บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2551

ไม่รอดสันดอน [27 มี.ค. 51 - 18:03]


ผลการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรนูญชุดใหมจากผู้เข้าประกวดชายงามทั้งสิ้น 22 คน ก็เลือกได้ตัวจริง 4 คนครบสเปคทุกประการ

แยกเป็นสายนิติศาสตร์ 2 คน ได้แก่ “จรัญ ภักดีธนากุล” ปลัดกระทรวงยุติธรรม และ “วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์” ผู้พิพากษาอาวุโสศาลอุทธรณ์

โผออกมาตรงเป๊ะอย่างที่ “แม่ลูกจันทร์” ทำนายล่วงหน้าไว้เลย

ส่วนสาขารัฐศาสตร์ ได้แก่ “สุพจน์ ไข่มุกด์” และ “เฉลิมพล เอกอุรุ” อดีตข้าราชการกระทรวงต่างประเทศทั้งคู่ กลายเป็นม้ามืดแหกโค้งเข้าวิน

เล่นเอาบรรดาตัวเก็งๆผิดหวังไปตามๆกัน

สรุปว่าทั้ง 4 คนนี้ คือ ตุลาการรัฐธรรมนูญที่ผ่านการสรรหาโดยตรงและมีความเหมาะสมดี

แต่ยังต้องรอให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเลือกมาอีก 3 คน และที่ประชุมใหญ่ศาลปกครอง สูงสุดเลือกมาอีก 2 คน ก็จะได้ตุลาการ รัฐธรรมนูญชุดใหม่ครบ 9 คนตามกติกา

อย่างช้าไม่เกินสิ้นเดือนเมษายน

เพราะศาลรัฐธรรมนูญชุดใหม่มีงาน สำคัญรอการตัดสินใจ

คือคดียุบพรรคการเมือง

อนาคตพรรคชาติไทย? พรรคมัชฌิมาฯ? พรรคพลังประชาชน? อยู่ในกำมือของคนทั้ง 9 คนจะเป็นผู้ชี้ชะตา

แต่ดูแนวโน้มก็ไม่น่าจะรอดสันดอน??

เพราะศาลรัฐธรรมนูญชุดใหม่มีอดีต ส.ส.ร. ซึ่งเป็นผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับ คมช. อยู่ถึง 2 คน!!

แถมเป็นผู้สนับสนุนเพิ่มโทษยุบพรรค การเมือง

ฉะนั้น ถ้า กกต.ส่งคดียุบพรรคให้ศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้พิจารณา

โอกาสจะโดนยุบพรรคก็ใกล้ความจริง!!

คือตัดสินโดยใช้หลักนิติศาสตร์เป็นแนวทาง

เมื่อรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้ยุบพรรคก็ต้องยุบพรรคสถานเดียว

จะหวังให้ใช้หลักรัฐศาสตร์มาถ่วงดุล หรือให้พิจารณาผลกระทบต่อประเทศที่จะเกิดขึ้นจากการยุบพรรคการเมือง

“แม่ลูกจันทร์” ดูแล้วคงยากส์ บอกตรงๆ

สรุปว่า หลังได้เห็นโฉมหน้าของผู้ที่จะตัดสินคดี ก็พอมองเห็นอนาคตว่าคดียุบพรรคจะจบอย่างไร??

โหงวเฮ้งบ่งชี้ว่ายุบพรรคชัวร์

ฉะนั้น ฝ่ายที่จะโดนยุบพรรคก็ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดไม่ให้ถูกฆาตกรรมหมู่ ทางการเมือง

ด้วยการรีบชิงจังหวะขอแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 237 ที่เขียนเปิดช่องให้ยุบพรรค การเมืองง่ายเกินไป

หลักการคือ ผู้กระทำความผิดทุจริตเลือกตั้งยังถูกลงโทษอย่างเดิม

แต่ความผิดส่วนบุคคลจะไม่ถูกโยงเป็นเหตุยุบพรรคการเมือง

อนึ่ง ตอนแผนแรก รัฐบาลจะลุยถั่วแก้ฉุกเฉินมาตราเดียว

เพราะถ้าแก้ไขพร้อมกันหลายประเด็นก็ต้องใช้เวลาพิจารณากันยาว

ยิ่งแก้หลายประเด็น ก็ยิ่งเพิ่มกระแสคัดค้านให้บานปลาย

แต่ก็มีเสียงทักท้วงว่าการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 237 อย่างเดียวมันโจ๋งครึ่มเกินไป

เพราะรัฐบาลได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว

ฉะนั้น ไหนๆจะแก้แล้วก็ควรแก้ไขให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน

“แม่ลูกจันทร์” เห็นด้วยในหลักการ คือควรแก้ให้ครบวงจร

ประเด็นไหนไม่ดี ก็แก้ไขให้เกิดความสมบูรณ์

โดยเฉพาะระบบเลือกตั้งต้องรื้อทิ้งหมดทั้งยวง

แต่การจะแก้รัฐธรรมนูญครั้งเดียวให้ครบวงจรก็ต้องใช้เวลา กว่าจะตกลงกันได้ว่าจะแก้ตรงไหนบ้างคงต้องเถียงกันอีกนาน

ถ้าแก้ไม่ทันโดนยุบพรรคซะก่อน ก็หมดท่าละโยม.

“แม่ลูกจันทร์”

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker