บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

แค่สักครึ่งของลูกเขี้ยว

ที่มา ไทยรัฐ
Pic_18702

โดยตัวเลขชวนขนหัวลุก ถึงตอนที่เขียนต้นฉบับนี้ก็ยังไม่กล้าใส่ตัวเลขแน่นอน เพราะไม่ชัวร์ว่าจะต้องเปลี่ยนอีกหรือไม่ จากสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009 มีคนตายรายวันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หน่วยงานด้านการแพทย์คาดการณ์จำนวนผู้ป่วยพุ่งขึ้นหลักแสน

แนวโน้มมีสิทธิทะลุ 20 ล้านคน

สถานการณ์เข้าสู่ห้วงโกลาหล ลามเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง


แต่ก็อย่างที่เห็นๆ อาการเรื่อยๆมาเรียงๆ นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข ใส่หน้ากากอนามัยเดินสายตรวจเยี่ยมตามโรงพยาบาล เยี่ยมไข้คนที่ป่วยแล้วเป็นข่าวรายวัน ขณะที่นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข แบ่งทีมไปแจกหน้ากากอนามัยตามสำนักงานสื่อมวลชน

เน้นทำงานแบบการตลาด ประคองกระแส

แต่ไม่มีมาตรการฉุกเฉิน ที่จะกระตุกอารมณ์ความมั่นใจของสังคมได้


แม้แต่การสั่งปิดโรงเรียนที่มีข้อมูลว่า ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นเด็กที่ติดมาจากสถานศึกษา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ยังใจเย็น แค่สั่งปิดโรงเรียนกวดวิชา และร้านเกมอินเตอร์เน็ต เป็นเวลา 15 วัน

แทนที่จะมุ่งสกัดที่จุดใหญ่ในภาพรวม แต่ไปไล่อุดตามจุดเล็กๆ

ยึกๆยักๆ กั๊กๆยังไงชอบกล


ก็เลยโดนสอนมวย ผู้บริหารโรงเรียนกวดวิชาย้อนศรไล่จี้ให้รัฐบาลต้องมีมาตรการเข้มข้นในการรณรงค์ให้ประชาชนใส่หน้ากากอนามัยทั่วประเทศ โดยเฉพาะนายกฯอภิสิทธิ์ ควรทำตัวเป็นพรีเซ็นเตอร์ ตัวอย่างที่ดีในการใส่หน้ากากป้องกัน

เพื่อรีบตัดวงจรการระบาดแบบเร่งด่วน

ไม่ต้องกลัวว่า ภาพพจน์ประเทศจะเสียหาย ไม่ต้องเขินอายว่าสถานการณ์มันลามเร็วเกินกว่าที่รัฐบาลคุยว่าเอาอยู่

ดูแล้วช่างน่าว้าเหว่


เรื่องแค่นี้ยังส่ออาการบ้อท่า เงอะๆงะๆ สะท้อนให้เห็นว่า ทำงานไม่เป็นมันก็ยากที่จะห้ามไม่ให้ไข้หวัดใหญ่ 2009 กลายพันธุ์เป็น "ไข้หวัดการเมือง" ลามติดรัฐบาลประชาธิปัตย์

อย่างที่นายวิทยาอาศัยลูกเก๋าชิงดักคอตีกันฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย อย่าลากโยงประเด็นไข้หวัดใหญ่โจมตีรัฐบาลเพื่อหวังผลทางการเมือง

แต่เรื่องของเรื่อง มันก็มีอะไรให้เปรียบเทียบ

ย้อนกลับไปในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ก็เจอมหันตภัยฉุกเฉิน โรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันหรือ "ซาร์ส" ที่อันตราย เฉียบพลัน

น่าสยองกว่าไข้หวัด 2009 หลายเท่า

แต่ทีมงานของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ก็งัดทั้งเทคนิคการตลาด และการทำงานแบบถึงลูกถึงคน คิดเร็ว ทำเร็ว กล้าตัดสินใจ

สยบได้ในห้วงเวลาที่จำกัด

เห็นได้ชัดว่า ประสิทธิภาพการทำงานต่างกันอย่างลิบลับกับยี่ห้อประชาธิปัตย์ ที่ปล่อยให้ไข้หวัด 2009 ระบาดมาเป็นเดือนๆ จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตัวเลขเพิ่มขึ้นทุกวันในส่วนของผู้เสียชีวิต

นายกฯอภิสิทธิ์ก็ยังท่องคาถาปลุกใจ ไข้หวัด 2009 ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด

เน้นประคองเศรษฐกิจ หนักไปทางการสยบข่าว ป้องกันการตื่นกลัว

แต่จริงๆ แนวโน้มก็อย่างที่เห็นกันว่า "เอาไม่อยู่"

สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009 ลามไวเกินกว่ารัฐบาลที่ถนัดทำงานแบบระบบราชการอย่างพรรคประชาธิปัตย์จะคุมเกมได้

ที่สุดก็คงหนีไม่พ้น "ติดหวัดการเมือง"

เรื่องของเรื่อง ถ้าประชาธิปัตย์ทำงานเก่งได้สักครึ่งหนึ่งของลูกเขี้ยวทางการเมือง อย่างที่กำลังใช้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เป็นตัว "ล่อเป้า"

ประคองเกมเอาตัวรอด

ทางหนึ่งก็เล่นบทอุ้ม "กษิต" ให้อยู่ในตำแหน่งต่อไป วัดใจกับแกนนำม็อบพันธมิตรฯ ที่ตั้งท่าฟ้องกลับ เล่นงาน "อภิสิทธิ์" ฐานรู้เห็นเป็นใจให้ตำรวจตั้งข้อหาก่อการร้าย รุนแรงเกินไป

อีกทางหนึ่งก็อ้างโพลระบุให้นายกษิตไปลาออกหลังจัดประชุมอาเซียนที่ภูเก็ต ส่งสัญญาณโละล่วงหน้าเป็นนัย ดักคอม็อบเสื้อแดงที่กำลังเร่งเครื่องโห่ไล่ รมว.ต่างประเทศ

เกมแบบนี้ล่ะ ถนัดนัก.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker