แดน รีเวอร์ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ได้เขียนผ่านคอลัมน์ซีเอ็นเอ็นเวิลด์ ในเว็บไซต์ ซีเอ็นเอ็น โดย พาดหัวว่า “ทักษิณคือใคร” โดยให้ความเห็นว่า สำหรับคนเสื้อแดงแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คือ นายกรัฐมนตรีคนเดียวที่ให้คนยากจนในชนบทมีสิทธิมีเสียงและได้สิทธิประโยชน์อย่างแท้จริง แต่สำหรับคนเสื้อเหลืองแล้ว เขาเหมือนนายเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส อดีตผู้นำเผด็จการของฟิลิปปินส์ที่เต็มไปด้วยความโลภ ทำเพื่อตนเองและอันตราย
ทั้งนี้ แดน รีเวอร์ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง ขณะที่นักวิจารณ์ชี้ว่า เขาใช้เงินซื้อเสียงสนับสนุนและยังข้องเกี่ยวกับการเมืองเพื่อตัวเองเท่านั้น
นอกจากนี้ ในเว็บไซต์ดังกล่าวยังให้ภูมิหลังของคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ว่า เกี่ยวข้องกับการโอนหุ้นชินคอร์ป อย่างผิดกฎหมายให้ครอบครัวแล้วขายต่อให้เทมาเส็กของสิงคโปร์โดยไม่เสียภาษีรายได้ ศาลฎีกาจะตัดสินด้วยว่า รัฐบาลทักษิณดำเนินนโยบายที่เป็นประโยชน์แก่ธุรกิจของตนเองหรือไม่ ประกอบด้วยการให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่รัฐบาลพม่าแลกกับการซื้อดาวเทียมของชินคอร์ป การแก้กฎหมายภาษีที่เอื้อประโยชน์ชินคอร์ป และการแก้ไขกฎหมายดาวเทียมที่เอื้อประโยชน์ชินคอร์ป ด้านทนายจำเลยแก้ต่างว่า พ.ตท.ทักษิณ และอดีตภรรยาไม่เกี่ยวข้องกับหุ้นชินคอร์ป เพราะได้ขายให้แก่ลูก ๆ ซึ่งไปดำเนินการขายต่อเอง ทนายจำเลยระบุว่า การสอบสวนคดีนี้เป็นเรื่องทางการเมือง
ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานด้วยว่า สาเหตุที่ทางการไทยตามเอาเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งที่ผู้นำคนอื่น ๆ ของไทยก็ถูกมองว่าทุจริตเป็นเพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของไทย ต้องการสร้างมาตรฐานว่าไม่มีใครสามารถอยู่เหนือกฎหมายได้ แต่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า คดีนี้ไม่ใช่แค่คดีการเมือง แต่เป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ท้าทายกลุ่มการเมืองที่มีอำนาจมานาน
ซีเอ็นเอ็นรายงานด้วยว่า หากพ.ต.ท.ทักษิณ ถูกศาลประกาศยึดทรัพย์ เขาจะมีชะตากรรมเหมือนอดีตผู้นำไทยคนอื่น ๆ หลายคนที่เคยถูกยึดทรัพย์ นับตั้งแต่พ.ต.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ และกลุ่มนักการเมืองในคณะรัฐบาล ซึ่งถูกยึดทรัพย์เป็นมูลค่า 1,600 ล้านบาท เมื่อปี 1991 จากการถูกรสช.ปฎิวัติยึดอำนาจ,จอมพลถนอม กิตติขจร ซึ่งถูกยึดทรัพย์จำนวน 434 ล้านดอลลาร์ เมื่อปี 1974,สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งถูกยึดทรัพย์ 604 ล้านดอลลาร์ ในปี 1964
ด้านสำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ศาลฎีกาจะตัดสินว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช้อำนาจมิชอบแสวงผลประโยชน์ให้แก่ตัวเองระหว่างดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ โดยผู้พิพากษา 9 คน จะตัดสินว่าพฤติกรรมดังกล่าวมีหลักฐานหรือไม่ ซึ่งหากมี ศาลก็จะตัดสินยึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณเป็นจำนวนกว่า 76,000 ล้านบาท ขณะที่"แชนเนล นิวส์"ของฮ่องกง รายงานว่า คณะผู้พิพากษามีทางเลือกหลายทางที่จะตัดสินคดีนี้ คือ อาจยึดทรัพย์ทั้งหมด หรืออาจยึดทรัพย์เพียงบางส่วนของอดีตนายกฯไทยรายนี้
นอกจากนี้ บีบีซีรายงานด้วยว่า ทางการไทยยังได้วางกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดบริเวณหน้าศาลฎีกา เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นจากกลุ่มม็อบเสื้อแดง