คอลัมน์ เหล็กใน
ยิ่งใกล้วันตัดสินคดียึดทรัพย์จำนวน 7.6 หมื่นล้านบาท ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
บรรยากาศการเมืองก็ยิ่งตึงเครียด
รัฐบาลหวาดผวา ถึงกับระดมกำลังตำรวจทหารกว่า 4 พันนาย ออกมาฝึกซ้อมเตรียมพร้อมไว้ปราบปรามม็อบเสื้อแดง
เพราะเชื่อว่าจะออกมาก่อความวุ่นวาย ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ
สื่อวิทยุและโทรทัศน์ในซีกรัฐบาลโหมประโคมอย่างหนัก เสนอข้อมูลความรุนแรงของเสื้อแดงเป็นด้านหลัก
โดยเฉพาะในช่วงวันสงกรานต์ ปี 2552 และเหตุ การณ์ทุบรถเบนซ์ที่กระทรวงมหาดไทย
แต่ไม่ยักเสนอภาพข่าวทหารพร้อมอาวุธสงครามครบมือ ลุยปราบม็อบราวกับการทำสงคราม
ล่าสุด ถึงลามปามไปถึงศาลยุติธรรมเข้าแล้ว
นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ หนึ่งในแกนนำพันธมิตร ใช้วิธีแบบการเมือง ออกมาแถลงเป็นตุเป็นตะ
นายสำราญอ้างว่า
"มีความพยายามที่จะใช้เงินถึงหลักพันล้านบาท เพื่อใช้ในการพลิกคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน เนื่องจากองค์คณะผู้พิพากษา มี 9 ท่าน กระแสข่าวพยายามเข้ามาแทรกแซงให้ได้เพียง 5 ท่าน ท่านละ 1 พันล้านบาท เพื่อแลกกับเงิน 7.6 หมื่นล้าน"
ทันควัน นายสิทธิศักดิ์ วนะชกิจ โฆษกศาลยุติธรรม ออกมาปฏิเสธว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีมูลความจริง การ พิจารณาพิพากษาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทุกคดีที่ผ่านมา ไม่เคยมีเรื่องการเสนอสินบนใดๆ
โฆษกศาลยุติธรรมกล่าวด้วยว่า การระบุเช่นนี้เหมือนปล่อยข่าวหวังผล ทำให้เกิดความระแวงสงสัยในการพิพากษาคดีที่กำลังใกล้จะตัดสิน
หากอ้างว่ามีการเสนอสินบน การตรวจสอบย่อมทำได้ โดยตรวจดูจากเส้นทางการเงิน ที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้พิพากษาคนใดที่เป็นองค์คณะแจ้งเรื่องการเสนอสินบนดังกล่าวเลย
แม้โฆษกศาลยุติธรรมออกมาปฏิเสธ แต่นายสำราญก็ยังออกมายืนยันซ้ำ โดยอ้างว่าข่าวเรื่องความพยายามวิ่งเต้นให้สินบนผู้พิพากษาในคดียึดทรัพย์คนละกว่าพันล้านบาท เป็นความจริง แต่รายละเอียดบอกไม่ได้
"รู้เพียงว่าก่อนหน้านี้เคยวิ่งเต้นเสนอ 200 กว่าล้านบาท แต่ไม่ได้ผล จึงต้องเพิ่มเงินสินบนเป็นพันล้านบาท
"ยอมรับว่ายังไม่ได้เช็กข้อเท็จจริงกับศาล เพราะไม่อยากก้าวล่วง ที่สำคัญข่าวดังกล่าวเป็นเพียงเรื่องที่ลือกันในหมู่นักวิชาการ นักกฎหมาย และทนายความเท่านั้น
"นอกจากนี้ยังลือกันว่า ขณะนี้เขาได้ไป 4 เสียงแล้ว ขาดอีกเสียงเดียวคดีก็จะพลิกทันที"นายสำราญอ้าง
แต่เมื่อถูกซักหนักๆ เข้า นายสำราญก็เฉไฉ อ้างว่าเป็นเพียงการได้ยินการพูดต่อๆ กันมาเท่านั้น
ออกลีลาแบบ "ลูกพี่" ไม่มีผิด
บรรยากาศการเมืองก็ยิ่งตึงเครียด
รัฐบาลหวาดผวา ถึงกับระดมกำลังตำรวจทหารกว่า 4 พันนาย ออกมาฝึกซ้อมเตรียมพร้อมไว้ปราบปรามม็อบเสื้อแดง
เพราะเชื่อว่าจะออกมาก่อความวุ่นวาย ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ
สื่อวิทยุและโทรทัศน์ในซีกรัฐบาลโหมประโคมอย่างหนัก เสนอข้อมูลความรุนแรงของเสื้อแดงเป็นด้านหลัก
โดยเฉพาะในช่วงวันสงกรานต์ ปี 2552 และเหตุ การณ์ทุบรถเบนซ์ที่กระทรวงมหาดไทย
แต่ไม่ยักเสนอภาพข่าวทหารพร้อมอาวุธสงครามครบมือ ลุยปราบม็อบราวกับการทำสงคราม
ล่าสุด ถึงลามปามไปถึงศาลยุติธรรมเข้าแล้ว
นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ หนึ่งในแกนนำพันธมิตร ใช้วิธีแบบการเมือง ออกมาแถลงเป็นตุเป็นตะ
นายสำราญอ้างว่า
"มีความพยายามที่จะใช้เงินถึงหลักพันล้านบาท เพื่อใช้ในการพลิกคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน เนื่องจากองค์คณะผู้พิพากษา มี 9 ท่าน กระแสข่าวพยายามเข้ามาแทรกแซงให้ได้เพียง 5 ท่าน ท่านละ 1 พันล้านบาท เพื่อแลกกับเงิน 7.6 หมื่นล้าน"
ทันควัน นายสิทธิศักดิ์ วนะชกิจ โฆษกศาลยุติธรรม ออกมาปฏิเสธว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีมูลความจริง การ พิจารณาพิพากษาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทุกคดีที่ผ่านมา ไม่เคยมีเรื่องการเสนอสินบนใดๆ
โฆษกศาลยุติธรรมกล่าวด้วยว่า การระบุเช่นนี้เหมือนปล่อยข่าวหวังผล ทำให้เกิดความระแวงสงสัยในการพิพากษาคดีที่กำลังใกล้จะตัดสิน
หากอ้างว่ามีการเสนอสินบน การตรวจสอบย่อมทำได้ โดยตรวจดูจากเส้นทางการเงิน ที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้พิพากษาคนใดที่เป็นองค์คณะแจ้งเรื่องการเสนอสินบนดังกล่าวเลย
แม้โฆษกศาลยุติธรรมออกมาปฏิเสธ แต่นายสำราญก็ยังออกมายืนยันซ้ำ โดยอ้างว่าข่าวเรื่องความพยายามวิ่งเต้นให้สินบนผู้พิพากษาในคดียึดทรัพย์คนละกว่าพันล้านบาท เป็นความจริง แต่รายละเอียดบอกไม่ได้
"รู้เพียงว่าก่อนหน้านี้เคยวิ่งเต้นเสนอ 200 กว่าล้านบาท แต่ไม่ได้ผล จึงต้องเพิ่มเงินสินบนเป็นพันล้านบาท
"ยอมรับว่ายังไม่ได้เช็กข้อเท็จจริงกับศาล เพราะไม่อยากก้าวล่วง ที่สำคัญข่าวดังกล่าวเป็นเพียงเรื่องที่ลือกันในหมู่นักวิชาการ นักกฎหมาย และทนายความเท่านั้น
"นอกจากนี้ยังลือกันว่า ขณะนี้เขาได้ไป 4 เสียงแล้ว ขาดอีกเสียงเดียวคดีก็จะพลิกทันที"นายสำราญอ้าง
แต่เมื่อถูกซักหนักๆ เข้า นายสำราญก็เฉไฉ อ้างว่าเป็นเพียงการได้ยินการพูดต่อๆ กันมาเท่านั้น
ออกลีลาแบบ "ลูกพี่" ไม่มีผิด