บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2551

เอแบคโพลชี้ปชช.หนุนแก้รธน.-ดึง111ทรท.ช่วยงานรัฐบาล

วันนี้ (26 มี.ค.) ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบคนวัตกรรมทางสังคม การจัดการและธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (The ABAC Social Innovation in Management and Business Analysis) เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง การแก้ไขรัฐธรรมนูญในสายตาประชาชน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งใน 18 จังหวัดของประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 3,425 ตัวอย่าง ซึ่งมีระยะเวลาการดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 23-25 มีนาคม พ.ศ. 2551 ผลสำรวจพบว่าประชาชนที่ถูกศึกษาส่วนใหญ่เกินกว่าร้อยละ 80 ติดตามข่าวการเมืองเป็นประจำทุกสัปดาห์
ประเด็นสำคัญที่ค้นพบคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 79.9 ทราบข่าวความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน และเมื่อถามถึงจุดด้อยของรัฐธรรมนูญที่ต้องแก้ไข พบว่า ร้อยละ 34.7 ระบุกฎระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับพรรคการเมือง การยุบพรรคการเมือง บทลงโทษพรรคการเมืองที่กระทำผิด ร้อยละ 25.4 เกี่ยวกับการได้มาของ ส.ส. และ ส.ว. ร้อยละ 22.2 ทำให้รัฐบาลอ่อนแอ ทำงานให้ประชาชนไม่ได้ ร้อยละ 9.0 เกี่ยวกับผลประโยชน์ของนักการเมือง ร้อยละ 12.4 เกี่ยวกับการได้มาซึ่งองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ กฎระเบียบข้อบังคับของสังคม การมีส่วนร่วมของคนในสังคม สิทธิมนุษยชน และความเป็นกลางของรัฐธรรมนูญ ในขณะที่ร้อยละ 28.4 ระบุไม่มีจุดอ่อนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง
เมื่อถามถึงจุดดีของรัฐธรรมนูญ พบว่า ร้อยละ 24.8 ระบุเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น ร้อยละ 18.1 ระบุเป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากการลงประชามติ ร้อยละ 15.4 ระบุเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน ร้อยละ 14.6 เห็นว่าทำให้ประเทศชาติเปลี่ยนแปลงดีขึ้น ร้อยละ 14.4 ระบุเรื่องความเข้มงวดในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ร้อยละ 11.9 ระบุเป็นเรื่องความยุติธรรมและความเป็นธรรมต่อประชาชน ร้อยละ 9.2 เห็นว่ามีพื้นฐานมาจากรัฐธรรมนูญฉบับเดิม และสามารถควบคุมพรรคการเมืองได้ดี ในขณะที่ร้อยละ 29.6 ระบุว่าไม่มีจุดดีในมาตราที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง
เมื่อประเมินจุดดีและจุดด้อยของรัฐธรรมนูญโดยภาพรวม พบว่า เกือบครึ่งหรือร้อยละ 49.2 ระบุว่า พอๆ กัน ในขณะที่ร้อยละ 24.3 ระบุมีจุดด้อยมากกว่า และร้อยละ 26.5 ระบุมีจุดดีมากกว่า
ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 59.3 เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะ อยากให้เกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อให้ประเทศไทยเกิดความสงบสุข และการเมืองเข้มแข็งขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 32.9 ไม่เห็นด้วย เพราะ มีการเบี่ยงเบนสาเหตุที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นการแก้ไขเพื่อประโยชน์เฉพาะกลุ่ม และเกรงว่าจะเกิดความวุ่นวายขึ้น และร้อยละ 7.8 ไม่มีความเห็น
และในกลุ่มประชาชนที่ต้องการให้แก้ไขประมาณครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 49.1 ต้องการให้แก้ไขทุกมาตรายกเว้นที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ในขณะที่ร้อยละ 40.4 ต้องการให้แก้ไขที่เกี่ยวกับการยุบพรรคการเมือง และร้อยละ 10.5 ไม่มีความเห็น อย่างไรก็ตาม ประชาชนเกินครึ่งหรือร้อยละ 55.2 ต้องการให้แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจก่อน ในขณะที่ร้อยละ 37.6 เห็นควรแก้ไขไปพร้อมๆ กัน มีเพียงร้อยละ 5.9 เห็นควรให้แก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน และร้อยละ 1.3 ไม่มีความเห็น
นอกจากนี้ ประชาชนประมาณครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 51.7 เห็นว่ารัฐบาลควรมีแนวทางให้อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คน ได้มาช่วยงานรัฐบาลในขณะนี้ เพราะมีความสามารถ มีศักยภาพในการทำงาน บ้านเมืองกำลังประสบปัญหาต้องช่วยกัน มีประสบการณ์การทำงาน และอยากให้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง ในขณะที่ร้อยละ 41.6 ไม่เห็นด้วย เพราะ เป็นการละเมิดกติกา เกรงว่าจะเข้ามาทำเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวายตามมา และร้อยละ 6.7 ไม่มีความเห็น


จาก hi-thaksin

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker