โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา มติชน
28 มิถุนายน 2552
หลังปิดหีบเลือกซ่อมศรีษะเกษ นับคะแนนจุดสตาร์ทเพื่อไทยนำโด่ง หลังแม้วอ้อนกาเพื่อไทยพากลับบ้าน ด้านกระแสมติสาธารณชนตีกลับ หลังจากให้รัฐบาลสอบตกผลงานรอบ3เดือน ได้แค่4เต็ม10คะแนน ล่าสุดสวนดุสิตโพลล์สำรวจพบประชาชนเชื่อที่ทักษิณโฟนอินเข้ามา ระบุเพราะเป็นเรื่องที่ถูกกดดัน ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกใส่ร้าย สงสารอยากให้กลับมาบริหารประเทศ อยากให้มีการอภัยโทษ น่าจะกลับมาช่วยกู้เศรษฐกิจของประเทศ เคยทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ
นายพงษ์พัฒน์ ไตรพิพัฒน์ ผู้สื่อข่าวเนชั่น รายงานจากศรีษะเกษผ่านข่าวเนชั่นแชนัลช่วงเวลา 16.00 น.หลังปิดหีบเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดศรีษะเกษว่า จากการนับคะแนนในอำเภอราษีไศล ซึ่งเป็นอำเภอหนึ่งในเขตเลือกตั้ง ผลปรากฎว่า นายสุรชาติ ชาญประดิษฐ์ หมายเลข1พรรคเพื่อไทยเสื้อแดงมีคะแนนนำทิ้งห่างหมายเลข2นางสกุลทิพย์ อังคสกุลเกียรติ พรรคชาติไทยพัฒนา มากพอสมควร
สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 รายงานข่าวช่วง17.00น.วันนี้ในทิศทางเดียวกันว่า หลายหน่วยเลือกตั้งหลังจากนับคะแนนผ่านไปเบอร์1พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำเบอร์2พรรคชาติไทยพัฒนา
ก่อนหน้านั้นพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้โฟนอินเข้ามาหาเสียงช่วยผู้สมัครพรรคเพื่อไทยว่า ผลเลือกตั้งซ่อมสกลนครเหมือนกับคนสกลนครนำเขามาจ่อที่ชายแดนแล้ว ต้องขอแรงชาวศรีษะเกษลงคะแนนให้ส.ส.เพื่อไทยชนะเลือกตั้ง ก็จะเหมือนว่าพาทักษิณกลับเข้าประเทศสำเร็จ
โพลชี้ปชช.อยากฟัง"แม้ว"โฟนอินสงสารต้องการให้กลับมา
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ว่า สวนดุสิตโพล เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทุกอาชีพทั่วประเทศ โดยกระจายไปยังจังหวัดที่เป็นตัวแทนของภูมิภาค รวม 38 จังหวัด 6,147 คน ระหว่างวันที่ 22-27 มิ.ย. 2552 ต่อกรณีการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับการเมืองไทย ซึ่งในหัวข้อประชาชนได้รับรู้หรือ เคยรับรู้ หรือ เคยรับฟังการโฟนอินของพ.ท.ต.ทักษิณหรือไม่ พบว่า ประชาชน 78.02% รับรู้ เคยรับรู้ หรือเคยรับฟังจากสื่อมวลชน โดยเฉพาะโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ เพื่อน หรือ ญาติเล่าให้ฟัง เพราะอยากรู้เรื่องราวจาก พ.ต.ท.ทักษิณ และ 21.98% ไม่รับรู้ ไม่เคยรับรู้ ไม่เคยฟัง เพราะไม่สนใจและเบื่อการเมือง
ทั้งนี้ หัวข้อประชาชนอยากรับรู้ หรือ อยากฟังการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่พบว่า ประชาชน 40.47% อยากรับรู้ อยากฟัง เพราะอยากรู้เรื่องราวต่างๆ อยากรู้ว่าอะไรจริงหรือไม่ สงสารและยังรักพ.ต.ท.ทักษิณรวมทั้งอยากรู้เรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 31.39% ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากฟัง เพราะเป็นเกมการเมือง เบื่อการเมือง ทำให้เกิดความวุ่นวายบ้านเมืองไม่สงบ และไม่ชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ อีก 28.14% เฉยๆ ฟังก็ได้ไม่ฟังก็ได้ เพราะเป็นการตอบโต้กันไปมาและประชาชนไม่ค่อยได้ประโยชน์
เมื่อถามถึงหัวข้อความรู้สึกของประชาชนเมื่อได้รับรู้หรือรับฟังการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณพบว่าประชาชน 38.43% สงสารอยากให้กลับมาบริหารประเทศ อยากให้มีการอภัยโทษ เพราะเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม น่าจะกลับมาช่วยกู้เศรษฐกิจของประเทศ เคยทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ 33.26% เห็นว่าอยากให้หยุดการโฟนอิน เพราะบ้านเมืองจะได้สงบ ไม่อยากให้เกิดความแตกแยกต่อไป เป็นการยุยงปลุกปั่นประชาชน และ 28.31% เห็นว่า เฉยๆ เพราะเป็นเรื่องเกมการเมือง
ส่วนหัวข้อการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีผลทางการเมืองอย่างไรบ้าง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 32.58% เห็นว่า ทำให้กระแสการเมืองร้อนแรงขึ้น 23.70% เห็นว่าสร้างความวุ่นวาย ขัดแย้ง บ้านเมืองไม่สงบ 17.93% เห็นว่าทำให้คนไม่ลืม พ.ต.ท.ทักษิณ ฐานเสียงยังอยู่ 13.76% เห็นว่า รัฐบาลทำงานได้ไม่เต็มที่ และ 11.76% เห็นว่า ต่างประเทศขาดความเชื่อมั่นทางการเมือง กระทบต่อการท่องเที่ยว และมีผลต่อเศรษฐกิจ
สำหรับหัวข้อประชาชนเชื่อข้อความหรือเรื่องราวที่ พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินเข้ามามากน้อยเพียงใดพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 39.08%ค่อนข้างเชื่อ เพราะเป็นเรื่องที่ถูกกดดัน ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกใส่ร้าย 37.53% ไม่ค่อยเชื่อ เพราะเป็นเรื่องทางการเมือง เป็นการปลุกกระแส เป็นเรื่องก่อให้เกิดความวุ่นวาย 11.84% เชื่อ เพราะเคยฟังแล้วสอดคล้องกับความเป็นจริง 11.55% ไม่เชื่อ เพราะเป็นเกมการเมืองตอบดต้กันไปมา
โพลเผยคนไทยกว่าครึ่งรับได้รบ.โกง ถ้าทำให้กินอยู่ดี
ด้านสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเรื่อง "ชีวิตที่พอเพียงกับความอยู่เย็นเป็นสุขของประชาชนและประเด็นสำคัญอื่นๆ ของประเทศในขณะนี้" กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนใน 17 จังหวัดของประเทศ จำนวน 1,228 ครัวเรือน พบว่าประชาชนร้อยละ 73.9 เห็นด้วยว่าการใช้ชีวิตพอเพียงช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ และประชาชนส่วนใหญ่พยายามรักษาสิ่งของเครื่องใช้ให้คงสภาพใช้งานได้ยาวนาน และมุ่งทำงานให้พออยู่พอกิน และมีเงินเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น
ทั้งนี้ ในการสำรวจความเห็นกรณีการทุจริตคอร์รัปชั่น มีประชาชนถึงร้อยละ 84.5 มองว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดาในการทำธุรกิจ และส่วนใหญ่ร้อยละ 51.2 ยังยอมรับได้ที่รัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่น โดยคิดว่าทุกรัฐบาลมีการทุจริตคอร์รัปชั่น ถ้าทุจริตแล้วทำให้ประเทศรุ่งเรือง ประชาชนกินดีอยู่ดีก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้
ส่วนกรณีปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศกรณีเขาพระวิหาร ประชาชนร้อยละ 84.6 เห็นว่าอยากให้เจรจากันด้วยสันติวิธี และร่วมพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ มีเพียงร้อยละ 4.8 ที่อยากให้ใช้กองกำลังในการแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ ความเห็นเกี่ยวกับสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง พบว่าร้อยละ 52.9 สนับสนุน โดยมีเงื่อนไขให้ชุมนุมอย่างสงบ ร้อยละ 16.3 สนับสนุนโดยไม่มีเงื่อนไข และ ร้อยละ 21.1 ไม่สนับสนุนเลย