บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ถึงเวลาผู้มากบารมีต้องตัดสินใจ

ที่มา บางกอกทูเดย์


เรื่องบางเรื่องไม่เพียงต้อง “ฟังหูไว้หู” แต่ยังต้องฟังด้วยสติและไตร่ตรองด้วยปัญญาโดยเฉพาะหากว่าเป็นเรื่องทางการเมืองเพราะการเมืองนั้นลึกซึ้งและยากที่จะหยั่งวัดได้ด้วยระบบการวัดใดๆ เนื่องจากว่าไม่ได้เป็นแค่เพียงเรื่องของ “มนุษย์”…ซึ่งมีทั้งสัญชาตญาณด้านบวก ด้านลบ และด้านดิบในจิตใจดังที่ ครูกลอนสุนทรภู่ ซึ่งในวันนี้ 26 มิถุนายนของทุกปีเป็นวันที่ระลึกถึงยอดกวีเอกของไทย ได้รจนาคำกลอนเอาไว้ตั้งแต่ยุคต้นรัตนโกสินทร์ว่า“จิตมนุษย์นั้นไซร้ยากแท้หยั่งถึง”แต่การเมืองยังมีเรื่อง “ผลประโยชน์” “อำนาจ” และ“ความทะยานอยาก” เข้ามาปนเปคละเคล้าด้วยมหาสมุทรสุดลึกล้นคณนาสักเพียงใด ก็ยังวัดได้แต่ใจนักการเมืองนั้นยากจะวัด...ไม่เช่นนั้นปรมาจารย์การเมืองสมัยกรีกโบราณ คงไม่สร้างวลีทองไว้เตือนใจบรรดาผู้พิสมัยการเมืองหรอกว่า“การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร”นักการเมืองพร้อมจะแปรพักตร์ เปลี่ยนขั้ว หันข้าง เมื่อใดก็ได้ตลอดเวลา หากเห็นว่าผลประโยชน์ลงตัว!!!จูเลียส ซีซาร์ จอมจักรพรรดิผู้
ยิ่งใหญ่ ยังถูกรุมแทงตายหน้าประตูรัฐสภา และที่สำคัญมีดสุดท้ายที่ปลิดวิญญาณนักการเมืองรายนี้ก็มาจากคนใกล้ตัว คนที่ได้ชื่อว่าเป็นบุตรบุญธรรมคนที่ซีซาร์หวังให้เป็นทายาทการเมืองนามว่า “บลูตุส” นั่นเองคำพูดสุดท้ายที่อุทานหลุดจากปากของนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ก็คือ “บลูตุส ยู ทู?”“บลูตุส เจ้าด้วยหรือนี่??”ถนนการเมืองทั่วโลก ล้วนหักเหลี่ยมช่วงชิงอำนาจกันมาทั้งสิ้นประสาอะไรกับประเทศไทย ที่เมื่อวานซืนเพิ่งจะฉลองครบรอบ77 ปีของการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหมาดๆการเมืองไทยเริ่มตั้งไข่เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475มาถึงวันนี้จะคาดหวังอะไรนักหนา?ยิ่งบุคลากรทางการเมืองของไทย ก็อย่างที่รู้แจ้งประจักษ์ชัดกันในทุกวันนี้แหละมีคนอย่างบลูตุสที่พร้อมจะแทงข้างหลัง บรรดาคนที่คิดว่าเป็น “นายใหญ่” ทางการเมืองได้ตลอดเวลา หากว่าผลประโยชน์ไม่ลงตัว หรือไม่สามารถที่จะขี่คอนายใหญ่ได้ต่อไปเรื่องนี้ฝากเป็นเครื่องเตือนใจโดยเฉพาะสำหรับคนชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนล่าสุด ที่ดูเหมือนมีสารพัดมือรอทวงบุญคุณทางการเมือง และถูกคนหลายคนขี่คอทางการเมืองอยู่ในเวลานี้ถ้าพลาดอาจจะต้องอุทานเป็นสำเนียงออกซ์ฟอร์ดติดความใกล้ชิดทองแดงว่า...“พี่เ...พี่เอากับเขาด้วยหรือนี่???”
บ้างก็ได้ดังนั้น กระแสข่าวที่ว่า “พรรคประชาธิปัตย์” จะมีการพูดคุยเพื่อเชื้อเชิญ “พรรคเพื่อไทย” เข้าร่วมรัฐบาลแม้ได้ยินได้ฟังครั้งแรก อาจจะเหมือนกับ...พระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศ “ตะวันตก” หรือไม่ก็สายน้ำจะไหลย้อนกลับ...ยังไงยังงั้นแต่ในทางการเมือง ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเสียเลยเมื่อไหร่เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับสมมติฐานของผลประโยชน์ทางการเมืองเป็นที่ตั้งดังนั้น ความเป็นไปได้ทางการเมืองในเรื่องนี้ต้องดูกันให้ลึกหลายชั้นต่อให้ต้องถอดสแควร์รูท 2 ชั้น แล้วยกกำลัง 4 กลับไปก็ต้องคิดกันให้ละเอียดส่วนภาพที่พี่เทพ...สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้จัดการรัฐบาลจะออกมาปฏิเสธ ก็อย่าไปเสียเวลาถอดบัญญัติไตรยางศ์ทางการเมืองอะไรให้มากความถ้าไม่ปฏิเสธเลยสิถึงจะแปลก!!!การออกมาสวมบท “ขำกลิ้งลิงกับหมา” ว่า เป็นเพียงโจ๊กทางการเมืองชามใหญ่ พร้อมกับบอกปนตลกว่า ไม่คิดจะนอกใจพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายนั้นเขาเรียกว่ามารยาททางการเมืองเป็นแมตช์บังคับ คำตอบเดียวที่จะต้องตอบในฐานะผู้จัดการรัฐบาล สุเทพพูดได้เพียงคำตอบเดียวเท่านั้นคือ “ไม่จริง”แต่ในคำพูดที่ว่า “ไม่จริง” ของสุเทพหมายถึงอย่างนั้นจริงๆหรือ??? อันนี้สิน่าคิดกว่าและทำไมตัวละครที่เข้ามาเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ เชื่อมโยงกับการเจรจาตามกระแสข่าวที่ออกมาจะต้องเป็นคนชื่อ เผดิมชัย สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม
พรรคเพื่อไทยจุดสังเกตทางการเมืองต้องวกกลับไปที่งานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาล ที่ห้องอาหารจีน โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ลที่ปรากฏว่า บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลลืมส่งบัตรเชิญให้พรรคประชาธิปัตย์แม้กระทั่งสุเทพที่บอกว่า เป็นคนไปเชิญพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคให้มาตั้งรัฐบาล แล้วจะไปคิดนอกใจได้อย่างไรขืนทำแบบนี้ก็ไม่ใช่สุเทพแล้ว...ก็ยังไม่ได้รับเชิญไปละเลียดอาหารจีนมื้อนั้นแม้ว่าจะมีการออกตัวว่าเป็นการทำหน้าที่ของ หัวหน้าบรรหาร ศิลปอาชา ที่เรียกคุยพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อให้หยุดการขย่ม หยุดการขี่คอรัฐบาล ให้หันกลับมาช่วยกันประคับประคองอายุรัฐบาลอภิสิทธิ์ให้อยู่ได้จนถึงปลายปีนี้เพื่อจะได้มีโอกาสใช้เงินกู้ 800,000 ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจให้ถ้วนทั่วทุกตัวบุคคลและครบทุกพรรคกันเสียก่อน...จะได้มีผลงานไว้คุยในการหาเสียงเลือกตั้งในปีหน้า???แล้วแบบนี้ มือการเมืองระดับเก๋าอย่างสุเทพ มีหรือจะไม่รีบออกมา “ขอบคุณพี่บรรหารที่กรุณาช่วยดูแล!!!”พร้อมประกาศขึงขัง ถ้าพรรคประชาธิปัตย์จะจับมือพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลใหม่...“คงต้องเปลี่ยนผู้จัดการรัฐบาลใหม่”...ว้าว เท่ชะมัด!!แต่จริงๆ แล้วก็เป็นสัจธรรมทางการเมือง หากมีการจัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยเกิดขึ้นมาจริงๆ ในวันใดรับรองได้ว่า ผู้จัดการรัฐบาลจะต้องเป็น คนกลางที่เปี่ยมบารมี และได้รับการยอมรับจากทั้ง 2 พรรค จึงไม่มีวันที่จะเป็น“สุเทพ เทือกสุบรรณ” ไปได้แน่นอน
ที่สำคัญอยากให้คนไทยทุกคนหันมาตั้งสติ บนพื้นฐานของการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติอย่างแท้จริงก็ต้องถามใจกันดูว่า สมการ “ประชาธิปัตย์ + เพื่อไทย”เป็นสูตรเด็ดทางการเมืองที่จะยุติความวุ่นวายทางการเมืองได้หรือไม่???ตรงนี้น่าคิดมากว่า การที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สุเทพเทือกสุบรรณ หรือแม้แต่ น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ที่ดาหน้ากันออกมาปฏิเสธข่าวเพราะหากลองวาดภาพมองพรรคใหญ่ 2 พรรคนี้ ด้วย“จิตที่เป็นคุณ” ไร้ซึ่งอคติ ย่อมถือเป็น เรื่องดี ที่จะจับมือกันในการทำเพื่อ “ประเทศชาติ”คิดถึงอำนาจและผลประโยชน์ของส่วนรวม...เปลี่ยนแปลงและสร้างสรรค์สังคมกันใหม่ เพื่อความเป็น “ประชาธิปไตย”อย่างเต็มตัวถ้าวันนี้ทั้ง 2 พรรคหันหน้ามา “พูดคุยกัน” เชื่อว่าทุกอย่างคงจบแบบ “แฮปปี้เอนดิ้ง”การเมืองจะมีทางเลือกคุณภาพมากขึ้นทุกวันนี้พรรคร่วมรัฐบาล กลุ่ม หรือมุ้งต่างๆ สามารถที่จะขี่คอรัฐบาลได้ จึงสามารถที่จะส่งบุคคลที่ประชาชนยี้ ประชาชนส่ายหน้า เข้ามาเป็นรัฐมนตรีได้ รวมกระทั่งถึงสามารถชงโครงการสารพัดจะอื้อฉาวเข้ามาให้รัฐบาลน้ำท่วมปากได้ตลอดเวลาจะปฏิเสธก็กลัวรัฐบาลพัง ทำได้แค่เพียงการซื้อเวลาประวิงเวลาไปเรื่อยๆแต่ถ้า 2 พรรคใหญ่จับมือกัน แล้วมีคนกลางผู้มีบารมีที่นอกจากทั้ง 2 พรรคยอมรับแล้ว สังคมและทุกระดับชั้นก็ต้องยอมรับได้ด้วย การเมืองก็จะมีตัวเลือกของบุคคลคุณภาพมากขึ้น คณะรัฐมนตรีจะหน้าตาดีขึ้น ไม่มีเสียงยี้ เสียงแย้ออกมาให้ระคายหู
ที่สำคัญบรรดากลุ่มก๊วนทางการเมืองทั้งหลาย เพื่อนคนนั้นแก๊งคนนี้ หากไม่มีคุณภาพพอก็จะอยู่ไม่ได้บนถนนการเมืองไทยตรงนี้หรือไม่ ที่ทำให้บรรดากลุ่มที่อาจจะมีผลกระทบ...ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเนวิน ชิดชอบ กลุ่มสมศักดิ์ เทพสุทินกลุ่มสุวิทย์ คุณกิตติ และอีกสารพัดกลุ่ม ต้องสะดุ้งและยอมไม่ได้!!!ขืนยอม ดีไม่ดีหากไม่เข้าพรรคใหญ่ เป็นไปได้ที่บรรดาพรรคเล็กๆ อาจจะไม่มีที่ยืนให้ต่อรองทางการเมืองอีกต่อไปประจักษ์พยานนั้นเห็นชัดเจนมาตลอดประวัติศาสตร์การเมืองไทย พรรคใหญ่ที่เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลแท้ๆ แต่ไม่เคยได้รับรางวัลแห่งความดีเลย หากว่าตั้งรัฐบาลแล้วมีพรรคร่วมชนิดกระจองอแงเป็นเบี้ยหัวแตกทุกพรรคจะกร่างทวงบุญคุณพร้อมกับขอรางวัล ซึ่งพรรคใหญ่ก็ต้องยอมจำใจยกกระทรวงดีๆ ไปให้หมดนั่นคือปรากฏการณ์แห่งความจริงที่ตำตาอยู่ในเวลานี้ทำไมกระทรวงคมนาคมถึงต้องเป็นกลุ่มเพื่อนเนวิน ทำไมกระทรวงพาณิชย์ถึงต้องเป็นกลุ่มสมศักดิ์???อย่าคิดว่าประชาชนไม่สงสัย!!ที่ว่าพรรคแกนนำคุมกระทรวงการคลัง คุมรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ...แล้วทำอะไรได้...ดูแค่ต่อรองงบกับเล่นเกมซื้อเวลา ซึ่งสุดท้ายก็กลายเป็นการงัดข้อทางการเมืองอยู่ดีประเทศชาติมีแต่เสียกับเสียในอดีต ประเทศไทยในสายตาของชาวต่างชาติทั่วโลกต่างใฝ่ฝันว่า...Once in my life.. สักครั้งในชีวิต ขอให้มีโอกาสได้มาเที่ยวมาสัมผัสกับธรรมชาติในเมืองไทยด้วยเถอะ
ยิ่งในครอบครัวคนสวิส ถาม 10 ครอบครัว จะได้รับคำตอบว่า มีถึง 7 ครอบครัวที่อยากมาเที่ยวประเทศไทยแต่แล้วในวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ..ต้นตอทั้งหลายล้วนมาจากการช่วงชิงอำนาจทางการเมืองของสารพัดกลุ่มทั้งสิ้นเลิกเสียทีได้หรือไม่กับแนวคิดที่ไม่พัฒนา ย้อนไปสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่ 2 ที่แบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่า ถึงขนาดก๊กพระฝางประกาศศักดาลั่นๆ ว่า“อันสามัคคีกันนั้นดีอยู่...แต่ต้องมีตัวกูเป็นหัวหน้า”นั่นแหละที่ทำให้อยุธยาล่มสลาย และทำให้พระเจ้าตากสินต้องประหารพระฝางเพื่อปราบ 5 ก๊กรวมเป็นหนึ่งวันนี้การเมืองไทยก็ต้องการ ผู้มากบารมี ต้องการผู้มีอำนาจที่ทุกกลุ่มยอมรับ เข้ามาเป็นคนกลางในการ สลายก๊ก สลายขั้วการเมือง สลายขั้วสีเหลือง-แดง-น้ำเงิน-เขียว สารพัดสีที่ฉุดรั้งประเทศไทยอยู่ในเวลานี้หากผู้มีบารมีได้คิด ทำให้ภาพบิดเบือนในเรื่อง 2 มาตรฐานทำให้ภาพบิดเบือนเรื่องการเลือกข้าง หรือภาพบิดเบือนเรื่องการลำเอียงในเรื่องสีหมดไป...นั่นคือทางรอดที่แท้จริงของประเทศไทยดังนั้น ถึงเวลาที่ผู้มากบารมีจะต้องเห็นแก่ประเทศชาติจับ 2 พรรคใหญ่มาละลายพฤติกรรม ลดอคติแล้วหาคนกลางที่มีอำนาจในตัวเองเข้ามาคุมเกม ยุติศึกการเมืองอย่างจริงๆ จังๆ เสียทีถ้าเป็นสูตรจริงใจเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติแบบนี้สูตร “ประชาธิปัตย์จับมือเพื่อไทยเพื่อจัดตั้งรัฐบาล” ทำไมจะเป็นไปไม่ได้??? ■

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker