บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ฎีกามหาวินาศ... เดินหน้าก็พัง... ถอยหลังก็วินาศ...

ที่มา thaifreenews


เขียนโดย ปูนนก
วันอังคารที่ 30 มิถุนายน 2009 เวลา 22:45 น.

altผมคงจะต้องยอมรับและให้เครดิตอย่างสูง สำหรับใครก็ตามที่คิด concept เรื่องการถวายฎีกา “เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษและเรียกร้องความเป็นธรรมให้ท่านนายกทักษิณ” โดยที่มีท่านวีระ เป็นผู้นำมาพูดสด ๆ บนเวทีสนามหลวงในวันที่ 27 ที่ผ่านมา....เพราะขณะนี้เรื่องการยื่นถวายฎีกา เพื่อท่านนายกทักษิณในครั้งนี้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่วในแทบทุกพื้นที่หน้าเวปไซด์, แม้แต่ในหมู่คนเสื้อแดงผู้รักประชาธิปไตย หรือคนเสื้อสีอื่น ๆ ก็ตาม.... เสียแล้ว....

อ่านเพิ่มเติมและแสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

ซึ่งไม่ว่าการถวายฎีกาที่ท่านวีระได้เปิดประเด็นเอาไว้นี้จะสามารถเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ก็ตาม แต่ประเด็นนี้ได้กลายเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ฝังเข้าไปในความคิดคำนึงของคนไทยส่วนมากในประเทศนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
มีเหล่าผู้ทรงความรู้มากมายที่ได้อธิบายกันถึงเรื่องการถวายฎีกา ทั้่งในรูปแบบของค่านิยมตามประเพณีการปกครอง และตามตัวบทกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ทำให้ความคิดในเรื่องการถวายฎีกาที่ท่านวีระจุดประเด็นเอาไว้นั้นยิ่งถูกขยายความมากขึ้น และกว้างขวางมากขึ้นไปอีก เลยยิ่งทำให้เกิดกระแสทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการยื่นถวายฎีกาในครั้งนี้ มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากมายในประเด็นนี้....

ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครปฏิเสธ... ว่าเหล่าพี่น้องคนเสื้อแดงผู้ัรักประชาธิปไตยทั้งหลาย ต่างมีเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่การเรียกร้องให้ประเทศนี้มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบและอำนาจสูงสุดเป็นของปวงชนทั้งมวล การเรียกร้องในครั้งนี้เป็นการต่อสู้กัีบระบอบเผด็จการอมาตย์ที่ครอบครองอำนาจและยึดครองประเทศนี้มาอย่างยาวนาน อุดมการณ์นี้ได้ “ฝังรากลึก” อยู่ในความคิด, จิตวิญญาณ และเจตนารมย์ ของคนเสื้อแดงผู้รักประชาธิปไตยอย่างเหนียวแน่น และจะไม่มีสิ่งใดจะมาเปลี่ยนแปลงหรือคลอนแคลนได้อีกแล้ว ไม่ว่าฟ้าจะถล่ม, ดินจะทลาย, น้ำจะท่วมประเทศไทย, ทหารจะถือปืนออกมายิงประชาชนมือเปล่าอีกสักกี่ครั้ง, จะจับคนเข้าคุกอีกมากเท่าใด จิตวิญญาณแห่งการเรียกร้องประชาธิปไตยของประชาชนผู้รักประชาธิปไตยก็จะไม่เปลี่ยนไป... และนี่คือ “เป้าหมาย หรือ Goal สูงสุด”

เมื่อทุก ๆ คนต่างก็ยึดมั่นในเป้าหมายเดียวกัน แต่หนทางเดินท่ามกลางสนามการต่อสู้เพื่อไปสู่เป้าหมายนั้นจะต้องมีหลากหลายยุทธวิธีเพื่อให้บรรลุผลตามเป้าหมาย แน่นอนว่าท่ามกลางการต่อสู้ย่อย ๆ ในหลาย ๆ สนามรบนั้น ความหลากหลายในยุทธวิธีจะก่อให้เกิดความสับสนและการแบ่งแยกของแนวตั้งรับของข้าศึกออกมาเป็นส่วน ๆ ทำให้เกิดความอ่อนแอลง... ยุทธวิธีการถวายฎีกาเรื่องท่านนายกทักษิณนี้ก็เช่นกัน...

เคยมีผู้พยายามถวายฎีกาเกี่ยวกับการขอพระราชทานนิรโทษกรรมให้กับผู้ได้ผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับการรัฐประหาร 19 กันยายน มาแล้ว แต่ดูเหมือนว่ากระแสไม่สามารถจุดให้ติดปากหรืออยู่ในความคิดของประชาชนส่วนใหญ่ได้ จะเป็นด้วยสิ่งใดก็ตามซึ่งตรงข้ามกับกรณีฎีกาของท่านวีระที่จุดประเด็นเรียกร้องให้มีการอภัยโทษท่านนายกทักษิณ โดยจะแสดงพลัีึงคนเสื้อแดงด้วยการเข้าชื่อถวายฎีกา 1 ล้านรายชื่อ... ข้อที่น่านำมาพิจารณาก็คือ ท่านวีระนำเรื่องที่ท่านนายกทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรมมาจุดประเด็นและเสนอให้มีการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ “หลัีงจากผ่านการเลือกตั้งที่สกลนคร และที่ศรีสะเกษ” โดยที่พรรคเพื่อไทยชนะถล่มทลายด้วยการโฟนอินของท่านนายกทักษิณ แสดงให้เห็นถึงกระแสความนิยมในตัวของท่านนายกทักษิณได้พลิกฟื้นขึ้นมาอย่างไม่มีสิ่งใดปฏิเสธได้ต่อหน้าของประชาชนทั้งมวล

และด้วยสถานการณ์นี้ท่านวีระได้จับเอากระแสนี้โยนลงมาให้ประชาชนชาวเสื้อแดงทั้งหลายร่วมกันแสดงพลังประชาธิปไตย เข้าเปิดการโจมตีในอีกสนามรบหนึ่งนั่นก็คือสนามรบการถวายฎีกา ผมเชื่อว่าท่า่นวีระทราบดีว่าประเด็นที่จุดเรื่องที่ท่านนายกทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรมและถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้ จะเป็นกระแสที่จุดติดในใจของคนไทยจำนวนมาก... เหมือนคราว สนธิ ลิ้มทองกุล จุดกระแส “ถวายคืนพระราชอำนาจ” แล้วบิดเบือนด้วยข้อกล่าวหาทุก ๆ สิ่ง กรณีการถวายฎีกาขออภัยโทษให้ท่านนายกทักษิณก็เช่นกัีน เพราะตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ท่านนายกทักษิณ มิได้กระทำสิ่งใดผิดดังที่ได้ถูกกล่าวหา มีแต่ได้รับความอยุติธรรม และถูกกลั่นแกล้งโดยอำนาจเผด็จการ ดังนั้นเมื่อในขณะที่กระแสท่านนายกทักษิณกำลังร้อนแรง สืบเนื่องจากการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา การจุดประเด็นเรื่องถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้จึงเท่าักับเป็นการเปิดแนวรบใหม่ ที่ฝ่ายประชาธิปไตยได้เข้า่โจมตีฝ่ายเผด็จการอมาตย์อย่างรุนแรงชนิดเดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลัีงก็ไม่ได้เลยทีเดียว...

ถ้าฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้สำเร็จและได้มีการทูลเกล้าขึ้นจริง นั่นก็หมายความว่า “ประชาชนชาวไทยกว่า 1 ล้านคนเห็นพ้องกันว่า ท่านนายกทักษิณเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่สมควรได้รับโทษใด ๆ และขอพระราชวินิจฉัยที่จะให้ท่านนายกทักษิณได้เดินทางกลับเข้าประเทศไทย” ซึ่งขณะที่ในปี 2549 ก่อนที่จะมีการทำรัฐประหาร ได้มีกลุ่มคน 7 คนจาก 7 กลุ่มอำนาจของเผด็จการอมาตย์ ได้ไปประชุมกันที่บ้านของ นายปีย์ มาลากุล และเห็นพ้องต้องกันว่า “ท่านนายกทักษิณมีความผิดและไม่สมควรจะอยู่ในประเทศไทยอีกต่อไป” จากนั้นก็เกิดการรัฐประหารขึ้นโดยได้รับพระราชทานพระปรมาภิไธยให้การรัฐประหารล้มล้างอำนาจประชาธิปไตยกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

ดังนั้นการยื่นถวายฎีกาในครั้งนี้จึงเป็นกลยุทธที่แหลมคมอย่างยิ่ง ในการนำเอา 2 พลัีงอำนาจที่แท้จริงและกำลังเิผชิญหน้ากัน เข้ามายืนกันคนละฝ่ายโดยมี เรื่องการถวายฎีกา เข้ามาอยู่ตรงกลาง เพราะในกรณีฎีกานี้เป็นพระราชอำนาจ, และพระราชวินิจฉัยอย่างสมบูรณ์ของพระองค์ท่านแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีผู้ใดไปก้าวก่ายได้ ซึ่งไม่ว่าการถวายฎีกาในครั้งนี้ผลจะออกมาอย่างไร ก็จะเป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าจุดสุดท้าย หรือจุดสิ้นสุดของการต่อสู้ในครั้งนี้เผด็จการอมาตย์จะมีสภาพอย่างไร เพราะจะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ได้รับการรับรองว่ากระทำถูกต้องและอีกฝ่ายกระทำไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเผด็จการอมาตย์จากกลุ่ม 7 คนที่ล้มล้างอำนาจประชาธิปไตย หรือฝ่ายประชาชน 1 ล้านรายชื่อที่เรียกร้องประชาธิปไตย

ด้วยเหตุนี้โดยส่วนตัวของผมจึงพิจารณาว่า การจุดประเด็นเรื่อง “การยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ท่านนายกทักษิณ” นั้น ไม่ว่าจะเป็นการถวายฎีกาืทางกฎหมาย, หรือเป็นฎีกาทางการเมือง ไม่มีความสำคัญแต่อย่างใดเพราะ ไม่ว่าจะเป็นทางกฎหมาย หรือทางการเมืองหรือไม่ ก็ไม่อาจเปลี่ยนความตั้งใจหรือเป้าหมายการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของพี่น้องประชาชนต่อไปได้ กรณีการยื่นถวายฎีกานี้เป็นเพียงเครื่องมือการต่อสู้เครื่องมือหนึ่งในสนามรบเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรวันหนึ่งเมื่อประเทศไทยได้มีการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริงแล้ว วันนั้นท่านนายกทักษิณก็กลับมาประเทศไทยและได้รับพระราชอภัยโทษได้อยู่แล้วอย่างแน่นอน....

ดังนั้นผมจึงอยากให้พี่น้องผู้รักประชาธิปไตยทุก ๆ ท่านอย่าหลงประเด็นในเรื่องการถวายฎีกานี้อีกเลยครับ เพราะถึงแม้ไม่ว่าการถวายฎีกานี้จะมีผลอย่างไรในบั้นปลาย เช่นไม่ได้รับพระบรมราชานุญาติ หรือได้รับพระราชทานอภัยโทษ ผลในเวลานั้นก็ไม่แตกต่างกันสำหรับการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยเพราะเป็นเรื่องของเพียงคน ๆ หนึ่งที่ชื่อ (นายก)ทักษิณ เท่านั้น ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป้าหมายการต่อสู้ของพี่น้องคนเสื้อแดงผู้รักประชาธิปไตยได้ แต่ที่สำคัญกว่าก็คือเวลานี้เรื่องการถวายฎีกาในครั้งนี้ได้กลายเป็น “ฎีกามหาวินาศ” สำหรับใครบางคนไปแล้วครับ


ปูนนก

แก้ไขล่าสุด ใน วันอังคารที่ 30 มิถุนายน 2009 เวลา 23:07 น.

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker