จาตุรนต์ - อภิสิทธิ์
เหตุเกิดที่เมืองไทย แต่ฝรั่งดันรู้ก่อนทุกที
"friendly fire" โดยถ้อยคำที่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นและบีบีซี ได้นำเสนอภาพข่าวรายงานไปทั่วโลก เหตุการณ์ที่พลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาระ ถูกกระสุนปืนยิงเสียชีวิต ระหว่างเหตุปะทะกับม็อบเสื้อแดงที่บริเวณอนุสรณ์สถาน ย่านดอนเมือง
ฟันธงเลยว่า "พวกเดียวกันเองยิง"
ขณะที่สื่อมวลชนไทยส่วนใหญ่ก็ยังยึดเอาตามที่ "เสธ.ไก่อู" พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงเหตุการณ์เสียชีวิตของพลทหารณรงค์ฤทธิ์ เบื้องต้นยังไม่สามารถสรุปอะไรได้ ต้องให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน
อุบข่าวกันนิ่งเลย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด พลทหารณรงค์ฤทธิ์ก็เป็นชีวิตที่ 28 แล้วที่สังเวย "เกมแลกเลือด" เพิ่มสถิติตายรายวัน
เลยจุดของคำว่า "มิคสัญญี" จ่อใกล้สงครามกลางเมือง
เรื่องของเรื่อง สถานการณ์เขม็งเกลียวไหลมาถึงชั่วโมงนี้ โฆษก ศอฉ.ก็ยอมรับเต็มปากเต็มคำแล้วว่า ทหารใช้ทั้งกระสุนยางและกระสุนจริงในการสลายม็อบเสื้อแดง ประกอบกับภาพข่าวที่หน่วยแม่นปืนส่อง สไนเปอร์ติดกล้องเล็งไปที่บริเวณชุมนุม โดยมีทหารคอยชี้เป้า
พร้อมเหนี่ยวไกตลอดเวลา
ฉากนี้ถือว่า "เพิ่มน้ำหนัก" ให้แกนนำ นปช.ที่เดินเกมขอ "ตัวช่วย" ต่างประเทศ ตะโกนเรียกให้สหประชาชาติ (ยูเอ็น) สหภาพยุโรป (อียู) องค์กรนิรโทษกรรมสากล
ส่งตัวแทนเข้ามาสังเกตการณ์วิกฤติการเมืองไทยในห้วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
ฝ่ายถืออำนาจจ้องทุบม็อบแดง โดยมีม็อบหลากสี เครือข่ายม็อบพันธมิตรฯ เป็นลูกคู่ ตะโกนเชียร์เย้วๆให้ลุยเผด็จศึก
เอาเป็นว่า ก่อนที่นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และฝ่ายถืออำนาจจะคึกตามเสียงเชียร์
ล่าสุด นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แถลงจองกฐินล่วงหน้า จากกรณีปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารกับกลุ่ม นปช. โดยเฉพาะการใช้อาวุธปราบปรามประชาชน เป็นการละเมิดสิทธิความเป็นมนุษย์และขัดต่อหลักปฏิบัติสากล หลังเปลี่ยนขั้วอำนาจ รัฐบาลใหม่
ที่ไม่ใช่ฝ่ายประชาธิปัตย์ สามารถดำเนินการฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศได้ทันที
การฟ้องนี้จะเป็นการฟ้องต่อบุคคล เช่น การฟ้องต่อนายอภิสิทธิ์ ในฐานะที่เป็นพลเรือน แม้จะไม่ได้เป็นผู้บัญชาการทหารโดยตรง แต่เป็นพลเรือนที่สั่งการให้ทหารเข้ากระทำการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน
การดำเนินคดีในลักษณะนี้ จะเกิดขึ้นและถูกตัดสินโดยศาลคดีอาญาระหว่างประเทศที่กรุงเฮก เหมือนกับผู้นำบางประเทศได้ถูกดำเนินคดีกันมาแล้ว
รอเช็กบัญชีหลังเปลี่ยนขั้วอำนาจ
ตามจังหวะ "กระตุกขากางเกง" กันไว้ ไม่ให้ย่ามใจในกระบองที่ถืออยู่ในมือ
แต่ที่ตั้งท่า "เคลียร์กันเลย" โดยไม่ต้องรอเปลี่ยนขั้วอำนาจ
โดยการยืนยันของ พล.ท.เชวงศักดิ์ ทองฉลวย นายทหารคนสนิท เปิดคิวล่วงหน้า วันที่ 30 เมษายน "บิ๊กจิ๋ว" พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ประธานพรรคเพื่อไทย จะเดินทางเข้าไปที่รังใหญ่ ศอฉ. ในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ด้วยตัวเอง เพื่อขอความชัดเจนกรณี "ขบวนการล้มสถาบัน"
ไม่ต้องรอให้ ศอฉ.ออกหมายเรียก อย่างที่เย้วๆกัน
ถ้าไปตามนัด ก็ชัดเจนว่า ได้เวลาโชว์ลูกเก๋ายี่ห้อทหารเฒ่าไม่มีวันตาย "บิ๊กจิ๋ว" ลุยถั่วเข้าถ้ำเสือ คิวนี้คงไม่ใช่แค่คิวสร้างภาพทางการเมืองอย่างที่ "เทพเทือก" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ชิงดักคอ
ด้วยข้อหาล้มสถาบัน โทษประหารเจ็ดชั่วโคตร เดิมพันเป็นเดิมพันตาย
"บิ๊กจิ๋ว" ไม่แลกด้วยช็อตตื้นๆแน่
แต่ก่อนอื่นเลย ในฐานะเจ้าของแผนผังเครือข่ายขบวนการล้มสถาบันที่แจกกระดาษเอสี่ โยงคนนั้นลากเอี่ยวคนนี้ ประจานชื่อผ่านสื่อมวลชนชัดๆกันไปแล้ว
"หัวโจก" อย่าง "บิ๊กจิ๋ว" ไปปรากฏตัวตรงหน้า ถ้ารัฐบาลทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าอ้ำๆอึ้งๆ แล้วลับหลังก็ออกมาบลัฟกันท่านั้นท่านี้
ตามจังหวะมันก็ยิ่งกระตุ้นคำถามย้อนกลับไปที่ ศอฉ. "ปล่อยของ" ขบวนการล้มสถาบัน
แล้วจะยังไงต่อไปดี.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
เหตุเกิดที่เมืองไทย แต่ฝรั่งดันรู้ก่อนทุกที
"friendly fire" โดยถ้อยคำที่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นและบีบีซี ได้นำเสนอภาพข่าวรายงานไปทั่วโลก เหตุการณ์ที่พลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาระ ถูกกระสุนปืนยิงเสียชีวิต ระหว่างเหตุปะทะกับม็อบเสื้อแดงที่บริเวณอนุสรณ์สถาน ย่านดอนเมือง
ฟันธงเลยว่า "พวกเดียวกันเองยิง"
ขณะที่สื่อมวลชนไทยส่วนใหญ่ก็ยังยึดเอาตามที่ "เสธ.ไก่อู" พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงเหตุการณ์เสียชีวิตของพลทหารณรงค์ฤทธิ์ เบื้องต้นยังไม่สามารถสรุปอะไรได้ ต้องให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน
อุบข่าวกันนิ่งเลย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด พลทหารณรงค์ฤทธิ์ก็เป็นชีวิตที่ 28 แล้วที่สังเวย "เกมแลกเลือด" เพิ่มสถิติตายรายวัน
เลยจุดของคำว่า "มิคสัญญี" จ่อใกล้สงครามกลางเมือง
เรื่องของเรื่อง สถานการณ์เขม็งเกลียวไหลมาถึงชั่วโมงนี้ โฆษก ศอฉ.ก็ยอมรับเต็มปากเต็มคำแล้วว่า ทหารใช้ทั้งกระสุนยางและกระสุนจริงในการสลายม็อบเสื้อแดง ประกอบกับภาพข่าวที่หน่วยแม่นปืนส่อง สไนเปอร์ติดกล้องเล็งไปที่บริเวณชุมนุม โดยมีทหารคอยชี้เป้า
พร้อมเหนี่ยวไกตลอดเวลา
ฉากนี้ถือว่า "เพิ่มน้ำหนัก" ให้แกนนำ นปช.ที่เดินเกมขอ "ตัวช่วย" ต่างประเทศ ตะโกนเรียกให้สหประชาชาติ (ยูเอ็น) สหภาพยุโรป (อียู) องค์กรนิรโทษกรรมสากล
ส่งตัวแทนเข้ามาสังเกตการณ์วิกฤติการเมืองไทยในห้วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
ฝ่ายถืออำนาจจ้องทุบม็อบแดง โดยมีม็อบหลากสี เครือข่ายม็อบพันธมิตรฯ เป็นลูกคู่ ตะโกนเชียร์เย้วๆให้ลุยเผด็จศึก
เอาเป็นว่า ก่อนที่นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และฝ่ายถืออำนาจจะคึกตามเสียงเชียร์
ล่าสุด นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แถลงจองกฐินล่วงหน้า จากกรณีปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารกับกลุ่ม นปช. โดยเฉพาะการใช้อาวุธปราบปรามประชาชน เป็นการละเมิดสิทธิความเป็นมนุษย์และขัดต่อหลักปฏิบัติสากล หลังเปลี่ยนขั้วอำนาจ รัฐบาลใหม่
ที่ไม่ใช่ฝ่ายประชาธิปัตย์ สามารถดำเนินการฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศได้ทันที
การฟ้องนี้จะเป็นการฟ้องต่อบุคคล เช่น การฟ้องต่อนายอภิสิทธิ์ ในฐานะที่เป็นพลเรือน แม้จะไม่ได้เป็นผู้บัญชาการทหารโดยตรง แต่เป็นพลเรือนที่สั่งการให้ทหารเข้ากระทำการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน
การดำเนินคดีในลักษณะนี้ จะเกิดขึ้นและถูกตัดสินโดยศาลคดีอาญาระหว่างประเทศที่กรุงเฮก เหมือนกับผู้นำบางประเทศได้ถูกดำเนินคดีกันมาแล้ว
รอเช็กบัญชีหลังเปลี่ยนขั้วอำนาจ
ตามจังหวะ "กระตุกขากางเกง" กันไว้ ไม่ให้ย่ามใจในกระบองที่ถืออยู่ในมือ
แต่ที่ตั้งท่า "เคลียร์กันเลย" โดยไม่ต้องรอเปลี่ยนขั้วอำนาจ
โดยการยืนยันของ พล.ท.เชวงศักดิ์ ทองฉลวย นายทหารคนสนิท เปิดคิวล่วงหน้า วันที่ 30 เมษายน "บิ๊กจิ๋ว" พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ประธานพรรคเพื่อไทย จะเดินทางเข้าไปที่รังใหญ่ ศอฉ. ในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ด้วยตัวเอง เพื่อขอความชัดเจนกรณี "ขบวนการล้มสถาบัน"
ไม่ต้องรอให้ ศอฉ.ออกหมายเรียก อย่างที่เย้วๆกัน
ถ้าไปตามนัด ก็ชัดเจนว่า ได้เวลาโชว์ลูกเก๋ายี่ห้อทหารเฒ่าไม่มีวันตาย "บิ๊กจิ๋ว" ลุยถั่วเข้าถ้ำเสือ คิวนี้คงไม่ใช่แค่คิวสร้างภาพทางการเมืองอย่างที่ "เทพเทือก" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ชิงดักคอ
ด้วยข้อหาล้มสถาบัน โทษประหารเจ็ดชั่วโคตร เดิมพันเป็นเดิมพันตาย
"บิ๊กจิ๋ว" ไม่แลกด้วยช็อตตื้นๆแน่
แต่ก่อนอื่นเลย ในฐานะเจ้าของแผนผังเครือข่ายขบวนการล้มสถาบันที่แจกกระดาษเอสี่ โยงคนนั้นลากเอี่ยวคนนี้ ประจานชื่อผ่านสื่อมวลชนชัดๆกันไปแล้ว
"หัวโจก" อย่าง "บิ๊กจิ๋ว" ไปปรากฏตัวตรงหน้า ถ้ารัฐบาลทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าอ้ำๆอึ้งๆ แล้วลับหลังก็ออกมาบลัฟกันท่านั้นท่านี้
ตามจังหวะมันก็ยิ่งกระตุ้นคำถามย้อนกลับไปที่ ศอฉ. "ปล่อยของ" ขบวนการล้มสถาบัน
แล้วจะยังไงต่อไปดี.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน