คอลัมน์ |
เป็นประชารัฐ |
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ |
ปีที่ 11 ฉบับที่ 2738 ประจำวัน อังคาร ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2010 |
โดย อัคนี คคนัมพร |
ตำรวจไทยได้แสดงความสามารถจับคนร้ายที่ปาถุงใส่อึ 4 ถุงเข้าไปในบ้านนายกรัฐมนตรีแถวถนนสุขุมวิทเมื่อเร็วๆนี้มาได้
ผู้ร้ายคงจะจำนนต่อหลักฐานจึงรับสารภาพว่าได้กระทำจริงและได้กระทำต่อสถานที่อื่นๆมาแล้ว เพราะความโกรธเคืองต่อสังคมที่ตัวเองไปร้องทุกข์แล้วไม่มีหน่วยราชการใดช่วยได้
เรื่องนี้ข้อเท็จจริงอย่างไรคนนอกอย่างเราไม่มีทางรู้
ทางที่ดีจึงขอให้เชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปก่อน
ประเด็นตกค้างมีอยู่ว่า ก่อนหน้านี้โฆษกประจำตัวนายกรัฐมนตรี ซึ่งวุฒิภาวะต่ำกว่าโฆษกจ้ำบ๊ะ ได้ออกมาแถลงเสียงดังฟังชัดว่า ผู้โยนถุงอุจจาระเข้าบ้านนายกฯได้รับจ้างจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาด้วยเงิน 3 ล้าน
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏออกมาเช่นนี้ ไม่ทราบว่าโฆษกคนดังกล่าวจะรู้สึกสำนึกบ้างหรือไม่
หรือว่าเมื่อเป็นโฆษกปากบริโภคสุนัขเน่าเสียแล้วก็ไม่ต้องสำนึกอะไรกันอีก
ถ้าอย่างนั้นต้องถามต่อไปว่า แล้วพรรคประชาธิปัตย์ล่ะ รู้สึกอับอายบ้างหรือไม่ที่มีคนแบบนี้สิงสถิตอยู่ในพรรค คอยพูด คอยให้สัมภาษณ์ให้เกิดความร้าวฉานในสังคมไปได้ทุกเรื่องราว
เมื่อเรื่องการปาอุจจาระเข้าบ้านนายกฯจบลง คนกรุงเทพมหานครก็ได้เห็นภาพการสร้างรั้วติดตาข่ายป้องกันการขว้างวัตถุอย่างอื่นเข้าไปในบ้านนายกฯอีก สถาปัตยกรรมใหม่นี้แปลงสภาพบ้านพักนายกรัฐมนตรีให้กลายเป็นกรงนกขนาดใหญ่ไปทันที
เป็นอันว่าต่อไปนี้นายกฯและครอบครัวต้องพักอาศัยอยู่ในกรง
ลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้น และดูเหมือนจะยังดำรงอยู่ที่บ้านท่าพระอาทิตย์ของสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งเข้าใจว่าจะเป็นที่ตั้งสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการและสถานีโทรทัศน์ ASTV ด้วย เพราะก่อนหน้านั้นหนังสือพิมพ์ผู้จัดการและ ASTV ได้สร้างศัตรูไว้มากจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
ต่อมาเมื่อมือมืดไปโยนระเบิดใส่บ้าง ยิงกระสุน (จากง่ามหนังสติ๊ก) เข้าใส่บ้าง จะเอาทหารกี่กองร้อยไปตั้งรักษาความปลอดภัยก็เห็นจะไม่ไหว จึงได้มีการกั้นรั้วขึงลวดตาข่ายป้องกันการโจมตีทางอากาศขึ้นไว้อย่างที่เห็นกัน
ทั้งบ้านท่าพระอาทิตย์ของกลุ่มพันธมิตรเสื้อเหลืองและบ้านพักนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องหมายอัปยศบ่งบอกถึงความเกลียดชังที่ (ใครก็ไม่รู้) มีต่อคน 2 กลุ่มนี้ทั้งสิ้น
มันเป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกว่าคนที่อยู่ในนั้นเป็นคนมีศัตรู
เจ้าของบ้านไม่อาจนอนหลับให้เป็นสุขได้
เรื่องนี้จะไปโทษสังคมที่อยู่รายรอบ หรือจะโทษเจ้าของบ้านดี?
ถ้าจะอ้างว่าบุคคลที่อยู่ในนั้นเป็นบุคคลสำคัญ เป็นนักการเมืองและมีตำแหน่งใหญ่ ย่อมจะต้องมีศัตรูอยู่แล้วโดยธรรมชาติ
ผู้เขียนก็ใคร่ขอถามว่า อดีตนายกรัฐมนตรีไทย 2 ท่านที่ผู้เขียนรู้จักคือ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช และ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ไม่เห็นท่านเคยปิดประตูบ้าน
ใครจะเข้าจะออกอย่างไรก็ได้ตามใจชอบ
แล้วก็ไม่เห็นใครเอาระเบิดไปโยนใส่บ้านท่าน!
ดังนั้น เมื่ออดีตนายกรัฐมนตรียังไม่ปิดประตูบ้าน แล้วนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันไปทำอะไรมาจึงต้องสร้างรั้วขึ้นเป็นกรงใหญ่ไว้ป้องกันภัยให้แก่ครอบครัวตัวเอง
สมควรพิจารณาทบทวนตัวเองหรือไม่?
ลองพิจารณาดูที หรือว่า
1.การเข้าสู่อำนาจของท่านมีความชอบธรรมหรือไม่?
2.เข้าสู่อำนาจแล้วได้ทำสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรมหรือไม่ เช่น แถลงนโยบายต่อรัฐสภาหรือไม่?
3.เมื่อลงมือทำงานได้ทำไปสมฐานะของความเป็นผู้นำประเทศ คือมีหลักพรหมวิหาร 4 คือมีเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขาหรือไม่
4.คนที่แวดล้อมตัวท่านเฉพาะที่มีบทบาททางสังคมและการเมือง มีวุฒิภาวะควรแก่ตำแหน่ง หรือทำตัวเหมือนนักเลงปากซอยที่คอยเกะกะระรานผู้คนทั่วไป
5.รัฐบาลของท่านซื่อสัตย์สุจริตหรือมีแต่การแสวงหาผลประโยชน์ คดโกง จนคนเอือมระอาไปทุกหย่อมหญ้า
ทั้งหมดที่ยกมานี้ยังไม่ครบประเด็นปัญหาที่จะตั้งเป็นคำถาม แต่เนื้อที่จำกัดก็คัดเอามาเพียงเท่านี้ เพื่อให้ท่านได้พิจารณาว่าที่ท่านต้องอยู่ในกรงนกขนาดใหญ่นั้นเป็นเพราะเหตุอะไรกันแน่
เป็นเพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือเป็นเพราะการกระทำที่มันไม่เข้าท่าเข้าทาง
พิจารณาแล้วได้ผลประการใดช่วยบอกให้ทราบกันบ้าง