บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2553

ข้อกล่าวหาแห่งมิคสัญญี

ที่มา thaifreenews

โดย prainn


วันที่ 30 เมษายน 2553

ข้อกล่าวหาแห่งมิคสัญญี

กลุ่มพันธมิตรฯที่กล่าวหาคนเสื้อแดงว่าเป็นขบวนการล้มเจ้าเช่นนายภิภพ ธงชัย สมศักดิ์ โกศัยสุข สุริยะใส กตศิลา หรือแม้แต่นายประพันธ์ คูณมี ที่ปากบอกว่ารักเจ้าเทิดทูนเจ้าจนน้ำลายไหล 3 หยด ทั้งหมดนี้ในอดีตผมก็เห็นและได้ยินมาสม่ำเสมอว่ากลุ่มคนพวกนี้นั่งนินทาว่าเจ้าตลอด 3 เวลาหลังอาหารมาอย่างยาวนาน

กลุ่มคนพวกนี้ตัวดีนักแลปากทำเป็นเทิดทูนแต่ทุกครั้งที่แสดงออกก็มักจะอาศัยสถาบันเป็นเกราะกำบังกาย และอาศัยกลุ่มอื่นที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามตนเป็นเครื่องมือในการกล่าวอ้างถึงเรื่องสถาบันมาโดยตลอด ด้วยการใช้วาทศิลป์ วาทกรรมต่างๆนานา ตบแต่งคำพูดให้สวยหรูดูดีแล้วก็โยนความผิดให้คนอื่นแต่ผลกระทบที่แท้จริง คือ สถาบันนั่นเอง

ผมเลยมีความสงสัยว่าใครกันแน่ที่กำลังคิดล้มล้างสถาบัน หากสังเกตุถึงการชุมนุมระหว่างคนเสื้อเหลืองและคนเสื้อแดงจะเห็นได้อย่างเด่นชัดว่า กลุ่มพันธมิตรฯ หรือเสื้อเหลืองที่นำโดยสนธิ ลิ้มทองกุล มักจะกล่าวอ้างถึงสถาบันตลอดเวลาในขณะเปิดเวทีชุมนุมทุกครั้งไปโดยการกล่าวอ้างวาทกรรมต่างๆ เช่นเรารักในหลวง เราต่อสู้เพื่อในหลวงและปกป้องสถาบัน

ซึ่งผิดกับการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่พยายามหลีกเลี่ยงไม่กล่าวอ้างถึงสถาบันเพราะเป็นการต่อสู้เรียกร้องถึงความเดือดร้อนของประชาชนและต้องการประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ โดยไม่ต้องอาศัยสถาบันเป็นเครื่องมือในการทำลายล้างผู้อื่นและยกไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ไม่กล่าวอ้างให้กระทบกระเทือนถึงสถาบันอันเป็นที่รักเคารพยิ่งของพสกนิกรทั้งประเทศ

อีกทั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคประชาธิปัติย์ก็พยายามรับลูกต่อจากกลุ่มพันธมิตรฯโดยอาศัยอำนาจรัฐที่มีอยู่ในมือใช้เครื่องมือสื่อสารที่รัฐควบคุมอยู่นำเสนอข่าวสารเพียงด้านเดียว ออกข่าวซ้ำๆพูดซ้ำๆทุกวันให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดว่ากลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงเป็นกลุ่มคนที่คิดล้มล้างสถาบันทั้งที่การเคลื่อนไหวชุมนุมนั้นเป็นที่ชัดเจนว่าต้องการให้รัฐบาลประกาศยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน

การที่รัฐพยายามใส่ร้ายป้ายสีคนเสื้อแดงเพื่อให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดเกลียดชังคนเสื้อแดงโดยอาศัยสถาบันเป็นเครื่องมือทำลายล้างกลุ่มผู้ชุมนุม เป็นเพียงเพื่ออาศัยความชอบธรรมและเงื่อนไขในการสลายการชุมนุมด้วยอาวุธร้ายแรงดังเช่นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก และคงจะเกิดการล้อมฆ่าประชาชนครั้งใหญ่อีกในไม่ช้านี้

ความโหดเหี้ยมอำมหิตของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เพียงต้องการเอาชนะประชาชนและต้องการครองอำนาจให้นานที่สุด ได้ใช้วิธีการสกปรกทุกวิถีทางไม่ว่าจะเป็นกล่าวหาว่าผู้ชุมนุมเป็นผู้ก่อการร้าย ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเหตุการณ์สามจังหวัดภาคใต้ที่เป็นเพียงการกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อความไม่สงบเท่านั้น รวมถึงการกล่าวหาอันเป็นเท็จเหมารวมผู้ชุมนุมว่าเป็นผู้คิดล้มล้างสถาบัน



การกระทำต่างๆของอำนาจรัฐที่บริหารดูแลโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงเป็นลำดับซึ่งคงไม่มีผู้นำประเทศใดในโลกนี้อีกแล้ว ที่จะกระทำได้โดยการเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์เพียงเพื่อที่จะนั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้นานที่สุดบนกองเลือดของพี่น้องประชาชนที่ออกมาเรียกร้องขออำนาจของเขาคืนโดยการประกาศยุบสภาเลือกตั้งใหม่

การเรียกร้องให้ยุบสภาถือได้ว่าเป็นการเรียกร้องตามรัฐธรรมนูญที่ประชาชนมีสิทธิเรียกร้องเพื่อขอคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจในการที่จะเลือกผู้ปกครองตามที่เขาเห็นสมควรในการที่จะให้เข้ามาบริหารประเทศให้เป็นไปตามครรลอง มิใช่ได้อำนาจมาด้วยความไม่ชอบธรรมเช่นพรรคประชาธิปัติย์ที่กำลังได้รับอยู่ในขณะนี้

หากรัฐบาลยังคงใช้วิธีการสกปรกกล่าวหาผู้ชุมนุมว่าเป็นผู้คิดล้มล้างสถาบัน เป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งที่รัฐบาลเองก็ทราบและยอมรับตั้งแต่แรกเมื่อครั้งเจรจากันถึงสองรอบในงื่อนไขของการยุบสภาและไม่สามารถตกลงกันได้นั้น ย่อมทำให้เห็นว่าผู้ชุมนุมไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ผู้ชุมนุมไม่ใช่ผู้คิดล้มล้างสถาบันตามที่รัฐบาลกล่าวหาแต่อย่างใด

หากเป็นแต่เพียงรัฐบาลต้องการเอาชนะประชาชนและต้องการครองอำนาจให้นานที่สุดเพื่อผลประโยชน์หลายอย่างที่รัฐบาลนี้ยังแบ่งสันปันส่วนกันไม่ลงตัวกับพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา ฯ ซึ่งพรรคร่วมเหล่านี้ก็ไม่เคยเห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งนอกจากผลประโยชน์ในกลุ่มก้อนของตัวเอง

สถานการณ์ในวันนี้จะพัฒนาเข้มข้นถึงระดับไหนพรรคร่วมรัฐบาลถือเป็นตัวจักรสำคัญหนึ่งที่จะทำให้สถานการณ์นั้นเลวร้ายลงหรือทำให้สถานการณ์นั้นลดความตรึงเครียดลง แต่ทั้งหมดนั้นก็อยู่ที่สามัญสำนึกของพรรคร่วมรัฐบาลเองว่าอยากเห็นบ้านเมืองกลับคืนสู่สภาวะปกติหรือต้องการเห็นบ้านเมืองลุกเป็นไฟกลายเป็นกลียุคกันทั้งบ้านทั้งเมือง

หากพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลขณะนี้ก็น่าจะทำให้สถานการณ์ลดความตรึงเครียดลงได้ในระดับหนึ่ง อย่างน้อยอุณหภูมิทางการเมืองก็จะลดดีกรีลง อีกทั้งภาพพจน์ของพรรคร่วมเองก็จะยังอยู่ในสายตาของพี่น้องประชาชนซึ่งจะทำให้ยังมีโอกาสที่จะอยู่ในสนามการเมืองเพื่อรับใช้พี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่งได้

ขอเตือนรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลรวมถึงผู้มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังในการเข่นฆ่าประชาชน โปรดคำนึงด้วยจิตสำนึกแห่งความเป็นมนุษย์ในการอยู่ร่วมกัน โปรดยุติการใส่ร้ายป้ายสีผู้ชุมนุมด้วยข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จที่กำลังกระทำกันอยู่นี้เสีย และพรรคร่วมรัฐบาลควรถอนตัวออกจากการสนับสนุนรัฐบาลมือเปื้อนเลือดทรราชฟันน้ำนม มิเช่นนั้นแล้วมิคสัญญีคงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้พ้นบนแผ่นดินนี้อย่างแน่นอน


พระอินทร์

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker