กล่าวถึงที่ปรึกษากฎหมาย กกต.มีมติ 6 ต่อ 1 ให้ยุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย ว่า ขั้นตอนการพิจารณาของกกต.ยังไม่ถือว่าสิ้นสุด ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน ต้องต่อสู้กันในศาลอีกครั้ง จึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการยุบพรรคได้ ส่วนส.ส.พรรคที่จะถูกยุบยังทำหน้าที่ในสภาต่อไปได้
ผู้นำฝ่ายค้านกล่าวถึงวิปรัฐบาลมีมติให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 และ 309 ว่า
ถ้าแก้เพียง 1-2 มาตรา เพื่อหวังผลทางการเมือง พรรคไม่เห็นด้วย ทางที่ดีที่สุดคือตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ขึ้นมาตามที่พรรคพลังประชาชนเสนอเป็นญัตติ เพื่อให้ทุกพรรคและคนภายนอกมาร่วมแสดงความคิดเห็น ทำให้เป็นระบบจะดีกว่า ถ้าพูดกันรายวันจะยิ่งสับสนและสร้างความขัดแย้งในสังคมมากขึ้น อีกทั้งเรื่องคดียุบพรรค ยังมีอีกหลายขั้นตอน ยังมีช่องทางต่อสู้คดีอีก จึงเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าผลจะเป็นอย่างไร ดังนั้น ฝ่ายรัฐบาลอย่าไป เพิ่มความสับสน แต่ควรเอาเวลาไปแก้ปัญหาของประชาชน เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาภาคใต้ ปัญหายาเสพติด จะมีประโยชน์มากกว่า
ส่วนที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ เคยระบุจะแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนรัฐบาลหมดวาระ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตรงนี้ยิ่งฟ้องว่าการคิดเรื่องนี้เพื่อแก้ปัญหาของตัวเอง ทั้งที่กรณีของพรรคพลังประชาชน ยังห่างไกลมาก เพราะต้องไปต่อสู้คดีในศาลฎีกาฯ