เปิดฉากด้วยคิวของนายสุนัย มโนมัยอุดม ผู้โชคดีทางบ้านรายแรกที่ประเดิมเกมผลัดอำนาจ โดนเด้งจากเก้าอี้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปนั่งรักษาการในตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานป้องกัน และปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ปปท.)
ตามมาติดๆด้วยรายของ นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดนเชือดสังเวยซีแอลยา ไม่ทันได้หายใจหายคอก็ตามด้วยคำสั่งย้ายนายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ไปนั่งบีบสิวช่วยราชการอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล
และล่าสุดสดๆร้อนๆถึงคิวฟ้าผ่ากรมปทุมวัน คำสั่งให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมโดนตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง
4 รายซ้อนๆภายใน 2 สัปดาห์
เป็นไปตามที่ “ลุงหมัก” นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกมาส่งสัญญาณนำร่อง รัฐบาลจะคืนความเป็นธรรมให้กับข้าราชการที่โดนโยกย้าย อย่างไม่เป็นธรรมในสมัยรัฐบาลที่มาจากคณะรัฐประหาร
เดินหน้าแผนหักดิบเครือข่ายมือที่มองไม่เห็น ไม่ให้มีหน้าที่ทำ
มายังไงก็ไปอย่างนั้น
ไอ้ที่อ้างกันเรื่องการโยกย้ายเพื่อความเหมาะสม มันก็แค่ประโยคพื้นๆที่เอาไว้บันทึกในหนังสือราชการ
ออกตัวกันตามสคริปต์
แต่เบื้องลึกเบื้องหลัง มันก็รู้ๆกัน โดยเงื่อนไขการล้างบางแต่ละคิวมันแฝงรอยแค้นอยู่
นายสุนัยผู้มีผลงานโดดเด่นในการเดินหน้าไล่บี้คดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท เอสซี แอสเสท จำกัด (มหาชน) จนถึงขั้นที่ลากเอา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา เข้ามอบตัว พิมพ์ลายนิ้วมือในฐานะผู้ต้องหา
เมื่อถูกส่งมาทุบกันโดยเฉพาะกิจ ก็โดนเด้งเป็นการเฉพาะเจาะจง
เช่นเดียวกับนายปราโมชผู้ฝากรอยแค้นไว้ให้ทีมงานพีทีวีที่มีคนชื่อ “จักรภพ เพ็ญแข” เป็นหัวหอกใหญ่ ไล่ทุบไล่ต้อน บล็อกไม่ให้ฝ่ายเชียร์ทักษิณออกอากาศ ในทางตรงกันข้ามก็เปิดทางให้สื่อขาใหญ่ค่ายพันธมิตรฯ จัดรายการออกช่อง 11
เคยเลือกปฏิบัติมา ก็ต้องเจอเลือกปฏิบัติไป
ในขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ก็ไม่ใช่ย่อย กับบทเฮี้ยวๆเฮี้ยบๆในการล็อกตัวแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปก.) ส่งตัวไปนอนเรือนจำคลองเปรม ลิ้มรสชาติการติดคุก โทษฐานบุกล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ ตะโกนด่า “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
ที่สำคัญเลย การเข้าสู่เก้าอี้ ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็ถือเป็นวิบากกรรมของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีต ผบ.ตร. ที่ตกเก้าอี้ไปแบบบอบช้ำ
บู๊หักดิบเขามา ก็เลยเจอคิวหักดิบโหดๆไป
แน่นอน โดยกระบวนท่าที่ออกมาในลักษณะทีใครทีมัน รัฐบาล “สมัคร 1” เปิดปฏิบัติการย้ายล้างบางข้าราชการระดับบิ๊กที่ได้รับแต่งตั้งในยุครัฐบาลจากการรัฐประหาร
ปากบอก “สมานฉันท์” แต่พฤติกรรมส่งสารท้ารบ
เกมไม่น่าจะจบง่ายๆ
แต่ก็เป็นอะไรที่น่าจับตา กับปรากฏการณ์ขับเคลื่อนของนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ในนามเลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย (สปท.) จับมือกับ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในสถานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐของ สปท. แท็กทีมแถลงข่าวเปิดหน้าโชว์ตัวแนวร่วม
ไล่ตั้งแต่ “บุรุษคาบไปป์” น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ สนช. รับบทประธานที่ปรึกษา สปท. นายปราโมทย์ นาครทรรพ นายไพศาล พืชมงคล นายประพันธ์ คูณมี นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ นางมาลีรัตน์ แก้วก่า รั้งหน้าที่ทีมกุนซือ
ม็อบต้าน “ทักษิณ” แตกตัว
เสมือนเปิดแบรนด์ใหม่ เตรียมค่ายรวมพลสำรอง ภายหลังจากชื่อของพันธมิตรฯลดพลังลงไปตามกาลเวลาและธาตุแท้ ของคน
มนต์ไม่ขลังเหมือนเก่า.
ทีมการเมือง
คอลัมน์ ข่าวการเมือง(วิเคราะห์)