รายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ หนล่าสุด หลังหยุดไป 2 สัปดาห์ นายกฯ ได้หนีบ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. มานั่งประกบด้วย นัยหนึ่งเพื่อบอกว่า นายกฯยังสั่งทหารได้ อีกนัยหนึ่ง เพื่อยืนยันว่า กองทัพเห็นด้วยกับสิ่งที่นายกฯพูด เพราะหากไม่เห็นด้วย ก็คงไม่มานั่งอยู่ด้วยกันหรอก
มีเรื่องให้ตื่นเต้นเร้าใจ นั่นคือ จอมืดไป 2 ช่วง สัญญาณขาดหายไป 5-10 นาที นายกฯบอกว่า มีการยิงสัญญาณป่วน ทำให้จอดับ กำลังหาทางลงโทษคนที่ทำเรื่องนี้ คนทำ ช่างกล้านะ
หันมาดูสิ่งที่นายกฯ พูด จะว่าไม่มีอะไรใหม่ก็ได้ เป็นการมาตอกย้ำว่า การชุมนุมยกระดับไปสู่การก่อการร้ายแล้ว มีการใช้อาวุธสงคราม มีการเชื่อมโยง ต้องใช้กฎหมายจัด การเด็ดขาด และเป้าหมายสุดท้ายคือ
การคืนพื้นที่ให้ประชาชน
ซึ่ง พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. ไปไกลแล้ว เพราะไม่ใช้คำว่า ขอพื้นที่คืน หรือคำว่า สลายการชุมนุมแล้ว แต่บอกตรง ๆ ว่า ในเวลาเหมาะสม แยกประชาชนจากผู้ก่อการร้ายได้เมื่อไหร่
จะเข้าปราบปรามเลย
ผบ.ทบ. ที่มานั่งประกบนั้น สรุป สุดท้ายว่า ทหารยังเป็นทหารของพระเจ้าอยู่หัว เป็นทหารของประชาชน จะปฏิบัติงานโดยไม่มีฝักใฝ่ฝ่ายใด และจะทำตามนโยบายรัฐบาลที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ
ประโยคหลังอาจเอาไปตีความได้ว่า แล้วนโยบายอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ไม่ใช่เพื่อพรรคตัวเอง หรือพวกตัวเอง บ้าง เพราะหลายครั้งที่ พล.อ.อนุพงษ์ ยืนยัน การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง และทหารจะไม่ทำร้ายประชาชนซึ่งไม่รู้ว่า พล.อ.อนุพงษ์ จะยืนหยัดได้แค่ไหน
อย่างที่รู้ว่า เจ้าตัวโดนกดดันหนักมากให้ใช้กำลังเข้าสลายม็อบ ที่นายอภิสิทธิ์ แต่งตั้งให้เป็นผู้สั่งการการใช้กำลัง ก็คือ การสร้างแรงกดดันทางหนึ่ง นั่นเอง
อีกเรื่องที่นายกฯ พูดชัด คือ ไม่รับข้อเสนอจาก นายวีระ มุสิกพงศ์ ที่ขอให้ยุบสภาใน 30 วัน โดยยืนยันว่า จะไม่ให้ใครมาสร้างบรรทัดฐานให้ทำตามด้วยการก่อการร้ายเด็ดขาด และเห็นว่า การยุบสภา ไม่ใช่ คำตอบประเทศ แต่เพื่อชิงอำนาจให้บางคนที่หวังสร้างรัฐไทยใหม่และยังต้องอยู่ทำงบประมาณฯ เพื่อคนจนต่อ
สรุปทั้งหมดคือ ไม่ออก ไม่ยุบ และ ไม่เจรจา แต่จะอยู่บริหารต่อ หากตามที่นายกฯพูด ก็คือ มีสิทธิอยู่อีก 1 ปีกับ 9 เดือน !!!
แม้จะเกิดเหตุวิปโยคไปแล้วถึง 2 ครั้ง คือเหตุการณ์ 10 เม.ย. ที่สี่แยกคอกวัว และ 22 เม.ย. ที่สีลม ทำให้คนไทยต้องเสียชีวิตและบาดเจ็บมากมาย ตอนนี้ม็อบสารพัดสี กำลังเคลื่อนตัวสู่การปะทะ เสี่ยงต่อสงครามกลางเมืองมาก
ทั่วโลกตอนนี้ กำลังวิตกกับประเทศไทยอย่างมาก เลขาธิการยูเอ็น บัน คี-มูน ถึงขนาดออกแถลงการณ์ว่า ห่วงใยต่อสถาน การณ์ในไทยอย่างยิ่ง และขอให้ทุกฝ่ายใช้สันติวิธีแก้ปัญหา นี่ย่อมแสดงให้เห็นว่า วิกฤติที่เกิดขึ้นขณะนี้ได้ยกระดับเป็นปัญหาของโลกไปแล้ว
ในอาเซียนเอง อินโดนีเซีย เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ และให้ คกก. จากนานาชาติเข้ามาดูแลให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ออง ซาน ซูจี ซึ่ง อภิสิทธิ์ ยกย่องมาก บอกว่า รัฐบาลที่ได้มาจาก รธน. ที่ร่างโดยทหาร ไม่มีวันมีเสถียรภาพ
แต่นายกฯไทยเหมือนจะเดินสวนทางกับกระแสโลก เพราะยังยืนยัน ไม่ยุบ ไม่ออก และตอนนี้ คือ ไม่เจรจา อีกด้วย ไม่อยากให้นายกฯ ถลำลึกไปกว่านี้เลย แค่นี้ก็ถูกหาว่า มือเปื้อนเลือดแล้ว
ถ้าวันนี้ สถานการณ์ยังทรงอยู่ ไม่เกิดเหตุร้ายเพิ่ม ก็อยากภาวนาให้นายกฯ กลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง และเลิกฟังคนรอบข้างไม่กี่คนที่แวดล้อมอยู่.
ดาวประกายพรึก
มีเรื่องให้ตื่นเต้นเร้าใจ นั่นคือ จอมืดไป 2 ช่วง สัญญาณขาดหายไป 5-10 นาที นายกฯบอกว่า มีการยิงสัญญาณป่วน ทำให้จอดับ กำลังหาทางลงโทษคนที่ทำเรื่องนี้ คนทำ ช่างกล้านะ
หันมาดูสิ่งที่นายกฯ พูด จะว่าไม่มีอะไรใหม่ก็ได้ เป็นการมาตอกย้ำว่า การชุมนุมยกระดับไปสู่การก่อการร้ายแล้ว มีการใช้อาวุธสงคราม มีการเชื่อมโยง ต้องใช้กฎหมายจัด การเด็ดขาด และเป้าหมายสุดท้ายคือ
การคืนพื้นที่ให้ประชาชน
ซึ่ง พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. ไปไกลแล้ว เพราะไม่ใช้คำว่า ขอพื้นที่คืน หรือคำว่า สลายการชุมนุมแล้ว แต่บอกตรง ๆ ว่า ในเวลาเหมาะสม แยกประชาชนจากผู้ก่อการร้ายได้เมื่อไหร่
จะเข้าปราบปรามเลย
ผบ.ทบ. ที่มานั่งประกบนั้น สรุป สุดท้ายว่า ทหารยังเป็นทหารของพระเจ้าอยู่หัว เป็นทหารของประชาชน จะปฏิบัติงานโดยไม่มีฝักใฝ่ฝ่ายใด และจะทำตามนโยบายรัฐบาลที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ
ประโยคหลังอาจเอาไปตีความได้ว่า แล้วนโยบายอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ไม่ใช่เพื่อพรรคตัวเอง หรือพวกตัวเอง บ้าง เพราะหลายครั้งที่ พล.อ.อนุพงษ์ ยืนยัน การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง และทหารจะไม่ทำร้ายประชาชนซึ่งไม่รู้ว่า พล.อ.อนุพงษ์ จะยืนหยัดได้แค่ไหน
อย่างที่รู้ว่า เจ้าตัวโดนกดดันหนักมากให้ใช้กำลังเข้าสลายม็อบ ที่นายอภิสิทธิ์ แต่งตั้งให้เป็นผู้สั่งการการใช้กำลัง ก็คือ การสร้างแรงกดดันทางหนึ่ง นั่นเอง
อีกเรื่องที่นายกฯ พูดชัด คือ ไม่รับข้อเสนอจาก นายวีระ มุสิกพงศ์ ที่ขอให้ยุบสภาใน 30 วัน โดยยืนยันว่า จะไม่ให้ใครมาสร้างบรรทัดฐานให้ทำตามด้วยการก่อการร้ายเด็ดขาด และเห็นว่า การยุบสภา ไม่ใช่ คำตอบประเทศ แต่เพื่อชิงอำนาจให้บางคนที่หวังสร้างรัฐไทยใหม่และยังต้องอยู่ทำงบประมาณฯ เพื่อคนจนต่อ
สรุปทั้งหมดคือ ไม่ออก ไม่ยุบ และ ไม่เจรจา แต่จะอยู่บริหารต่อ หากตามที่นายกฯพูด ก็คือ มีสิทธิอยู่อีก 1 ปีกับ 9 เดือน !!!
แม้จะเกิดเหตุวิปโยคไปแล้วถึง 2 ครั้ง คือเหตุการณ์ 10 เม.ย. ที่สี่แยกคอกวัว และ 22 เม.ย. ที่สีลม ทำให้คนไทยต้องเสียชีวิตและบาดเจ็บมากมาย ตอนนี้ม็อบสารพัดสี กำลังเคลื่อนตัวสู่การปะทะ เสี่ยงต่อสงครามกลางเมืองมาก
ทั่วโลกตอนนี้ กำลังวิตกกับประเทศไทยอย่างมาก เลขาธิการยูเอ็น บัน คี-มูน ถึงขนาดออกแถลงการณ์ว่า ห่วงใยต่อสถาน การณ์ในไทยอย่างยิ่ง และขอให้ทุกฝ่ายใช้สันติวิธีแก้ปัญหา นี่ย่อมแสดงให้เห็นว่า วิกฤติที่เกิดขึ้นขณะนี้ได้ยกระดับเป็นปัญหาของโลกไปแล้ว
ในอาเซียนเอง อินโดนีเซีย เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ และให้ คกก. จากนานาชาติเข้ามาดูแลให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ออง ซาน ซูจี ซึ่ง อภิสิทธิ์ ยกย่องมาก บอกว่า รัฐบาลที่ได้มาจาก รธน. ที่ร่างโดยทหาร ไม่มีวันมีเสถียรภาพ
แต่นายกฯไทยเหมือนจะเดินสวนทางกับกระแสโลก เพราะยังยืนยัน ไม่ยุบ ไม่ออก และตอนนี้ คือ ไม่เจรจา อีกด้วย ไม่อยากให้นายกฯ ถลำลึกไปกว่านี้เลย แค่นี้ก็ถูกหาว่า มือเปื้อนเลือดแล้ว
ถ้าวันนี้ สถานการณ์ยังทรงอยู่ ไม่เกิดเหตุร้ายเพิ่ม ก็อยากภาวนาให้นายกฯ กลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง และเลิกฟังคนรอบข้างไม่กี่คนที่แวดล้อมอยู่.
ดาวประกายพรึก