
แม้ว่ากองบัญชาการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) จะยกระดับไปเป็นศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)แล้ว
แต่กรอบหลัก ยังคงอยู่ที่การรักษาความสงบเรียบร้อย ทำให้ความขัดแย้งในบ้านเมืองเดินไปสู่ข้อยุติโดยเร็ว
หนึ่งใน "หัวใจ..." สำคัญคือ "การข่าว" ...ว่ากันว่า ต้องแม่นยำ รวดเร็ว รู้ ความเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.ชนิดนาทีต่อนาที
อีกทั้งยังต้องรู้สถานการณ์ของฝ่าย "มือที่สาม" ที่เชื่อได้ว่าน่าจะรอจังหวะเหมาะๆ เติมเชื้อไฟให้สถานการณ์เลวร้ายมากยิ่งขึ้น
แน่นอน...หน้าที่หาข่าวจะเป็นหน้าที่รับผิดชอบของขบวนการ "สายลับ"
เมื่อรู้แล้วว่าสายลับมีหน้าที่สำคัญอย่างนี้ ก็ต้องสืบสาวกันต่อไปอีกสักหน่อยว่า สายลับเขาทำงานกันอย่างไร
นอกจากนี้แล้ว สายลับเหล่านี้ทำเพื่ออะไร? และใครกันที่เหมาะกับงานสายลับ?
"สถานการณ์บ้านเมือง...มาถึงในขั้นนี้แล้ว ต้องยอมรับว่าสายลับทำงานหนักแน่และต้องเสี่ยงเป็นพิเศษ..."

พลตำรวจตรี วัย 62 ปี วันนี้เกษียณราชการแล้ว แต่มีประสบการณ์เชี่ยวกรำอยู่กับงานข่าวกรองตำรวจสันติบาลมานาน สะท้อนความคิด
สายลับรุ่นใหญ่คนนี้ หน้าที่ดั้งเดิมคลุกคลีอยู่กับการสืบเสาะหาความเคลื่อนไหวทางด้านการเมืองและความมั่นคงของประเทศ บอกต่อไปอีกว่า...
"แต่ละหน่วย อันเป็นฝ่ายรัฐบาล ประกอบด้วย มหาดไทย กลาโหม หรือ กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือฝ่ายศูนย์ ศอ.รส. หรือฝ่ายที่ขึ้นตรงต่อนายกฯรองนายกฯโดยตรง รวมไปถึงฝ่ายการทหารจากทัพบก...เรือ...อากาศ
หน่วยงานเหล่านี้ ต้องส่งคนออกหาข่าวทั้งสิ้น..."
วันนี้ สายลับจะเฉยนอนนิ่ง หาข่าวทางทีวี วิทยุ เหมือนก่อนไม่ได้แล้ว กลับกันถ้ามีลูกน้องในสังกัดกี่คน ก็ต้องส่งออกไปอยู่ในพื้นที่ให้หมด นอกจากนี้ยังต้องติดตามข่าวเพิ่มเติมในหน้าหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต เพื่อเอามาประมวลผล...เป็นรายชั่วโมง
ความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ม็อบวันนี้ ไม่เฉพาะแต่ข่าวในหน่วยของตัวเองเท่านั้น ยังต้องประสานรับข่าวจากหน่วยงานอื่นๆด้วย เพื่อวิเคราะห์ ประมวลผล ย้ำข้อมูลที่ชัดเจนที่สุด
ว่ากันตามลักษณะงานสายลับ โดยเฉพาะลงในพื้นที่หาข่าว...ใช่ว่าจะหาเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล ยังต้องกระจายกำลังสายข่าวออกไปถึงต่างจังหวัด
สายลับรุ่นใหญ่ ยกตัวอย่าง กรณีแกนนำ นปช.ประกาศ ว่า...วันที่ 14 มีนาคม จะมีการเคลื่อนไหวแดงทั้งแผ่นดินมากดดันรัฐบาล แบบนี้หน่วยข่าวกรองหรือไม่กรองก็ต้องร้อนก้น จะต้องออกไปหาข่าวยังต่างจังหวัด ว่าที่...แกนนำพูดนั้น เป็นจริงหรือไม่...อย่างไร
"ตีวงแคบลงมาอีกหน่อย...ในส่วนของม็อบเสื้อแดงที่ปักหลักอยู่บนถนนราชดำเนิน แยกราชประสงค์...คะเนกันว่ามีผู้เข้าร่วมน่าจะหลักแสนคนขึ้นไปอย่างนี้...การข่าวยิ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก"
เพราะถ้า...การข่าวไม่ดี รัฐบาลก็แย่
แต่ถ้าการข่าวดี...ถูกต้องแม่นยำ...ก็ยังพอสู้ไหว
"ที่บอกว่าสู้ไหว ก็เพื่อจะได้มีเวลาหาทางแก้ไขได้ทันท่วงที ผ่อนหนักให้เป็นเบา...เหตุยึดสี่แยกราชประสงค์ที่ผ่านมานั้น ถือว่า การข่าวล้มเหลวสุดๆ รัฐบาลรู้ช้า...รู้แล้วก็ยังเชื่องช้าอีก ถ้าทำงานกันแบบนี้ รัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบ อย่าไปโวยวาย หรือไปโทษใครอื่น"
สายลับรุ่นใหญ่ให้ทรรศนะต่อไปว่า ซ้ำร้ายไปกว่านั้น...รัฐบาลมีนักกฎหมายเต็มไปหมด ระดับด็อกเตอร์จบมาทั้งนอก...ในประเทศ แต่ดันไปยื่นคำร้องให้ศาลมีคำสั่งห้ามคนเสื้อแดงชุมนุม จนหน้าแตกกลับมา
พูดแบบไม่เข้าข้างใครนะ อย่างนี้...ภาษาชาวบ้านเรียก "หมดน้ำยา"
และที่ค่อนข้างเด่นชัด...รัฐบาลถูกกลุ่มคนเสื้อแดงชิงความได้เปรียบด้านการข่าวแบบเหนือชั้นอยู่หลายครา
อาทิ...การเคลื่อนไหวของเสื้อแดงแต่ละครั้ง แกนนำจะปกปิดเป็นความลับสุดยอด ใครถามเท่าไหร่ก็ไม่พูด นักข่าวสนิทๆ อ้อนวอนเท่าไหร่ก็ปิดปาก
"ความเป็นจริงเขาบอกก็ได้ แต่เขาต้องการหักหน้ารัฐบาล เพราะแกนนำรู้มานานพอสมควรแล้วว่า คนใส่เสื้อแดง หรือหมวกแดง ที่แสดงตัวสู้ตายด้วยกับเขา โดยยืนบ้าง นั่งบ้าง...นอนบ้างอยู่รอบๆเวทีนั้น
ในร้อยคน อย่างน้อยๆ มีสายลับแน่นอน สอง...ถึงสามคน"
อดีตตำรวจใหญ่สันติบาล บอกอีกว่า ปมเหตุที่รัฐบาลเสียท่าบ่อยครั้ง ต้องไม่ลืมด้วยว่า...ม็อบเสื้อแดงเขาก็มีสายลับเช่นกัน บางครั้ง...สายลับเสื้อแดงอาจจะทำงานดีกว่าสายลับรัฐฯเสียด้วย...

เมื่อเร็วๆนี้ ในที่ประชุมในค่ายทหารราบ 11 แท้ๆ ระดับชั้นความลับ
สุดๆ ประชุมเสร็จ...ประธานฯสั่งห้ามทุกคนออกมาพูดข้างนอก ห้ามให้ สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว
"ไม่ถึง 5 นาที...แกนนำม็อบแดงรู้หมดแล้ว เอาความลับในที่ประชุมนำเอามาพูดลั่นบนเวที แสดงว่า...มีทหารเป็นสายลับให้ม็อบแดงหรือเปล่า คิดกันเอาเอง"
สรุปว่า หลักสำคัญของสายลับ...หาข่าว ไม่ว่าหน่วยไหน สายไหน
จำเป็นต้องปิดบังตัวเอง ปลอมตัว ต้องทำตัวกลมกลืนไปกับแหล่งข่าวให้ได้
ต้องมีไหวพริบที่ดี ฉลาดหลักแหลม เก็บความลับเป็นยอด ร่างกายแข็งแรง คิดเร็ว...ทำเร็ว
ที่สำคัญ ต้องจัดเจนในเรื่องวิธีเอาตัวรอด
มีคำตอบที่เตรียมตัวมาอย่างดี มีบัตรปลอมต่างๆ มีอุปกรณ์ของสายลับครบ เช่น
เทป กล้อง อาวุธ รวมไปถึงการแต่งตัว ต้องดูพื้นๆ
อีกทั้งรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ ก็ต้องดูธรรมดาๆ ไม่ใช่ดูเป็นจุดเด่น เป็นที่สนใจของผู้คน
สมัยก่อน...ตำรวจสันติบาลจะใช้นายตำรวจปลอมตัวเป็นหลัก
เพราะคิดว่า เป็นตำรวจสัญญาบัตรแล้ว ต้องเก่ง คนดูไม่ออก
ที่ไหนได้...เดินไปไหน หมายังรู้เลยว่า "เอ็งเป็นตำรวจปลอมตัวมา เพราะดูมีสกุล รูปหล่อ ผมเกรียน ผิวพรรณขาวเหมือนอยู่ในห้องแอร์ มากกว่าเป็นม็อบไร่อ้อยที่มาขับไล่รัฐบาล"
ผ่านมาถึงวันนี้ ในฐานะสายลับรุ่นใหญ่ ลึกๆในใจขอชื่นชมม็อบเสื้อแดง ที่จับสายลับทหารได้หลายคน แล้ว...ก็แจ้งไปที่ต้นสังกัดให้มารับตัวไป
"นี่...ถ้าเป็นสงครามระหว่างประเทศ สายลับทหารเหล่านั้น อาจถูกยิงทิ้งไปหมดแล้วก็เป็นได้" สายลับรุ่นใหญ่กล่าวทิ้งท้าย
คราวนี้มาถึงสายลับตัวจริงเสียงจริงที่ลงพื้นที่ทำงานหาข่าวอยู่ในม็อบแบบถึงลูกถึงคน
เขาขอให้สกู๊ปหน้า 1 เรียกว่า สมชาย วันนี้อายุ 37 ปีแล้ว สังกัดกระทรวงมหาดไทย
"ผม...ต้องเอาเจ้าหน้าที่หญิงแกล้งทำเป็นภรรยา ให้มันดูสมจริง" สมชาย ว่า
"เราถูกส่งมาให้ทำหน้าที่ ถ่ายภาพวีดิโอ เก็บเสียงการปราศรัยแกนนำคนเสื้อแดง...
เวลาไปไหนมาไหนก็จะไปกันสองคน เพราะดูเหมือนสามีภรรยาที่มาม็อบทั่วไป"
สมชายกับคู่หูสายลับหญิงเริ่มงานตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม ผ่านมาถึงวันนี้หลายวันแล้ว
การทำงานยังเป็นไปด้วยดี ไม่มีอะไรที่ทำให้หวาดกลัว
"เรามีทีมงานทั้งหมด 15 คน กระจายไปทั่วทุกมุม จำเป็นต้องสวมเสื้อสีแดงเพื่อความปลอดภัย ซึ่งก็ดูเหมือนสายลับที่ออกมาสืบข่าวทั่วๆไป
แต่ความเป็นจริงแล้ว...กลุ่มแกนนำเสื้อแดงเขาก็รู้ว่า พวกเราเป็นใคร
มีคนมาถามเราก็บอกเขาไปตรงๆ เขาก็รู้ว่าเราทำตามหน้าที่ อีกอย่างเราก็เป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย...
เขาก็ไม่ว่าอะไร แถมยังส่งคนมาดูแลความปลอดภัยให้อีกต่างหาก"
สมชาย บอกว่า การถ่ายภาพม็อบ แต่ก่อนอาจดูเป็นเรื่องแปลก ต้องมีการขับไล่ โห่ไล่ให้ออกไปจากพื้นที่ชุมนุม แต่...ในยุคเสื้อแดงเขาปล่อย ทำงานได้เต็มที่...ถ่ายเสร็จก็เอามาตัดต่อ...ส่งต้นสังกัด เก็บไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งถ่ายทำไปแล้วกว่า 56 แผ่น
ไม่มีเวลาคุยกันยืดยาวเท่าใดนัก ก็ขอถามเป็นคำถามสุดท้าย...จริงไหม?
ที่มีข่าวออกบ่อยๆว่า หน่วยการข่าวและสายลับ มหาดไทย มักรายงานเหตุการณ์ ไม่ตรงความจริง
"เรื่องนี้น่าจะเป็นการเข้าใจผิดมากกว่า เพราะข้อมูลจากสายลับ...ต้องมีความเป็นจริงมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์...
คนมา 5 หมื่น ก็ต้องบอก 5 หมื่น มาแสนก็ต้องบอกแสน"
สมชาย บอกว่า ข่าวที่ออกมาไม่ตรงนั้น ใครเป็นคนให้ข่าวอย่างไรนั้นเราไม่ทราบ แต่...
พวกเราที่ทำงานในสนาม ต้องรายงานความจริงทั้งหมด
"บางที่เราฟังรายงานข่าวจากสำนักข่าวแห่งหนึ่งทางทีวีว่า จำนวนคนเสื้อแดงมากันไม่เกิน 5 หมื่น ฟังแล้วตกใจ ไม่รู้เขาคำนวณแบบไหนกัน...ทั้งที่ในความเป็นจริง คนมากว่า 1.5 แสนคนเข้าไปแล้ว"
สมชายทิ้งท้ายว่า
นี่ไง...ที่ทำให้แกนนำส่งคนมาดูแลเราตลอด
เพราะเขารู้ว่า เรารายงานอะไรอย่างตรงไปตรงมา...อย่างที่รู้ๆกัน
คนเสื้อแดงเขามีสายลับของเขาในกระทรวงฯ จนพูดได้ว่า...
สายลับฝ่ายเขาก็เก่งเข้าขั้นทีเดียว
ฉะนั้น ความแม่นยำการข่าวจึงไม่ได้อยู่ที่จำนวนสายลับที่มีอยู่ ทุกหัวระแหง
แต่ขึ้นอยู่กับเชิง...ใครจะดี รวดเร็ว แม่นยำกว่ากัน.
แต่กรอบหลัก ยังคงอยู่ที่การรักษาความสงบเรียบร้อย ทำให้ความขัดแย้งในบ้านเมืองเดินไปสู่ข้อยุติโดยเร็ว
หนึ่งใน "หัวใจ..." สำคัญคือ "การข่าว" ...ว่ากันว่า ต้องแม่นยำ รวดเร็ว รู้ ความเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.ชนิดนาทีต่อนาที
อีกทั้งยังต้องรู้สถานการณ์ของฝ่าย "มือที่สาม" ที่เชื่อได้ว่าน่าจะรอจังหวะเหมาะๆ เติมเชื้อไฟให้สถานการณ์เลวร้ายมากยิ่งขึ้น
แน่นอน...หน้าที่หาข่าวจะเป็นหน้าที่รับผิดชอบของขบวนการ "สายลับ"
เมื่อรู้แล้วว่าสายลับมีหน้าที่สำคัญอย่างนี้ ก็ต้องสืบสาวกันต่อไปอีกสักหน่อยว่า สายลับเขาทำงานกันอย่างไร
นอกจากนี้แล้ว สายลับเหล่านี้ทำเพื่ออะไร? และใครกันที่เหมาะกับงานสายลับ?
"สถานการณ์บ้านเมือง...มาถึงในขั้นนี้แล้ว ต้องยอมรับว่าสายลับทำงานหนักแน่และต้องเสี่ยงเป็นพิเศษ..."

พลตำรวจตรี วัย 62 ปี วันนี้เกษียณราชการแล้ว แต่มีประสบการณ์เชี่ยวกรำอยู่กับงานข่าวกรองตำรวจสันติบาลมานาน สะท้อนความคิด
สายลับรุ่นใหญ่คนนี้ หน้าที่ดั้งเดิมคลุกคลีอยู่กับการสืบเสาะหาความเคลื่อนไหวทางด้านการเมืองและความมั่นคงของประเทศ บอกต่อไปอีกว่า...
"แต่ละหน่วย อันเป็นฝ่ายรัฐบาล ประกอบด้วย มหาดไทย กลาโหม หรือ กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือฝ่ายศูนย์ ศอ.รส. หรือฝ่ายที่ขึ้นตรงต่อนายกฯรองนายกฯโดยตรง รวมไปถึงฝ่ายการทหารจากทัพบก...เรือ...อากาศ
หน่วยงานเหล่านี้ ต้องส่งคนออกหาข่าวทั้งสิ้น..."
วันนี้ สายลับจะเฉยนอนนิ่ง หาข่าวทางทีวี วิทยุ เหมือนก่อนไม่ได้แล้ว กลับกันถ้ามีลูกน้องในสังกัดกี่คน ก็ต้องส่งออกไปอยู่ในพื้นที่ให้หมด นอกจากนี้ยังต้องติดตามข่าวเพิ่มเติมในหน้าหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต เพื่อเอามาประมวลผล...เป็นรายชั่วโมง
ความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ม็อบวันนี้ ไม่เฉพาะแต่ข่าวในหน่วยของตัวเองเท่านั้น ยังต้องประสานรับข่าวจากหน่วยงานอื่นๆด้วย เพื่อวิเคราะห์ ประมวลผล ย้ำข้อมูลที่ชัดเจนที่สุด
ว่ากันตามลักษณะงานสายลับ โดยเฉพาะลงในพื้นที่หาข่าว...ใช่ว่าจะหาเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล ยังต้องกระจายกำลังสายข่าวออกไปถึงต่างจังหวัด
สายลับรุ่นใหญ่ ยกตัวอย่าง กรณีแกนนำ นปช.ประกาศ ว่า...วันที่ 14 มีนาคม จะมีการเคลื่อนไหวแดงทั้งแผ่นดินมากดดันรัฐบาล แบบนี้หน่วยข่าวกรองหรือไม่กรองก็ต้องร้อนก้น จะต้องออกไปหาข่าวยังต่างจังหวัด ว่าที่...แกนนำพูดนั้น เป็นจริงหรือไม่...อย่างไร
"ตีวงแคบลงมาอีกหน่อย...ในส่วนของม็อบเสื้อแดงที่ปักหลักอยู่บนถนนราชดำเนิน แยกราชประสงค์...คะเนกันว่ามีผู้เข้าร่วมน่าจะหลักแสนคนขึ้นไปอย่างนี้...การข่าวยิ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก"
เพราะถ้า...การข่าวไม่ดี รัฐบาลก็แย่
แต่ถ้าการข่าวดี...ถูกต้องแม่นยำ...ก็ยังพอสู้ไหว
"ที่บอกว่าสู้ไหว ก็เพื่อจะได้มีเวลาหาทางแก้ไขได้ทันท่วงที ผ่อนหนักให้เป็นเบา...เหตุยึดสี่แยกราชประสงค์ที่ผ่านมานั้น ถือว่า การข่าวล้มเหลวสุดๆ รัฐบาลรู้ช้า...รู้แล้วก็ยังเชื่องช้าอีก ถ้าทำงานกันแบบนี้ รัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบ อย่าไปโวยวาย หรือไปโทษใครอื่น"
สายลับรุ่นใหญ่ให้ทรรศนะต่อไปว่า ซ้ำร้ายไปกว่านั้น...รัฐบาลมีนักกฎหมายเต็มไปหมด ระดับด็อกเตอร์จบมาทั้งนอก...ในประเทศ แต่ดันไปยื่นคำร้องให้ศาลมีคำสั่งห้ามคนเสื้อแดงชุมนุม จนหน้าแตกกลับมา
พูดแบบไม่เข้าข้างใครนะ อย่างนี้...ภาษาชาวบ้านเรียก "หมดน้ำยา"
และที่ค่อนข้างเด่นชัด...รัฐบาลถูกกลุ่มคนเสื้อแดงชิงความได้เปรียบด้านการข่าวแบบเหนือชั้นอยู่หลายครา
อาทิ...การเคลื่อนไหวของเสื้อแดงแต่ละครั้ง แกนนำจะปกปิดเป็นความลับสุดยอด ใครถามเท่าไหร่ก็ไม่พูด นักข่าวสนิทๆ อ้อนวอนเท่าไหร่ก็ปิดปาก
"ความเป็นจริงเขาบอกก็ได้ แต่เขาต้องการหักหน้ารัฐบาล เพราะแกนนำรู้มานานพอสมควรแล้วว่า คนใส่เสื้อแดง หรือหมวกแดง ที่แสดงตัวสู้ตายด้วยกับเขา โดยยืนบ้าง นั่งบ้าง...นอนบ้างอยู่รอบๆเวทีนั้น
ในร้อยคน อย่างน้อยๆ มีสายลับแน่นอน สอง...ถึงสามคน"
อดีตตำรวจใหญ่สันติบาล บอกอีกว่า ปมเหตุที่รัฐบาลเสียท่าบ่อยครั้ง ต้องไม่ลืมด้วยว่า...ม็อบเสื้อแดงเขาก็มีสายลับเช่นกัน บางครั้ง...สายลับเสื้อแดงอาจจะทำงานดีกว่าสายลับรัฐฯเสียด้วย...

