตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ผมอยากกลับไปแบบคนไทยที่พูดกันรู้เรื่อง เลิกรังแกกัน พูดกันเหมือนคนไทยด้วยกัน แล้วจะให้ผมทำอะไร ผมคิดว่าผมมีประโยชน์ต่อประเทศชาติอีกเยอะ ไม่จำเป็นต้องเป็นนายกฯ แต่ผมเชื่อว่าผมไม่เป็นก็จะทำประโยชน์ได้ ผมสามารถตั้งกองทุนเป็นแสนๆล้าน เชิญเพื่อนๆทั่วโลกก็ยังทำได้ ไม่ต้องมานั่งกู้ เอาเงินสดๆมาลงทุนกันเลยดีกว่า
แต่วันนี้บอกว่าอะไรก็ผิดหมด จะเล่นงานผมมันไม่ถูกต้อง ต่อไปแสดงว่าคนที่ไม่มีหลักมีฐานอย่าเข้าการเมืองนะ เพราะเข้าไปแล้วใช้เงินเยอะ ครอบครัวจะเดือดร้อน แต่ถ้าเป็นคนจนแล้วไปตักตวงเอาไม่เป็นไรงั้นหรือ ผมไม่ได้ว่าแม่ผมนะ แม่ผมเห็นพ่อผมเข้าการเมืองตอนยังไม่ค่อยพร้อมแล้วก็ทำให้ครอบครัวแย่ลงในช่วงนั้น แม่ก็เลยเตือนผมว่าลูก...ก่อนจะเข้าการเมืองขอให้มีฐานะให้พร้อมก่อนนะ เพราะจริงๆแล้วผมก็ไม่รู้ว่าแม่ผมผิดหรือถูก แต่ผมเชื่อว่าแม่ผมถูกในแง่ของหลักการทั่วไป แต่แม่ผมผิดในสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้องการกลั่นแกล้งกัน
ต้องการความยุติธรรม
ผมไม่รู้ว่าวันศุกร์จะออกยังไง ผมยังเชื่อว่าศาลยุติธรรมมีอุดมการณ์เพื่อความยุติธรรมแน่นอน แต่บางคนก็ฟังคำสั่ง บางคนเป็นลูกไล่ คตส. ก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ให้รู้ว่าคนอย่างผมต้องการคำเดียวคือความยุติธรรม ผมจบปริญญาเอกและโททางกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ผมต้องแสวงหาความยุติธรรมจนเจอให้ได้ นี่คือแนวทางที่ผมได้ศึกษามา เพราะผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ขอให้รู้ว่าผมเป็นคนไทย มีความจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัว ผมรักคนไทย รักประเทศไทย ผมขอร้องคนที่ระแวง คนที่กลัวผมด้วยประการทั้งปวง ผมเป็นคนไม่มีอะไรน่ากลัวเลย เป็นคนที่พูดรู้เรื่อง ขออย่างเดียวอย่ารังแก อย่าแกล้งผม ผมได้พูดคำนี้กับสนธิ บุญยรัตกลิน เมื่อวันที่เขาปฏิวัติ ได้พูดคำนี้กับสุรยุทธ์ จุลานนท์ เมื่อวันที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วก็พูดมากกว่า 1 ครั้ง เพราะหวังว่าจะให้ทุกอย่างยุติได้ด้วยดีเพื่อบ้านเมือง
ผมไม่สนใจ ยึดไปก็ไม่เป็นไร ผมมีน้ำใจนักกีฬา เมื่อจบแล้วก็จบ แต่ถ้าไม่จบ พวกคุณ ข้าราชการที่เคยทำงานกับผมมา ลองไปทบทวนดูว่าผมเคยสั่งพวกคุณทำอะไรไม่ดี เคยสั่งทำอะไรผิดไหม คิดให้ดี สั่งให้คอร์รัปชันไหม ย้ำอีกครั้งนะครับ ผมเป็นนายกฯที่กระจายอำนาจ รองนายกฯเซ็นแทนผมได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องที่เกี่ยวกับสำนักพระราชวังเท่านั้นที่ผมเซ็นเอง กับรับทราบวาระงานของตัวเอง เซ็นรับเงินเดือนของตัวเอง เดือนละเก้าหมื่นเก้าพันกว่าๆหลังจากหักภาษีแล้วเท่านั้นเอง
6 ปีไม่มีความดีเลยหรือ
วันนี้พวกที่เป็นปฏิปักษ์กับผมก็เอาจุดเล็กจุดน้อยของผมมาขยาย เรื่องดีๆเขาไม่พูด พี่น้องเคยเห็นไหมครับ เขาเคยคิดถึงคุณความดีของผมไหม ปรกติศาลจะยกความดีให้จำเลย แล้วก็ไปดูคุณความดีที่เคยทำ แต่นี่เล่นเต็มๆ เป็นนายกฯมา 6 ปีไม่มีความดีเลย มีแต่ความชั่วทั้งนั้น หากผมมีแต่ความชั่วแล้วทำไมประชาชนยังคิดถึงผมอยู่ หมายความว่าผมต้องมีความดีบ้างไม่มากก็น้อย แต่วันนี้จะเอาเป็นเอาตายกับผม แล้วมาบอกให้ผมไปติดคุก การสั่งยิงประชาชนอายุความเท่าไร เพราะฉะนั้นวันนี้พี่น้องครับ เราจะให้การเมืองมันแรง รบกันต่อไปแล้วประชาชนลำบากอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน ประเทศชาติเสียหายอย่างนี้อีกนานไหม เมื่อไรจะกวาดบ้านเราเสร็จ ผมเป็นหนู ผมไม่ได้อยู่ในบ้านแล้วนะ คิดกันให้ดีครับ
ผมพร้อมที่จะพูดคุยกันเพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ เกิดความปรองดองในชาติ เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครับ วันนี้พวกเราต้องหาแนวทางร่วมกันครับ ถอยคนละก้าวสองก้าว เลิกทิฐิ ขอให้อยู่กันแบบคนไทยที่ยิ้มให้กันได้ นายกฯไปไหนก็ไม่ได้ อยู่กันให้สง่างามดีกว่า ให้เราหันหน้าเข้าหากัน บ้านเมืองไปด้วยดี คนอย่างผมชีวิตไม่สิ้นความหวังก็ดิ้นกันต่อไป วันนี้พอแค่นี้ก่อนครับ ขอบคุณมากครับ สวัสดีครับ