ความแตกแยกทางความคิดทางการเมืองของคนไทยที่กำลังร้าวฉานไปใหญ่โต เพราะไม่ยอมย้ายเวทีไปเล่นใน "เวทีการเมือง" คือ "รัฐสภา" ทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับผู้ชุมนุมหลายครั้ง มีการบาดเจ็บล้มตาย ทำเอาประเทศเพื่อนบ้าน อาเซียน และ ประชาคมโลก ต่างก็มองประชาธิปไตยแบบไทยๆด้วยความเป็นห่วง
ประชาธิปไตยเมืองไทย วันนี้ ยังเหมือน "บัวใต้น้ำ" มีการใช้ประชาธิปไตยไปในทางที่ไม่ถูกต้อง ส่งผลให้เกิดการปฏิวัติเป็นโรคแทรกซ้อน
ประชาธิปไตยเมืองไทย เรา "ลอกแบบ" มาจาก "อังกฤษ" อย่างผิวเผิน ลอกมาอย่างลวกๆ โดยลอกมาแต่เรื่อง "การเลือกตั้ง" เพียงอย่างเดียว แต่ไม่ได้ลอกแบบเรื่องการพัฒนา "จิตใจประชาธิปไตย" ควบคู่ไปด้วย เพราะ ประชาธิปไตยที่แท้จริง ทุกคนต้อง "มีหน้าที่" และ "ความรับผิดชอบต่อสังคม" ด้วย นอกเหนือจาก "สิทธิ" ที่พึงได้รับตามระบอบประชาธิปไตย
แต่คนไทย "รู้จักแต่การใช้สิทธิ" ตามระบอบประชาธิปไตย แต่ "ไม่รู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบ" ตามระบอบประชาธิปไตย ที่จะต้องปฏิบัติควบคู่ไปกับการใช้สิทธิประชาธิปไตยเมืองไทยจึงพิกลพิการอย่างที่เป็นอยู่
สองวันก่อน เพื่อนบ้านอาเซียนไทยที่เศรษฐกิจกำลังไปโลด คือ สิงคโปร์ และ อินโดนีเซีย ต่างก็ได้ออกมาแสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ในบ้านเมืองไทย และเรียกร้องให้มีการ "เจรจาอย่างสันติ" เพื่อแก้ปัญหาการเมืองที่กัดกร่อนประเทศไทยมานานหลายปีแล้ว
กระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ เรียกร้องให้คนไทย ยอมละวางความเห็นที่แตกต่างกัน หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ และหาทางออกด้วยสันติวิธี
นายมาร์ตี นาตาเลกาวา รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ถึงกับขันอาสาขอคนเป็น "คนกลาง" เพื่อช่วยเหลือคนไทยแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศไทย เพื่อเปิดให้มีการเจรจาสองฝ่าย
ฟังแล้วรู้สึกอับอายเพื่อนบ้านบ้างไหม
ล่าสุด นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ไปจนถึง ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ก็ได้แสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในไทย แสดงว่าความขัดแย้งรุนแรงในไทย ได้สร้างความวิตกให้กับเพื่อนบ้านไปจนถึงสหรัฐฯและยูเอ็นแล้ว เพราะไม่อยากเห็นความรุนแรงบานปลายเหมือนในแอฟริกาในอดีต
เราต้องยอมรับว่า ความขัดแย้งทางการเมืองในอดีต ได้ฉุดให้เพื่อนบ้านอาเซียนทั้งหลายมีปัญหาไปด้วย เพราะข้อตกลงความร่วมมือต่างๆในอาเซียนเดินหน้าไปไม่ได้ ทำให้อาเซียนเสียประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่าย
ที่พังยับเยินต่อหน้าเห็นๆก็คือ ธุรกิจท่องเที่ยว เมื่อ สี่แยกราชประสงค์ ศูนย์กลางเศรษฐกิจ ศูนย์กลางการท่องเที่ยว ศูนย์กลางการช็อปปิ้งใจกลางกรุง ถูกปิดเป็นสถานที่ชุมนุมของคนเสื้อแดง แถมยังมีการปะทะกันรุนแรงจนมีผู้บาดเจ็บล้มตาย ลูกค้าหลักอย่างสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น จีน ต่างก็สั่งห้ามคนของเขาเข้ามาเที่ยวเมืองไทย โดยเฉพาะ บริษัทญี่ปุ่น ห้ามผู้บริหารทุกคนมาประชุมที่เมืองไทยโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าการเจรจาการค้า การเซ็นสัญญา ระงับหมด
ล่าสุด กระทรวงต่างประเทศอังกฤษ ได้ออกคำแนะนำเพิ่มเติม เตือนไม่ให้คนอังกฤษเดินทางมาเมืองไทย ถ้าไม่มีความจำเป็น ห้ามทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด บริษัทท่องเที่ยวอังกฤษ ประกาศพร้อมที่จะคืนเงินค่าทัวร์เมืองไทยเต็มจำนวน ถ้ามีการยกเลิกการเดินทางมาไทยภายในวันศุกร์ที่ 30 เมษายนนี้
ผมได้แต่หวังว่า ทุกคนที่เกี่ยวข้องจะมีสติเสียที และหันหน้ามาเจรจากันทันที เพื่อรักษาประโยชน์ของประเทศและคนไทยทุกคนที่กำลังย่อยยับ.
"ลม เปลี่ยนทิศ"
ประชาธิปไตยเมืองไทย วันนี้ ยังเหมือน "บัวใต้น้ำ" มีการใช้ประชาธิปไตยไปในทางที่ไม่ถูกต้อง ส่งผลให้เกิดการปฏิวัติเป็นโรคแทรกซ้อน
ประชาธิปไตยเมืองไทย เรา "ลอกแบบ" มาจาก "อังกฤษ" อย่างผิวเผิน ลอกมาอย่างลวกๆ โดยลอกมาแต่เรื่อง "การเลือกตั้ง" เพียงอย่างเดียว แต่ไม่ได้ลอกแบบเรื่องการพัฒนา "จิตใจประชาธิปไตย" ควบคู่ไปด้วย เพราะ ประชาธิปไตยที่แท้จริง ทุกคนต้อง "มีหน้าที่" และ "ความรับผิดชอบต่อสังคม" ด้วย นอกเหนือจาก "สิทธิ" ที่พึงได้รับตามระบอบประชาธิปไตย
แต่คนไทย "รู้จักแต่การใช้สิทธิ" ตามระบอบประชาธิปไตย แต่ "ไม่รู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบ" ตามระบอบประชาธิปไตย ที่จะต้องปฏิบัติควบคู่ไปกับการใช้สิทธิประชาธิปไตยเมืองไทยจึงพิกลพิการอย่างที่เป็นอยู่
สองวันก่อน เพื่อนบ้านอาเซียนไทยที่เศรษฐกิจกำลังไปโลด คือ สิงคโปร์ และ อินโดนีเซีย ต่างก็ได้ออกมาแสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ในบ้านเมืองไทย และเรียกร้องให้มีการ "เจรจาอย่างสันติ" เพื่อแก้ปัญหาการเมืองที่กัดกร่อนประเทศไทยมานานหลายปีแล้ว
กระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ เรียกร้องให้คนไทย ยอมละวางความเห็นที่แตกต่างกัน หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ และหาทางออกด้วยสันติวิธี
นายมาร์ตี นาตาเลกาวา รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ถึงกับขันอาสาขอคนเป็น "คนกลาง" เพื่อช่วยเหลือคนไทยแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศไทย เพื่อเปิดให้มีการเจรจาสองฝ่าย
ฟังแล้วรู้สึกอับอายเพื่อนบ้านบ้างไหม
ล่าสุด นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ไปจนถึง ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ก็ได้แสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในไทย แสดงว่าความขัดแย้งรุนแรงในไทย ได้สร้างความวิตกให้กับเพื่อนบ้านไปจนถึงสหรัฐฯและยูเอ็นแล้ว เพราะไม่อยากเห็นความรุนแรงบานปลายเหมือนในแอฟริกาในอดีต
เราต้องยอมรับว่า ความขัดแย้งทางการเมืองในอดีต ได้ฉุดให้เพื่อนบ้านอาเซียนทั้งหลายมีปัญหาไปด้วย เพราะข้อตกลงความร่วมมือต่างๆในอาเซียนเดินหน้าไปไม่ได้ ทำให้อาเซียนเสียประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่าย
ที่พังยับเยินต่อหน้าเห็นๆก็คือ ธุรกิจท่องเที่ยว เมื่อ สี่แยกราชประสงค์ ศูนย์กลางเศรษฐกิจ ศูนย์กลางการท่องเที่ยว ศูนย์กลางการช็อปปิ้งใจกลางกรุง ถูกปิดเป็นสถานที่ชุมนุมของคนเสื้อแดง แถมยังมีการปะทะกันรุนแรงจนมีผู้บาดเจ็บล้มตาย ลูกค้าหลักอย่างสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น จีน ต่างก็สั่งห้ามคนของเขาเข้ามาเที่ยวเมืองไทย โดยเฉพาะ บริษัทญี่ปุ่น ห้ามผู้บริหารทุกคนมาประชุมที่เมืองไทยโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าการเจรจาการค้า การเซ็นสัญญา ระงับหมด
ล่าสุด กระทรวงต่างประเทศอังกฤษ ได้ออกคำแนะนำเพิ่มเติม เตือนไม่ให้คนอังกฤษเดินทางมาเมืองไทย ถ้าไม่มีความจำเป็น ห้ามทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด บริษัทท่องเที่ยวอังกฤษ ประกาศพร้อมที่จะคืนเงินค่าทัวร์เมืองไทยเต็มจำนวน ถ้ามีการยกเลิกการเดินทางมาไทยภายในวันศุกร์ที่ 30 เมษายนนี้
ผมได้แต่หวังว่า ทุกคนที่เกี่ยวข้องจะมีสติเสียที และหันหน้ามาเจรจากันทันที เพื่อรักษาประโยชน์ของประเทศและคนไทยทุกคนที่กำลังย่อยยับ.
"ลม เปลี่ยนทิศ"