อ้างถึง
เมื่อเร็วๆนี้ ในที่ประชุมในค่ายทหารราบ 11 แท้ๆ ระดับชั้นความลับ
สุดๆ ประชุมเสร็จ...ประธานฯสั่งห้ามทุกคนออกมาพูดข้างนอก ห้ามให้ สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว
"ไม่ถึง 5 นาที...แกนนำม็อบแดงรู้หมดแล้ว เอาความลับในที่ประชุมนำเอามาพูดลั่นบนเวที แสดงว่า...มีทหารเป็นสายลับให้ม็อบแดงหรือเปล่า คิดกันเอาเอง"
สรุปว่า หลักสำคัญของสายลับ...หาข่าว ไม่ว่าหน่วยไหน สายไหน
จำเป็นต้องปิดบังตัวเอง ปลอมตัว ต้องทำตัวกลมกลืนไปกับแหล่งข่าวให้ได้
ต้องมีไหวพริบที่ดี ฉลาดหลักแหลม เก็บความลับเป็นยอด ร่างกายแข็งแรง คิดเร็ว...ทำเร็ว
ที่สำคัญ ต้องจัดเจนในเรื่องวิธีเอาตัวรอด
มีคำตอบที่เตรียมตัวมาอย่างดี มีบัตรปลอมต่างๆ มีอุปกรณ์ของสายลับครบ เช่น
เทป กล้อง อาวุธ รวมไปถึงการแต่งตัว ต้องดูพื้นๆ
อีกทั้งรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ ก็ต้องดูธรรมดาๆ ไม่ใช่ดูเป็นจุดเด่น เป็นที่สนใจของผู้คน
สมัยก่อน...ตำรวจสันติบาลจะใช้นายตำรวจปลอมตัวเป็นหลัก
เพราะคิดว่า เป็นตำรวจสัญญาบัตรแล้ว ต้องเก่ง คนดูไม่ออก
ที่ไหนได้...เดินไปไหน หมายังรู้เลยว่า "เอ็งเป็นตำรวจปลอมตัวมา เพราะดูมีสกุล รูปหล่อ ผมเกรียน ผิวพรรณขาวเหมือนอยู่ในห้องแอร์ มากกว่าเป็นม็อบไร่อ้อยที่มาขับไล่รัฐบาล"
ผ่านมาถึงวันนี้ ในฐานะสายลับรุ่นใหญ่ ลึกๆในใจขอชื่นชมม็อบเสื้อแดง ที่จับสายลับทหารได้หลายคน แล้ว...ก็แจ้งไปที่ต้นสังกัดให้มารับตัวไป
"นี่...ถ้าเป็นสงครามระหว่างประเทศ สายลับทหารเหล่านั้น อาจถูกยิงทิ้งไปหมดแล้วก็เป็นได้" สายลับรุ่นใหญ่กล่าวทิ้งท้าย
คราวนี้มาถึงสายลับตัวจริงเสียงจริงที่ลงพื้นที่ทำงานหาข่าวอยู่ในม็อบแบบถึงลูกถึงคน
เขาขอให้สกู๊ปหน้า 1 เรียกว่า สมชาย วันนี้อายุ 37 ปีแล้ว สังกัดกระทรวงมหาดไทย
"ผม...ต้องเอาเจ้าหน้าที่หญิงแกล้งทำเป็นภรรยา ให้มันดูสมจริง" สมชาย ว่า
"เราถูกส่งมาให้ทำหน้าที่ ถ่ายภาพวีดิโอ เก็บเสียงการปราศรัยแกนนำคนเสื้อแดง...
เวลาไปไหนมาไหนก็จะไปกันสองคน เพราะดูเหมือนสามีภรรยาที่มาม็อบทั่วไป"
สมชายกับคู่หูสายลับหญิงเริ่มงานตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม ผ่านมาถึงวันนี้หลายวันแล้ว
การทำงานยังเป็นไปด้วยดี ไม่มีอะไรที่ทำให้หวาดกลัว
"เรามีทีมงานทั้งหมด 15 คน กระจายไปทั่วทุกมุม จำเป็นต้องสวมเสื้อสีแดงเพื่อความปลอดภัย ซึ่งก็ดูเหมือนสายลับที่ออกมาสืบข่าวทั่วๆไป
แต่ความเป็นจริงแล้ว...กลุ่มแกนนำเสื้อแดงเขาก็รู้ว่า พวกเราเป็นใคร
มีคนมาถามเราก็บอกเขาไปตรงๆ เขาก็รู้ว่าเราทำตามหน้าที่ อีกอย่างเราก็เป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย...
เขาก็ไม่ว่าอะไร แถมยังส่งคนมาดูแลความปลอดภัยให้อีกต่างหาก"
สมชาย บอกว่า การถ่ายภาพม็อบ แต่ก่อนอาจดูเป็นเรื่องแปลก ต้องมีการขับไล่ โห่ไล่ให้ออกไปจากพื้นที่ชุมนุม แต่...ในยุคเสื้อแดงเขาปล่อย ทำงานได้เต็มที่...ถ่ายเสร็จก็เอามาตัดต่อ...ส่งต้นสังกัด เก็บไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งถ่ายทำไปแล้วกว่า 56 แผ่น
ไม่มีเวลาคุยกันยืดยาวเท่าใดนัก ก็ขอถามเป็นคำถามสุดท้าย...จริงไหม?
ที่มีข่าวออกบ่อยๆว่า หน่วยการข่าวและสายลับ มหาดไทย มักรายงานเหตุการณ์ ไม่ตรงความจริง
"เรื่องนี้น่าจะเป็นการเข้าใจผิดมากกว่า เพราะข้อมูลจากสายลับ...ต้องมีความเป็นจริงมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์...
คนมา 5 หมื่น ก็ต้องบอก 5 หมื่น มาแสนก็ต้องบอกแสน"
สมชาย บอกว่า ข่าวที่ออกมาไม่ตรงนั้น ใครเป็นคนให้ข่าวอย่างไรนั้นเราไม่ทราบ แต่...
พวกเราที่ทำงานในสนาม ต้องรายงานความจริงทั้งหมด
"บางที่เราฟังรายงานข่าวจากสำนักข่าวแห่งหนึ่งทางทีวีว่า จำนวนคนเสื้อแดงมากันไม่เกิน 5 หมื่น ฟังแล้วตกใจ ไม่รู้เขาคำนวณแบบไหนกัน...ทั้งที่ในความเป็นจริง คนมากว่า 1.5 แสนคนเข้าไปแล้ว"
สมชายทิ้งท้ายว่า
นี่ไง...ที่ทำให้แกนนำส่งคนมาดูแลเราตลอด
เพราะเขารู้ว่า เรารายงานอะไรอย่างตรงไปตรงมา...อย่างที่รู้ๆกัน
คนเสื้อแดงเขามีสายลับของเขาในกระทรวงฯ จนพูดได้ว่า...
สายลับฝ่ายเขาก็เก่งเข้าขั้นทีเดียว
ฉะนั้น ความแม่นยำการข่าวจึงไม่ได้อยู่ที่จำนวนสายลับที่มีอยู่ ทุกหัวระแหง
แต่ขึ้นอยู่กับเชิง...ใครจะดี รวดเร็ว แม่นยำกว่ากัน.