โดย นายหัวดื้อ
น่าเวทนาประเทศไทยในตอนนี้ เพราะว่านักกฎหมาย นักสิทธิมนุษยชน กลุ่มเอ็นจีโอ นักวิชาการ ตลอดจนสื่อสารมวลชน ต่างพากันนิ่งเฉยกับการลุแก่อำนาจของรัฐบาล ใช้กฎหมายปิดหูปิดตาปิดปากประชาชนไม่ให้รับรู้ความจริงที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองนี้
โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยเผยแพร่ข่าวสารของรัฐบาลวันละหลายเวลา บางวันก็ฉายวนซ้ำแล้วซ้ำอีกยิ่งกว่าหนังฮิตทางเคเบิลทีวี. เพื่อกรอกหูให้ประชาชนโดยทั่วไปเห็นดีเห็นงามเห็นชอบกับการกระทำของรัฐบาล ขณะที่สื่อวิทยุก็จัดให้มีรายการภาคบังคับออกอากาศตั้งแต่เวลา 2 ทุ่มถึง 5 ทุ่มของทุกวัน
สภาพของบ้านเมืองไม่แตกต่างจากยุคมืด ทุกคนทุกฝ่ายพร้อมยอมรับการกระทำของรัฐบาลและกองทัพโดยที่ไม่มีใครกล้าปริปาก
นายกฯมาร์คพูดออกทีวี.อยู่บ่อยว่าเขาไม่มีสิทธิยอมแพ้ ไม่มีถอยออกจากภารกิจอันยิ่งใหญ่นี้ แต่ในข้อเท็จจริงกลับรับทราบมาว่าที่นายกฯมาร์คไม่ถอยออกจากภารกิจนี้เพราะมีคำสั่ง “ห้ามถอย”
หลังวันนองเลือด 10 เมษายนที่ผ่านมา ได้ยินข่าวว่ามีการเปิดโต๊ะเจรจาลับๆกันไปแล้วระหว่างตัวแทนกองทัพ ตัวแทนรัฐบาล และตัวแทนคนเสื้อแดง ที่โรงแรมหรูตึกสูงๆแห่งหนึ่งไม่ไกลจากพื้นที่การชุมนุม
คนที่ไปนั่งร่วมโต๊ะก็ล้วนแต่มีตำแหน่งใหญ่โตและสามารถตัดสินใจได้ในระดับหนึ่ง
ผลการเจรจาก็ได้ข้อสรุปเป็นไปในทางที่ดีที่จะนำพาบ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบสุขได้ตามแนวทางประชาธิปไตย แต่เมื่อนำผลการเจรจาไปรายงานให้อีกคนที่ใหญ่กว่า และเป็นผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจที่แท้จริงของฝั่งรัฐบาลกับกองทัพ ผลการเจรจากลับถูกโยนทิ้งลงตะกร้า
“ห้ามยุบสภา ห้ามลาออก ต้องยึดพื้นที่คืน สลายการชุมนุมให้ได้โดยเร็ว จะสูญเสียบ้างก็ต้องยอม” นี่คือคำสั่ง
นายกฯมาร์คที่เก็บตัวเงียบมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงมีท่าทีขึงขังขึ้นมาอีกครั้งอย่างที่เห็น
“นายหัวดื้อ” ไม่ใช่คนมีอำนาจที่พอจะสั่งการอะไรหรือสั่งใครได้
แต่อยากเตือนสตินายกฯมาร์คว่า อายุยังน้อย จะทำอะไรคิดหน้าคิดหลังให้มาก เลือกอนาคตของตัวเองให้ดี นึกถึงหน้าพ่อหน้าแม่และลูกเมียเอาไว้ เพราะคนเหล่านี้จะได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้
หากเลือกเดินผิดทาง สุดท้ายอาจกลายเป็นทรราชที่ไม่มีแผ่นดินอยู่ ยังไงก็มาจากประชาชน จะทำอะไรก็ควรคิดถึงสิ่งที่ตัวเองพูดเอาไว้ให้มากว่า “ประชาชนต้องมาก่อน”
น่าเวทนาประเทศไทยในตอนนี้ เพราะว่านักกฎหมาย นักสิทธิมนุษยชน กลุ่มเอ็นจีโอ นักวิชาการ ตลอดจนสื่อสารมวลชน ต่างพากันนิ่งเฉยกับการลุแก่อำนาจของรัฐบาล ใช้กฎหมายปิดหูปิดตาปิดปากประชาชนไม่ให้รับรู้ความจริงที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองนี้
โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยเผยแพร่ข่าวสารของรัฐบาลวันละหลายเวลา บางวันก็ฉายวนซ้ำแล้วซ้ำอีกยิ่งกว่าหนังฮิตทางเคเบิลทีวี. เพื่อกรอกหูให้ประชาชนโดยทั่วไปเห็นดีเห็นงามเห็นชอบกับการกระทำของรัฐบาล ขณะที่สื่อวิทยุก็จัดให้มีรายการภาคบังคับออกอากาศตั้งแต่เวลา 2 ทุ่มถึง 5 ทุ่มของทุกวัน
สภาพของบ้านเมืองไม่แตกต่างจากยุคมืด ทุกคนทุกฝ่ายพร้อมยอมรับการกระทำของรัฐบาลและกองทัพโดยที่ไม่มีใครกล้าปริปาก
นายกฯมาร์คพูดออกทีวี.อยู่บ่อยว่าเขาไม่มีสิทธิยอมแพ้ ไม่มีถอยออกจากภารกิจอันยิ่งใหญ่นี้ แต่ในข้อเท็จจริงกลับรับทราบมาว่าที่นายกฯมาร์คไม่ถอยออกจากภารกิจนี้เพราะมีคำสั่ง “ห้ามถอย”
หลังวันนองเลือด 10 เมษายนที่ผ่านมา ได้ยินข่าวว่ามีการเปิดโต๊ะเจรจาลับๆกันไปแล้วระหว่างตัวแทนกองทัพ ตัวแทนรัฐบาล และตัวแทนคนเสื้อแดง ที่โรงแรมหรูตึกสูงๆแห่งหนึ่งไม่ไกลจากพื้นที่การชุมนุม
คนที่ไปนั่งร่วมโต๊ะก็ล้วนแต่มีตำแหน่งใหญ่โตและสามารถตัดสินใจได้ในระดับหนึ่ง
ผลการเจรจาก็ได้ข้อสรุปเป็นไปในทางที่ดีที่จะนำพาบ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบสุขได้ตามแนวทางประชาธิปไตย แต่เมื่อนำผลการเจรจาไปรายงานให้อีกคนที่ใหญ่กว่า และเป็นผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจที่แท้จริงของฝั่งรัฐบาลกับกองทัพ ผลการเจรจากลับถูกโยนทิ้งลงตะกร้า
“ห้ามยุบสภา ห้ามลาออก ต้องยึดพื้นที่คืน สลายการชุมนุมให้ได้โดยเร็ว จะสูญเสียบ้างก็ต้องยอม” นี่คือคำสั่ง
นายกฯมาร์คที่เก็บตัวเงียบมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงมีท่าทีขึงขังขึ้นมาอีกครั้งอย่างที่เห็น
“นายหัวดื้อ” ไม่ใช่คนมีอำนาจที่พอจะสั่งการอะไรหรือสั่งใครได้
แต่อยากเตือนสตินายกฯมาร์คว่า อายุยังน้อย จะทำอะไรคิดหน้าคิดหลังให้มาก เลือกอนาคตของตัวเองให้ดี นึกถึงหน้าพ่อหน้าแม่และลูกเมียเอาไว้ เพราะคนเหล่านี้จะได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้
หากเลือกเดินผิดทาง สุดท้ายอาจกลายเป็นทรราชที่ไม่มีแผ่นดินอยู่ ยังไงก็มาจากประชาชน จะทำอะไรก็ควรคิดถึงสิ่งที่ตัวเองพูดเอาไว้ให้มากว่า “ประชาชนต้องมาก่อน”