บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552

องค์การนิรโทษกรรมสากลยื่นมือฉุดดาตอร์ปิโด หลังเผชิญชะตากรรมคุกคดีหมิ่นฯเกือบขวบปี

ที่มา Thai E-News

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา สำนักข่าวเรอยเตอร์
26 มิถุนายน 2552

องค์การนิรโทษกรรมสากล(Amnesty international)ออกแถลงการณ์เรียกร้องไทยพิจารณาคดีหมิ่นฯโดยเปิดเผย หลังจากผู้พิพากษาสั่งปิดห้องคดี"ดาตอร์ปิโด"เป็นการลับ สั่งนักข่าวและผู้สังเกตการณ์ออกนอกห้องพิจารณา ระบุ"เมื่อศาลปิดประตูห้องพิจารณา มันก็ส่งนัยยะสำคัญว่ามีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะทำให้สถานที่นั้นเกิดความอยุติธรรม" เผยเป็นครั้งแรกที่นิรโทษกรรมยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องคดีนี้ หลังจากคดีหมิ่นถูกเหวี่ยงแหเอาผิดฝ่ายเรียกร้องประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการมาอย่างหนักหน่วงต่อเนื่อง


Amnestyร้องประเทศไทยพิจารณาคดีหมิ่นฯโดยเปิดเผย

กรุงเทพฯ(รอยเตอร์)กลุ่มเคลื่อนไหวทางด้านสิทธิมนุษยชน แอมเนสตี้สากลได้เรียกร้องต่อทางการไทยเมื่อวันศุกร์(26มิ.ย.)ให้เปิดการพิจารณาคดีที่นักรณรงค์เคลื่อนไหวทางการเมืองถูกจับกุมฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างเปิดเผย ภายหลังจากมีการพิจารณาคดีเป็นการลับ โดยอ้างเหตุผลเรื่อง"ความมั่นคงของชาติ"

แอมเนสตี้กล่าวว่าการที่ศาลไทยสั่งห้ามสื่อมวลชนและสาธารณชนเข้าสังเกตการณ์การพิจารณาของดารุณี ชาญเชิงศิลปกุล ซึ่งเป็นคนใน"กลุ่มเสื้อแดง"ผู้ให้การสนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรที่ถูกโค้นล้มจากรัฐประหาร เสี่ยงที่จะทำให้เธอไม่ได้รับโอกาสที่เป็นธรรมในการพิจารณาคดี

ดารุณี วัย46ปี หรือที่รู้จักกันในฉายา"ดาตอร์ปิโด"ถูกจับกุมดำเนินคดีฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว หลังจากได้กล่าวปราศรัยอย่างแข็งกร้าวเพื่อต่อต้านการทำรัฐประหารปี2549เพื่อโค่นล้มทักษิณลงจากตำแหน่ง

"เมื่อศาลปิดประตูห้องพิจารณา มันก็ส่งนัยยะสำคัญว่ามีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะทำให้สถานที่นั้นเกิดความอยุติธรรม"ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ เอเชีย-แปซิฟิก แซม ซาริฟีกล่าวในแถลงการณ์

"รัฐบาลไทยต้องประสบกับเวลาที่ยุ่งยากที่จะอธิบายว่าเพราะเหตุใดการพิจารณาคดีใครบางคนที่ถูกจับกุมฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจึงเป็นเครื่องหมายถึงความมั่นคงแห่งชาติด้วย"

"ในกรณีนี้ การพิจารณาคดีที่เป็นธรรมหมายความถึงประตูห้องพิจารณาของศาลควรจะต้องเปิด"ซาริฟีกล่าว

เมื่อวันอังคารที่23มิถุนายน ผู้พิพากษาพรหมมาส ภู่แส สั่งให้สื่อมวลชนและผู้สนับสนุนดารุณีออกจากห้องพิจารณาคดีในศาลอาญากรุงเทพ เพราะคดีของเธอนั้น"ขัดต่อความมั่นคงของชาติ"

จากคำสั่งของศาลดังกล่าว ดารุณีอาจจะไม่ได้รับประกันว่าจะได้มีการพิจารณาคดีอย่างยุติธรรม หากสาธารณชนถูกสั่งไม่ให้เข้าสังเกตการณ์พิจารณาไต่สวนคดี ทั้งนี้เป็นการยื่นคำร้องเพื่อคัดค้านโดยทนายความของเธอ

การพิจารณาคดีนี้จะมีขึ้นอีกในวันที่28กรกฎาคมนี้ ท่ามกลางข้อวิพากษ์วิจารณ์เชิงขัดแย้งต่อเรื่องเสรีภาพในการพูดในกรณีของคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือการหมิ่นประมาทพระราชวงศ์เป็นคดีที่มีโทษร้ายแรงในประเทศไทย แม้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระชนมายุ 81 พรรษาจะเป็นที่เทิดทูนสักการะของพสกนิกรไทยเสมือนสมมุติเทพและมีสถานะอยู่เหนือการเมือง แต่ก็มีการระบุโทษจำคุกสำหรับผู้หมิ่นพระบรมเดชานุภาพไว้สูงสุดถึง 15 ปี

ผู้พิพากษาพรหมมาสไม่ได้แสดงความเห็นใดต่อการเคลื่อนไหวเรียกร้องของแอมเนสตี้ในครั้งนี้ แต่ได้ยืนยันในสิ่งที่เขาตัดสินใจไปแล้วคือการปิดห้องพิจารณาคดีเป็นการลับ

"สิ่งเดียวที่ผมสามารถพูดได้,ผมเป็นกลาง"เขากล่าวให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์"

นี่เป็นครั้งแรกเช่นกันที่องค์การนิรโทษกรรมสากล หรือAmnestyยื่นมือเข้ามาข้องเกี่ยวกับคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในรอบ 3 ปีมานี้ ก่อนหน้านั้นแอมเนสตี้ไม่ได้แสดงท่าทีสนใจหรือเคลื่อนไหวใดๆ กระทั่งรศ.ใจ อึ๊งภากรณ์ ผู้ตกเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพรายหนึ่ง เคยเรียกร้องให้บรรดาผู้บริจาคสนับสนุนAmnestyมาก่อนเลิกบริจาค และหันไปบริจาคแก่องค์กรอื่นที่ตื่นตัวต่อปัญหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในไทย ซึ่งรศ.ใจเห็นว่าเป็นข้อหาที่มุ่งเอาผิดต่อนักการเมือง นักวิชาการ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เรียกร้องประชาปไตย ต่อต้านเผด็จการ และต่อต้านรัฐประหาร19กันยายน2549เป็นหลัก

*อ่านรายละเอียดแถลงการณ์ของAmnesty คลิ้กที่นี่ เนื้อหาแถลงการณ์ระบุในตอนหนึ่งว่า

“ภายใต้กฏหมายนานาชาติ การพิจารณาคดีแบบเปิดเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องสิทธิของบุคคลที่พึงได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมและเป็นไปตามขั้นตอน เมื่อผู้พิพากษาปิดประตูห้องพิจารณาคดี มันทำให้ความเสี่ยงที่ความอยุติธรรมจะเกิดขึ้นได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก รัฐบาลไทยจะประสบปัญหาในการอธิบายว่าทำไมการพิจารณาคดีของบุคคลหนึ่งซึ่งถูกตั้งข้อหาว่าทำการหมิ่น ว่าร้าย จะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติอย่างไร”

ผู้พิพากษา ให้เหตุผลสนับสนุนข้อวินิจฉัยให้ปิดประตูห้องพิจารณาคดี ด้วยเหตุผลว่านี่เป็นเรื่อง ความมั่นคงของชาติ ทั้งกฏหมายสิทธิมนุยชน และ สิทธิทางการเมืองนานาชติ และ รัฐธรรมนูญอนุญาตให้มีการพิจารณาคดีแบบลับได้ ภายใต้เหตุผลนี้จริง แต่การปิดกั้นดังกล่าวจะถูกต้องชอบธรรมก็ต่อเมื่อมันเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด และมาตรการการสกัดกั้นอื่นๆไม่มีแล้ว

แม้ผู้พิพากษา พหรมมาส รับประกันว่าจำลยจะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม แม้ว่าจะปิดกั้นการพิจารณาคดีต่อสื่อ และสาธารณชนก็ตาม

แซม ซาฟิริ กล่าวว่า “การกล่าวรับประกันแบบนี้ไม่สามารถพิสูจน์ได้เมื่อประตูห้องถูกปิดลง ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม กฏหมายนานาชาติ และกฏหมายไทยเอง เรียกร้องให้การพิจารณาคดีเปิดแก่สาธารณะ”

มาตรา 14 ของกฏหมายสิทธิมนุษยชน และสิทธิทางการเมืองนานาชาติ ซึ่งประเทศไทยตกลงอยู่ภายใต้ ระบุว่า บุคคลทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม และ เป็นสาธารณะ

มาตรา 40 ของรัฐธรรมนูยของไทย ปี 2550 ระบุว่าบุคคลทุกคนมีสิทธิขั้นพื้นฐานในขั้นตอนทางศาลซึ่งประกอบด้วยอย่างน้อยที่สุด การพิจารณาคดีที่เปิดเผยต่อสาธารณะ


คดีหมิ่นเอาไว้เล่นงานเสื้อแดง ชุมนุมใหญ่งวดนี้ตำรวจจับอีก

พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงจะชุมนุมกันบริเวณท้องสนามหลวงในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ ว่า ตำรวจประเมินด้านการข่าวเพื่อจัดวางกำลังและแผนรองรับทุกขั้นตอนในการดูแลความสงบเรียบร้อย

พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการปราศรัยที่ท้องสนามหลวง เมื่อคืนวันที่ 23 และ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ได้รับรายงานจาก บก.น.1 ว่า มีคำพูดที่เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานเป็นภาพถ่ายและเสียงไว้แล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย จึงฝากเตือนไปยังแกนนำผู้ชุมนุมที่ขึ้นปราศรัยบนเวทีว่า สามารถใช้สิทธิแสดงความเห็นทางการเมืองได้ แต่หากเอาสถาบันมาพูดหมิ่นเบื้องสูงแบบนี้ ตำรวจคงปล่อยเอาไว้ไม่ได้แน่นอน

ด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.กล่าวว่า เรื่องการชุมนุมก็ขอให้อยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญ ส่วนวันที่ 27 มิ.ย.นี้ จะมีความรุนแรงหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับผู้ชุมนุมเอง ทางตำรวจจะมีการบันทึกภาพและเสียงเอาไว้ตลอด จากนั้นก็จะนำมาถอดเทปตรวจสอบดูว่า มีการยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองหรือไม่ หากพบก็จะนำไปสู่การออกมายจับอีกแน่นอน

“ส่วนเรื่องการปราศรัยนั้น ขอร้องแล้วว่าอย่าให้ร้าย หรือกล่าวหาใดๆ เกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูงทั้งสิ้น ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังดำเนินการขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ที่พูดหมิ่นเบื้องสูงแล้ว ภายในเย็นนี้จะมีการออกหมายจับแน่นอน แต่บอกไม่ได้ว่ากี่คน หรือเป็นใครบ้าง โดยหลังจากออกหมายจับแล้วจะจับกุมทันที และจะไม่ให้ประกันด้วย ใครทำผิดก็ต้องจับหมด จะจับกันทั้งยวง และอีกหน่อยจะบุกขึ้นไปจับบนเวทีด้วย” รอง ผบช.น.กล่าว

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker