บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

แผ่กำพืดลากไส้NGOเอ็นโตดี

ที่มา Thai E-News


รางวัลจากลิ้มให้หัวหน้าสายยอดขายเข้าเป้า-ลิ้มมอบรางวัลทัวร์อียิปต์10วันให้พันธมิตรสายNGOไปทัวร์อียิปต์ หลังปิดสนามบินโค่นรัฐบาลจากการเลือกตั้งของประชาชนสำเร็จ ในภาพนี้ก็มีสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ สมศักดิ์ โกศัยสุข พิภพ ธงชัย สุริยะใส กตะศิลา นิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ สุริยันต์ ทองหนูเอียด เป็นอาทิ

โดย หม่อมแม่
7 กดุมภาพันธ์ 2553

การที่ NGOs-อพช. เข้าร่วมขบวนขวาขี้เหลืองครั้งนี้ ไม่ใช่การ “หลงผิด” หรือ “การหันกลับ/ ตีจากขบวนประชาธิปไตย” แต่เป็นการแสดงธาตุแท้อย่างไม่เหนียมอาย(อีกต่อไป) เมื่อโอกาส “ฟ้า”เปิดให้/ยกธงเขียว-ต่างหาก อุปมาก็ดั่งเช่น กระหรี่ได้เสี่ย เหี้ยได้พวก นั่นแหล่ะ


จากบทความซีรีส์ 18 ตอนเรื่อง “ลากไส้สื่อเห้” ของคุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน ,จากซีรี่ยส์ 7 ตอนเรื่อง “NGO ที่รัก” ของคุณรักเอ็นโตดีห่วงประชาชน ,จาก “วัฒนธรรมอำมาตย์ในหมู่ NGO” ของคุณสุรีย์ มิ่งวรรณลักษณ์,และล่าสุดจาก “ลอกคราบวัฒนธรรมอำมาตย์ในหมู่ NGO ไทย” ของคุณเล็ก อภิเดช ที่ลงใน Web : Prachathai.com และ Thai e-news.com และกำลังเป็นที่ฮือฮาในขณะนี้

หม่อมแม่ ขอร่วมแจมด้วยนะคะ คือหม่อมแม่คิดว่า ถ้าเอาทั้ง 4 บทความข้างต้น มาร้อยเรียงและเล่าใหม่ โดยกรอบคิดเรื่องการต่อสู้เพื่อครองการนำทางอุดมการณ์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางชนชั้น ก็อาจจะได้บทความ(เล่นๆ)ใหม่ขึ้นมาอีกบทหนึ่ง-แบบหยาบๆดิบๆ เหมือนหนังต้นทุนต่ำที่เขาเอาไว้ฉายตามโรงบ้านนอกชานเมืองของพวกอเมริกาไงละคะ

หม่อมแม่ลองทำ Demo มาให้ชิมก่อนนะคะ

เปิดเรื่อง : กรุงเทพฯ 20 กันยา 2549 สภาพบ้านเมืองวังเวง บรรยากาศอึมๆครึมๆ หดหู่ ลมฝุ่นพัด เศษขยะกระดาษปลิวว่อนตามท้องถนน

พลันมีเสียงเครื่องยนต์และเสียงตีนตะขาบของขบวนรถถังที่แผดกระหึ่มกลบเสียงสรรพสิ่งจนน่ากลัว หน้าตัวรถทุกคันมีธงเหลืองปักให้เห็น และมีทหารหน้าดำเกรียมถือปืนอาวุธสงครามที่แขนใส่ปลอกผ้าสีเหลืองแสดงฝ่ายอย่างชัดเจน

จากนั้น มีเสียงดังขึ้นจากข้างถนน “ทหารของพระราชาจงเจริญๆๆๆๆๆ” กล้องแพนตามไปหาต้นเสียงนั้น - Zoom out ออกจากปากหนาเตอะแบะๆปรากฏเป็นปากและหน้าของประเวศ เต็มจอ

-Zoom out เห็น ลิ้มโกเต๊ก จำลองหน้ามึน สมศักดิ์เคราแพะ สมเกียรติผีบ้า พิภพหางเปีย บักไสหน้าเก๊ก รสนาหน้าหมู

และตามมาด้วยเหล่าบรรดานักวิชาการหมาฝ่ายอำมาตย์นำโดยธีรยุทธ สมบัตินิด้า สุรพล

ตามมาด้วยเหล่าสื่อมวลชนเหี้ยนำโดย หยุ่นหัวล้านกับเจิมจวย สรยุทธ กนก ธีระ จอมขวัญ สำรวย คำนวย

ต่อมาเป็นแกนนำ อพช. ทั้งหลาย ทั้งอีสาน-เปี๊ยก เป๋ง แต อิ๊ด เดชาหน้าปรุ กลาง-ทวีเกียรติ เปลว สาคร เหนือ-ชัชวาล สวิง พลากร หมี ใต้-บรรจง มานะ บัญชา ภาคภูมิ

- Zoom out กลายเป็นภาพถอยออกจากจอทีวีถ่ายทอดสด มีชายฉกรรจ์ 3 คนนั่งดูข่าวนั้น พร้อมต่างกระดกเหล้าเบลนมอร์ฝาทองผสมโซดาใสซ่าลงคออย่างกระหาย และคว้าแหนมดิบในจานเข้าปากเคี้ยวจ๊าบๆๆ สุดท้ายกล้องแพนมาหยุดที่หน้า ไอ้บุเง-หนุ่มปาเกอะ ญอจากหุบเขาดอยแม่แจ่ม ที่กำลังนั่งทำหน้ายู่ๆคิ้วขมวด พร้อมกับใช้นิ้วก้อยแคะขี้มูกตัวเองแล้วก็โพล่งถามขึ้นกลางวงว่า
“พวกพี่ๆ เอ็นจีโอพวกนั้นเขาเป็นอะไรกันไปหมดแล้วหือ ทำไมไปเชียร์รัฐประหารอย่างงั้น ผมไม่เข้าใจ งงๆๆๆ นี่ถ้าผมไปด่าเขา เขาไม่ไล่ผมออกจากงานรึ แล้วผมจะอยู่ข้างไหนดีละเนี่ย? พี่ช่วยอธิบายให้ผมฟังหน่อยติ๊ๆๆๆๆ”


หนึ่งในวงนั้น-วัยกลางคน หน้าตาหล่อเหลา แม้จะผมบางไปหน่อย ตอบขึ้นด้วยเสียงอันดังฟังชัดว่า
“เออเขาไล่มึงออกแน่ เสือกมานั่งอยู่กับพวกกู แทนที่จะไปร่วมมอบดอกไม้ให้ คปค.กับเขา นี่มึงอยากเข้าใจ เดี๋ยวดูข่าวเสร็จ มึงไปซื้อโซดากับน้ำแข็งหน้าปากซอยมาเพิ่มให้พี่หน่อย แล้วพี่จะอธิบายให้มึงฟังเป็น ฉากๆ จะจะเลย....ขากถุ้ยส์”
บุเงตอบรับทันที “เจ๋งเลยพี่” (เอาไว้ต่อตอนต่อไปนะคะ)

สรุปย่อ เอาเป็นว่า ยังงี้คะ

1.อุดมการณ์คือ ชุดแนวคิดที่ใช้อธิบาย “ปรากฏการณ์ทางสังคม”หนึ่งๆว่า มันเกิดขึ้นได้เพราะปัจจัยเงื่อนไขอะไร เช่น ชาวนา/เกษตรกร/กรรมกรทำไมถึงลำบากยากจนแร้นแค้นมานานนม

2.การปกปักษ์รักษาดำรงไว้ซึ่ง “โครงสร้าง/ระบบ-กติกาทางเศรษฐกิจการเมืองและสังคมแบบเดิมที่ได้เปรียบ” ชนชั้นที่ได้เปรียบจากโครงสร้างฯดังกล่าวย่อมต้องยึดกุมและหวงแหนอำนาจทางการเมืองไว้อย่างแน่นหนา เมื่อใดก็ตามที่กลุ่มใดๆพยายามมาเปลี่ยนโครงสร้างและระบบ-กติกาเศรษฐกิจการเมืองของพวกเขา-พวกมันจะต้องจัดการทำลายล้างให้ตายกันไปข้าง(อันนี้ไปศึกษาเพิ่มเติมจากประวัติศาสตร์เศรษฐกิจการเมืองของทั้งโลกและของไทยได้เลยค่ะ)

3.แต่พวกกลุ่มอำนาจเดิม(ในที่นี้ก็คือ พวกกากเดนศักดินา กากเดนเผด็จการ และเหล่าลิ่วล้อขุนนางทั้งหลาย) มันเรียนรู้ว่า จะใช้แต่อำนาจการปราบปรามอย่างเดียวไม่ได้(เช่น ตำรวจ ทหาร คุก ศาล นักเลงอันธพาล) ไม่งั้นมวลชนผู้เสียเปรียบจะทนไม่ได้และพากันลุกฮือมาตัดคอพวกมัน – พวกมันจึงต้องใช้วิธีทำให้มวลชนสยบ ยอมรับ เชื่อฟังศรัทธา กล่าวโทษตัวเองและจัดการตัวเอง ด้วยกระบวนการครอบงำ/ครองการนำทางอุดมการณ์ไงคะ

4.ทีนี้ อพช. ที่พัฒนามาเป็น ขบวน กป.อพช. มาเป็น พอช. สสส. สกว. สภาพัฒนาการเมือง มันเป็นใคร ก่อตัวคลอดหลุดออกมาจากมดลูกอะไร? ช่วงยุคสงครามเย็นและยุคแผนพัฒนาฯ พวกหนึ่งคลอดจากมดลูกสายสะดือของมูลนิธิพัฒนาชนบท ต่อมาแตกลูกหลานเป็น บัณฑิตอาสา-มธ. และ คอส.-ม.จุฬา, สายหนึ่งมาจากสภาคาทอลิคเชื้อสายสำนักวาติกัน, สายหนึ่งมาจาก UN – CIA ทำงานตามชายแดนและงานข่าวในเมืองอย่าง NGO กู้ระเบิด-เคยได้ยินมั้ยคะ และอย่าง Asia Foundation ไงคะ

ทั้ง 3 พวกข้างต้นได้รับการหล่อหลอมและปลูกฝังอุดมการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อชนชั้นกลุ่มอำนาจเก่าทั้งสิ้นแหละค่ะ และก็หลอกพวก อพช.หน้าโง่เหล่านี้ให้สารวนอยู่กับแต่เรื่อง แผนพัฒนาฯ ทิศทางการพัฒนาฯ เป้าหมายการพัฒนา กลไกการพัฒนา กระบวนการพัฒนา จนพวก อพช. มึนตึ๊บ และยังลงไปผลิตซ้ำและจัดตั้งมวลชนให้อยู่ในร่องในรอยไงคะ,

ต่อมาก็หลังป่าแตก พวก พคท.ชั้นสวะก็เข้ามาอยู่ใน อพช. พร้อมกับพ อุดมการณ์และทฤษฎีมั่วๆมาด้วยไงค่ะ ประเภทกลางวันเป็นมาร์กซิสต์(แบบมั่วๆ) พอกลางคืนเป็นฟรอยเดี้ยนไงค่ะ พคท.ชั้นสวะพวกนี้เป็นประเภทเคยเดินผ่านแวะไปซื้อส้มตำที่สนามหลวงก็ประกาศตัวเองว่าเป็นคนตุลาแล้ว

5.ลูกหลานเด็กๆ อพช. มันถูกออกแบบให้อ่านหนังสืออะไรบ้างรู้มั้ย? จิ่วแต่แจ๋วของชูเมกเกอร์ไง คานธีค่ะ ประเวศวะสีค่ะ ธีรยุทธค่ะ ปาจารยสารค่ะ หนังสือของสภาคาทอลิคค่ะ

ล่าสุด พวก พอช.เพิ่งไป Copy เอางาน วัฒนธรรมชุมชน ของ ฉัตรทิพย์ มาให้เจ้าหน้าที่อ่านไงคะ ดีนะที่มันยังไม่ให้อ่านงานของ อากังฟู

6.ด้วยเหตุดังนั้น อพช.จึงไม่ได้ "ลดทอนความเป็นการเมืองในงานพัฒนา" ตามที่คุณเล็ก อภิเดชตั้งข้อสังเกตไว้ แต่มันเป็น "กลไก" ที่รับหน้าที่ผลิตซ้ำ-อุดมการณ์ทางการเมืองแบบ "อำนาจนิยม-ธรรมราชา" และ "อนาธิปไตย" มาโดยตลอด

หรือถึงแม้พวกมัน "ลดทอนฯ" ก็เป็นการกระทำที่มีเจตจำนง-โดยเฉพาะระดับกลุ่มผู้ผลิตอุดมการณ์เหล่านี้-พูดให้ง่ายคือ อพช. เป็นตัวทำงานผลิตซ้ำอุดมการณ์ทางการเมืองที่ขัดขวางระบบประชาธิปไตยโดยผ่านกิจกรรม "งานพัฒนา" มาโดยตลอด หมายความว่า มันไม่ได้ลดทอนฯ ใดๆเลย ตรงข้าม มันทำงานการเมืองมาตลอดต่างหากค่ะ

7.อาจมีคำถามว่า แล้ว อพช.สายม็อบหล่ะ เขาไม่ได้สร้างประชาธิปไตยรึ?(ประชาธิปไตยทางตรง-ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ-ตามแนวคิด New Social Movement)

คำตอบก็คือ ถูกส่วนหนึ่งที่ก้าวหน้ากว่าอุดมการณ์สำนึกแบบไพร่ทาส แต่ทิศทางทางการเมืองของพวกเขาผิด(ตามมุมมองการพัฒนาประชาธิปไตย) เพราะ กิจกรรมม็อบของ อพช.ไม่ได้มีนัยยะของโครงการทางการเมือง(ชุดกิจกรรมที่มีเจตจำนงพัฒนาทางการเมืองที่แน่ชัด) หรือมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนา "โครงสร้างและระบบการเมืองประชาธิปไตยแบบสากล"เลย กิจกรรมม็อบของพวกเขา เป็นเพียงพามวลชนไปต่อรองผลประโยชน์เฉพาะหน้าเป็นครั้งๆ / หรือไม่ก็เป็นเพียงเครื่องมือเกมส์ทางการเมืองของพรรคนายทุนในกรอบของโครงสร้างทางการเมืองแบบเดิม

ไม่ต่างจากกลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจไทยใดๆเลย

แท้จริงแล้ว ขบวน อพช. คือ ขบวนลัทธิอนาธิปไตย นั่นเอง

และที่สำคัญ เราต้องก้าวข้าม “มายาคติ” ที่ตีความแบบอัตโนมัติว่า “ม็อบ” คือ การพัฒนาประชาธิปไตย(ไม่ว่าจะระดับวัฒนธรรมหรือระดับโครงสร้างก็ตาม) เพราะไม่งั้น เราจะอธิบายขบวนพันธมวยหัวคิดไม่ได้ค่ะ

8.เงื่อนไขที่ทำให้เกิดปรากฎการณ์ที่ อพช. เรียกร้องขอพึ่งอำนาจและเลื้อยคลานเข้าไปรับใช้ กากเดนศักดินาอำมาตย์อำนาจนิยมล้าหลังคลั่งชาติ ได้แก่

1) อุดมการณ์-แนวคิดที่ไปได้ดีกับพวกกากเดนศักดินาฯ : ธรรมราชา, อนาธิปไตย,วัฒนธรรมชุมชน, พอเพียง, ประชาธิปไตยทางตรง, การเมืองใหม่(Anti-Marxism, Anti-Modernization/Westernization, Anti-Globalization , etc.)

2) เศษผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจสังคมและการเมืองที่พวกกากเดนศักดินาโยนให้(หรือกะว่าจะได้) : LDAP /กรอ.สมัยเปรม, SIF, พอช., สสส., สกว., สภาที่ปรึกษาฯ, สภาพัฒนาการเมือง,องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ, สว.ลากตั้ง ฯลฯ

3) นิสัยสันดานส่วนบุคคลที่เข้ากันกับวัฒนธรรมก่อนทุนนิยม(วัฒนธรรมกากเดนศักดินา) : จิตใจคับแคบ, ขี้เกียจสันหลังยาว, มักง่าย, บูชารูปแบบ-แข็งตัว, คลั่งลูกพี่และบิดา, ชอบอำนาจนิยม-จารีตล้าหลัง, มักมากในกาม, ชอบเสพศิลปะวรรณกรรมแบบขบถโรแมนซ์ปัญญาอ่อน-ซ้ำๆเดิม, วิธีคิดอ่อนด้อยขาดลักษณะวิพากษ์ ,Sensitive, Idiot Romantic, Exotic, Erotic ฯลฯ)
.
4) การโยนผ้าทอดสะพาน(เปิดช่อง)จากฟากฝั่งมหาอำมาตย์โดยผ่าน “ตัวประสาน” ระดับ “บิดา”ของ อพช. (ประเวศ, อานันท์, ไพบูลย์, เกษม, รพี, สุเมธ, ฯลฯ)

9.บริบทที่แวดล้อมเงื่อนไขข้างต้น(ไม่มีบริบทนี้ แต่มีเงื่อนไขข้างต้น ปรากฏการณ์มันก็เกิด) ได้แก่

1) นโยบายและปฏิบัติการของรัฐบาลไทยรักไทยที่ทำให้ อพช. เจ็บและแค้น(ฝังใจ)

2) การโหมโฆษณาชวนเชื่อบิดเบือน/สร้างวาทกรรมชั่วๆของนักวิชาการและสื่อมวลชนฝ่ายซากเดนศักดินา(ไอ้ธีรยวยหัวคุด, ไอ้ปราโมทย์ นาครทวย, ไอ้สมบัติ ธำรงธัญญวย, ไอ้ไชยันต์ ชัยพวย, ไอ้สุรพล นิติไกรวย, ไอ้หยุ่นยวย, ไอ้เจิมจวย, ไอ้ลิ้มโกเต๊ก, ไอ้นงนุช สิงหะเดชวย, ไอ้คำนวย ฯลฯ)

3) ความล้มเหลวในการจัดตั้งมวลชนของตนเองของ อพช.

10. ดังนั้น การที่ อพช. เข้าร่วมขบวนขวาขี้เหลืองครั้งนี้ ไม่ใช่การ “หลงผิด” หรือ “การหันกลับ/ ตีจากขบวนประชาธิปไตย” แต่เป็นการแสดงธาตุแท้อย่างไม่เหนียมอาย(อีกต่อไป)-เมื่อโอกาส “ฟ้า”เปิดให้/ยกธงเขียว-ต่างหาก อุปมาก็ดั่งเช่น กระหรี่ได้เสี่ย เหี้ยได้พวก นั่นแหล่ะ

11.อีกประการที่ไม่ควรละเลยก็คือ การแยก/นิยาม ระหว่าง “อพช.” กับ “NGO” เพราะ อพช. คือ องค์กรพัฒนาเอกชน ซึ่งมีหัวขบวนใหญ่คือ กป.อพช.(ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็น กป.พอช.)

ส่วน NGO เป็นคำเรียก องค์กรที่ทำงานสาธารณะที่ไม่ใช่องค์กรของรัฐ ซึ่งมีอยู่เยอะแยะมากมายที่มีอุดมการณ์ก้าวหน้ากว่าและก็ไม่ได้อยู่ในขบวน กป.อพช. เช่น องค์กรที่ทำงานจัดตั้งกลุ่มแรงงาน องค์กรที่ทำงานจัดตั้งกลุ่มเกษตรกรแบบก้าวหน้า องค์กรที่ทำงานด้านสื่อประชาชน องค์กรที่ทำงานด้านประชาธิปไตย องค์กรที่ทำงานด้านการกระจายอำนาจและปกครองตนเอง มูลนิธิวีรชนประชาธิปไตย ฯลฯ เป็นต้น

แต่ อพช.มักเรียกเหมารวมตัวเองว่า เอ็นจีโอ-เอ็นโตดี ซึ่งอันที่จริง อพช.จึงเป็นเพียง NGO กลุ่ม/สายหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น หากไม่แยกแยะให้มวลชนเข้าใจตั้งแต่แรก ก็อาจจะส่งผลมุมกลับในอนาคตต่อความยากลำบากในการทำงานบนกรอบ “พัฒนาประชาธิปไตย” ซึ่งต้องอาศัยองค์กรแบบ “เปิด” ก็เป็นได้?

12.ทั้งหมดนี้ หากจะให้การวิเคราะห์และวิจารณ์ชัดแจ้งกว่านี้ ก็ต้องขยายความ เช่น อุดมการณ์-แนวคิดแต่ละตัวเป็นยังไง และคงต้องใส่ข้อมูลรายละเอียดเข้าไปตามเค้าโครง/กรอบการวิเคราะห์ข้างต้น

นอกจากนั้น ยังมีประเด็นให้แขวะขำๆพวก อพช. เยอะแยะ เช่น

*การก่อเกิด กป.อพช., LDI, TDRI มีความเกี่ยวโยงกับ นโยบาย กรอ. และงบสนับสนุนจากรัฐบาลอีเหี้ยมกระเทยเปรมอย่างไร?

*ทำไมเวลา อพช. มันเขียนบทความ มันต้องขึ้นต้น paragraph แรกว่า "ตั้งแต่แผนพัฒนาฉบับที่ 1" ทุกครั้ง

*มันเอาอุดมการณ์ที่ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ทางชนชั้น(เช่น พึ่งตนเอง-พอเพียง)มาผสมพันธุ์กับอุดมการณ์ที่เกี่ยวกับชนชั้น(เช่น ยากจนเพราะไม่รู้จักพอเพียง) เพื่อทำให้มวลชนสับสนอย่างไร?

*พวกมันผสมพันธุ์วางไข่แตกดอกเครือข่ายของพวกมันไปสู่ภูมิภาคต่างๆอย่างไร?

*พวกมันส่งลูกหลานปัญญาชนของพวกมันเข้าไปคุมและปล้นกองสะเบียงจากภาษีประชาชนไปใช้เผยแพร่อุดมการณ์ชั่วของพวกมันอย่างไร?(สสส. สกว. พอช. สภาพัฒนาการเมือง)

*ปราชญ์ของแม่งแต่ละตัว โอ้โฮ ดูไม่จืด (ล้วงและควักแบบพอเพียง..เยิบๆๆๆ) พวกมันมีสันดานอย่างไร? จะเอาแบบระบุพยานด้วยมั้ย?

*ทำไมการจัดตั้งมวลชนของพวกแม่งถึงล้มเหลว แกนนำเครือข่ายผู้ยิ่งใหญ่ระดับชาติของแม่งแต่ละตัว กลับไปเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านที่บ้านตัวเองได้แค่ 80 กว่าเสียง พอแพ้เขา มันก็บอกว่าคนชนะซื้อเสียง ชาวบ้านโง่ที่ไปเลือกคนชนะ-เห็นแก่เงิน

*ทำไม วันหนึ่งมันก็พร่ำพ่นน้ำลายว่า ชาวบ้าน/ชุมชนเป็นผู้ที่ฉลาดมีภูมิปัญญา ร่ำรวยวัฒนธรรม รักใคร่กลมเกลียว มีอุดมการณ์พอเพียง-ต่อต้านรัฐและทุนมาตั้งแต่เกิดสืบทอดมาแต่โบราณ) แต่พอมาอีกวันหนึ่งมันกลับบอกว่า ชาวบ้าน/ชนบทโง่ การศึกษาต่ำ หัวอ่อนเชื่อคนง่าย ถูกเงิน/ประชานิยมฟาดหัว ไม่รู้จักพอเพียง ฟุ่มเฟือย-ไม่ทำบัญชีครัวเรือน ชอบวัตถุ มีเงินก็ไปซื้อมือถือ ถูกตะวันตกครอบงำ

โอ้โฮ...สารพัดที่มันสรรหามาด่าชาวบ้าน นี่ไม่แน่นะ ต่อไปมันคงกล่าวหาอีกว่า ยากจนยากแค้นเพราะไม่เคารพ “ฟ้า” โอ้ว..พระเจ้ายอดมันจอร์จจังค่ะ

ซึ่งต้องใช้เวลา และเป็น Series ไป นี่ เพราะหม่อมแม่ไปติดเชื้อขี้เกียจมาจากพวก อพช. มาแน่เลย(ฮา)-แต่งานยุ่งจริงๆนะคะ

13. ส่วน "แนวคิดวัฒนธรรมชุมชน" มันก็เป็น อุดมการณ์อันหนึ่งที่พวกปัญญาชนของฝ่ายกากเดนศักดินามันผลิตขึ้น แล้วก็ถ่ายทอดให้เครือข่าย อพช.ไปผลิตซ้ำครอบงำไง ซึ่งก็ได้ผลก็เฉพาะแค่ไอ้ อพช.หน้ามึนกับไอ้แกนนำแดกไก่จำนวนหนึ่ง(เพียงแต่มันมีเงินพูดออกสื่อกับจัดสัมมนาบ่อยไง)

แล้วก็ไอ้พวกข้าราชการจังไรขี้เกียจใช้สมองทำงานไง แล้วก็ไอ้นายทุนบริษัืทที่มีเอี่ยวกับทุนเจ้าไง ก็ได้แต่โฆษณาเอาหน้าเท่านั้นแหล่ะ) ส่วนชาวบ้านแท้ๆ มันแทบครอบไม่ได้เลย จะมีบ้างก็พูดไปตามเขาอย่างนั้นเอง-เผลอๆชาวบ้านหลอกแดกด้วยซ้ำ เพราะชาวบ้านเขาอยู่กับชีวิตจริง ปรากฏการณ์เสื้อแดงก็ได้แสดงให้เห็นเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนจะจะ ว่า อุดมการณ์ ของ อพช. ไม่เป็นที่ต้องการของมวลชน(ที่ตื่นแล้ว)

14. สำหรับ อพช. แก่ๆที่สันดานเป็นสันดอนซะแล้ว (ไอ้สันดานเหี้ยหางเหลืองหลอกแดกไก่ชาวบ้าน) และยังไม่ยอมหันมายืนอยู่กับมวลชนฝ่ายประชาธิปไตย หม่อมแม่ขอเตือนว่า พวกมึงจงรีบรูดซิบ เก็บกระเป๋าขนเสื้อผ้ากลับไปเป็นขี้ข้าหมอบคลานรับใช้เผด็จการอำมาตย์กากเดนศักดินา ตามกำพืดแท้เดิมของพวกมึงเสียเถิดโดยไว ก่อนที่ประชาชนจะพากันมาเอาตีนไล่ถีบพวกมึงอย่างไม่ไว้หน้า-ค่าที่เคยคบกันมาก่อน ....ขากถุ้ยส์

ฉากจบ :

บุเง ยิ้มอย่างสะใจ กล่าวว่า “เจ๋งครับพี่” ว่าแล้ว ทั้ง 3 คนก็ ยกแก้วกระดกเหล้าเบลนมอร์ฝาทองผสมโซดาใสซ่าลงคออย่างกระหายอีกครั้ง พร้อมกับคว้าแหนมดิบในจานเข้าปากเคี้ยวจ๊าบๆๆ .....ขากถุ้ยส์

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker