บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2551

แกล้งจน ทำรวย

การเมือง…อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นใครที่ดูเหมือนจะ “โคตรรวย” ทำตัวดุจเป็น “กระเป๋าเงิน” ของพรรคการเมือง แต่พอเอาเข้าจริงกลับจน...จนน่าสงสัยว่าการเข้ามาทำหน้าที่ “เสนาบดี” ในครั้งนี้ จะมีปัญหาอะไรตามมาหรือไม่???

ก็ขนาดหนี้สิน ยังมี “บานเบอะ” ออกปานนั้นแล้วจะเอาความสำเร็จอะไรมาเป็นหลักประกันว่า...จะปฏิบัติภารกิจตามนโยบายของรัฐบาลได้กลับกัน ฝ่ายที่เหมือนจะเป็น “คนจน” กาแฟสักถ้วย...ก็ไม่เคยเลี้ยงใครแต่ยามที่ต้อง “เปิดกระเป๋า” ให้สาธารณชนได้ดูกันทั่ว แปลกแฮะ!!! ไม่ได้จนเลยนี่หว่า???

หันมาดูที่ซีก “คนแกล้งจน” กันก่อน โดยเฉพาะในซีกของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่ง “ลมเปลี่ยนทิศ” แห่ง นสพ.ไทยรัฐ ได้เขียนถึงเอาไว้ว่า..“ที่น่าเซอร์ไพรส์ก็คือ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ใครๆ ก็คิดว่ายากจนกว่า ส.ส.พรรคพลังประชาชน แต่ผลกลับปรากฏว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ล้วนแต่รํ่ารวยกันถ้วนหน้า ส่งผลให้พรรคประชาธิปัตย์กลายเป็นพรรคที่รวยอันดับ 1 ในสภา ส.ส. 163 คน มีทรัพย์สินรวมกันกว่า 13,524 ล้านบาท

รวยที่สุดในพรรคประชาธิปัตย์ ก็คือ กรณ์ จาติกวณิช รวยกว่า 929 ล้านบาท รองลงมา คือ สาคร เกี่ยวข้อง รวยกว่า 865 ล้านบาท ตามด้วย สุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ รวยกว่า 782 ล้านบาท”สำหรับหัวหน้าพรรคฯ อย่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แม้จะมีทรัพย์สินส่วนตัวไม่มากนัก แค่ 36 ล้านบาทเศษ เมื่อรวมกับของภรรยาอีกกว่า 14 ล้านบาท50 ล้านบาท ก็ไม่ถือว่าน้อยยิ่งตัวเลขาฯ พรรค นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แล้ว แม้จะมีหนี้สิน 64.3 ล้านบาท แต่ก็มีทรัพย์สินที่มากถึง 103 ล้านบาท ไม่ธรรมดามากๆ

ไม่ธรรมดา เพราะคนของพรรคการเมืองเก่าแก่เช่นนี้ ไม่เคยโพทะนาเลยว่า...ตัวเองร่ำรวยขนาดมี ส.ส. รวมกันทั้งพรรคฯ มากถึง 1.35 หมื่นล้านบาทรวยมากสุดเป็นอันดับ 1ทั้งๆ ที่มีจำนวน ส.ส. เป็นอันดับ 2 ห่างจากพรรคพลังประชาชนเกือบ 70 คน แต่กลับมีทรัพย์สินรวมกันมากกว่า 2.3 พันล้านบาทโอกาสที่คนภายนอกจะเห็น ส.ส. ไม่ว่าจะในระดับธรรมดาหรือกรรมการบริหารพรรคฯ นั่นรถเบนซ์คันหรูหรือยี่ห้ออภิมหาโคตรแพงแล้ว

ยากมากอย่างเก่ง...ก็แค่รถตู้ยี่ห้อโฟล์ค สนนราคาแค่ 4 ล้านบาทเศษ ไปไหนมาไหนแบบ “มาไป” กันเป็นกลุ่มโหนกันไปภาพลักษณ์ภายนอกจึงดูไม่ออกว่า ฟากพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นคนที่ร่ำรวยมหาศาลถึงปานนั้นแหม! หลายคนเล่นการเมืองมากกว่าทำธุรกิจ แล้วเหตุใด...ก็รวยได้ถึงปานฉะนี้???ใครที่ได้เห็น ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ เดินสายหาเสียง

ยกมือท่วมหัวแล้วบอกกับชาวบ้านทำนองว่า...“ผมมาขอคะแนนเสียง ไม่มีเงินทองมาแจกจ่ายเหมือนกับหลายพรรค มีแต่หัวใจและความดีเท่านั้น” แหม! ใครยินอย่างนี้โดยเฉพาะพี่น้องภาคใต้ ก็ต้องเทใจให้คะแนนกันจมกระเบื้องอย่างที่รู้ๆ กันผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ต้องใช้เงินผิดประเภท สำหรับพื้นที่หาเสียงในจังหวัดภาคใต้คนใต้และส่วนใหญ่ของคนกรุงเทพฯ ก็เลยหลงเชื่อว่า...คนจากพรรคการเมืองนี้...จนจริง!!!

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า...เมื่อเห็นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำการเปิดกระเป๋าของนักการเมืองพรรคนี้ออกมาแล้วจะรู้สึกกันอย่างไร???รวยจริง แต่แกล้งจนนี่หว่า!!!ก็ว่ากันไป...หันไปสำรวจกับซีกของทำเหมือนดูเป็นโคตรพญามหาเศรษฐี อย่าง...พรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นพรรคแกนนำของรัฐบาล ชุดที่มี นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีกันบ้างอย่างนี้...น่าจะเรียกว่า...แกล้งจน!!ทีนี้มาถึงเรื่อง “ทำรวย” กันบ้าง...เป็นความจริงอย่างหนึ่ง...

ไม่มีรัฐมนตรีคนไหนแจ้งทรัพย์สินความความเป็นจริง ต้องมีกั๊ก มีเม้ม มีซุกเป็นธรรมดาแจงทรัพย์สินครั้งนี้ มีรัฐมนตรีหลายคน “ยากจนกว่าความเป็นจริง” เริ่มต้นจาก สมัคร สุนทรเวช มีทรัพย์สิน 9,082,771 บาท สภากาแฟฟังแล้วเครียด!!ลงระดับนายกรัฐมนตรีมีเงินแค่นี้ ชาวบ้านธรรมดาที่ถูกเรียก “รากหญ้า” จะมีสักคนละกี่สลึงเฟื้อง??หันมามองรองนายกรัฐมนตรี “หมอเลี้ยบ” น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี คุมการเงินการคลังของประเทศ แต่มีทรัพย์สินติดตัวอยู่เพียง 27 ล้านเศษๆแต่ยังดีที่ไม่มีหนี้สิน!!

อีกคนที่แฟนคลับผิดหวังแกมกังวล คือ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ที่ถือกันว่าเป็นกระทรวงใหญ่ที่สุด มีผลประโยชน์มากที่สุด ได้แก่ กระทรวงคมนาคมสันติ พร้อมพัฒน์ เป็นใครมาจากไหนไม่รู้ จู่ๆ มานั่ง “ว่าการ” กระทรวงขุมทรัพย์ ก็ต้องมีคนจ้อง “เอ็กซเรย์” กันเป็นพิเศษผลปรากฏออกมาว่า...เจ้าสัวสันติแจ้งทรัพย์สินแบบ “คนที่ไม่รวยจริง” มีเงินในบัญชีแค่ 7,583,115 บาท น้อยกว่าเซลส์แมนขาย “ชาเขียวโออิชิ”

แถม...น่าช็อกตาย ก็คือตัวเลขที่เป็นหนี้มีถึง 121,416,983 บาท!!
แปลว่า...สันติมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินบานตะเกียง!! เข้าข่ายมีหนี้สินล้นพ้นตัว ก็ไม่รู้ว่านายกฯ สมัคร ไปพลาดท่าตั้งเสี่ยสันติขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี ในกระทรวงที่เป็น “ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า” ได้อย่างไร??บางคนพูดวิจารณ์แบบคนปากมาก รู้มาก!! ประมาณว่าสันติเป็น “นอมินี” ของ “เสี่ยเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่มี “ความหลังฝังใจ” กับกระทรวงนี้มาก

พงษ์ศักดิ์จึงลุ้นให้สันติเป็น รมว.คมนาคม โดยการรับรู้และอนุมัติของ “แม้ว”สันติไม่ได้เป็น “คนหน้าใหม่” ของกระทรวงคมนาคม แต่เขาเคยนั่งอยู่ “หน้าห้อง” ของ พิเชษฐ สถิรชวาล ในสมัยคุณพิเชษฐเป็น รมช.กระทรวงนี้ และก่อนหน้านี้ก็นั่งอยู่เป็นที่ปรึกษา รมช.พิเชษฐ ที่กระทรวงอุตสาหกรรม
ดังนั้น คนที่รู้กำพืดและรู้อะไรที่ลึกๆ (ที่สุด) ของคุณสันติ จึงน่าจะเป็น “พิเชษฐ” มากกว่าคนอื่น (ไม่เชื่อก็ลองให้คุณพิเชษฐเล่าให้ฟัง)

แต่ตอนนี้....คุณสันติกับคุณพิเชษฐห่างกันนานแล้ว นานขนาดถ้าใครโทรหาใคร อีกฝ่ายก็ไม่รับสาย!!ทีนี้ลองมาฟัง สันติ พร้อมพัฒน์ พูดถึงตัวเองดูมั่งมีหลายคนสงสัย ทำไมถึงได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่อย่างคมนาคม?? สันติพูดเต็มเสียงว่า...“ผมอาวุโสในพรรคค่อนข้างสูง เพราะพรรคพลังประชาชนตั้งขึ้นใหม่ บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในพรรคไทยรักไทยเดิมอยู่บ้านเลขที่ 111 เป็นส่วนใหญ่ หลังต่อสู้ชนะเลือกตั้งจึงได้เข้ามาทำงาน”

“อีกอย่าง คนเห็นว่าตั้งแต่ปี 38 ผมได้ทำงานที่กระทรวงคมนาคมหลายครั้ง เช่น สมัยอยู่พรรคความหวังใหม่ เป็นที่ปรึกษาของอาจารย์วันนอร์ (นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา) เคยอยู่กระทรวงพาณิชย์ สมัยท่านชูชีพ (นายชูชีพ หาญสวัสดิ์) ไปอยู่ทบวงมหาวิทยาลัย สมัย นายมนตรี ด่านไพบูลย์ เคยเป็นเลขานุการ รมว.แรงงาน” “จากนั้นย้ายมาอยู่พรรคไทยรักไทย แล้วมาเป็นที่ปรึกษา รมว.อุตสาหกรรม สมัย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เมื่อ นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี เป็น รมช.คมนาคม ผมก็มาเป็นที่ปรึกษา จึงถือว่ามีความรู้ความสามารถและเข้าใจงานกระทรวงคมนาคม”

ถึงตอนนี้...เขาก็เลี่ยงที่จะพูดถึงหรือเอ่ยชื่อ “พิเชษฐ สถิรชวาล” ที่เขาเคยนั่งเป็นที่ปรึกษามา 2 กระทรวงเหมือนกับที่เขา “เล่าข้าม” ถึงความมั่งคั่งที่เขา (เคย) มีทรัพย์สินมากมายมหาศาล ตั้งแต่อาคารศูนย์การค้า ไม่ว่าจะเป็นอาคารศูนย์การค้าแถวถนนรัชดา ที่ขายให้เจ้าสัว เจริญ สิริวัฒนภักดี ไปหลายร้อยล้าน และเพิ่งถูกโดนอัคคีภัยเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

ไม่พูดถึง “อู่รถแท็กซี่” ที่มีเป็นพันๆ คน“สันติ” เป็นรัฐมนตรีโนเนมที่ก้าวเข้ารับตำแหน่งใหญ่ “รมว.คมนาคม” เก้าอี้กระทรวงเกรดเอ อันเป็นที่หมายปองของนักการเมืองระดับแกนนำชื่อของเขาติดโผเหนียวหนึบมาตั้งแต่แรก แม้จะมีข่าวว่านายกฯ สมัคร สุนทรเวช พยายามแซะแต่ไม่เป็นผล เพราะ “นายใหญ่” สั่งล็อกสเปกไว้เอง!!บทบาทในพรรคพลังประชาชน นอกจากเป็น ส.ส.สัดส่วนกลุ่มภาคเหนือตอนล่าง ยังคือ นายทุนพรรคตัวจริงเป็นท่อน้ำเลี้ยงในการเลือกตั้งที่ผ่านมา แทน เฮียเพ้ง-พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล คนสนิทอดีตนายกฯ ที่โดนตัดสิทธิเขาเล่ากันอีกแหละว่า...พื้นที่แถวภาคกลางตอนบนและอีสานบางส่วนเลยชุ่มชื่น

เย็นฉ่ำ เพราะความใจป้ำจ่ายหนักไม่เคยปริปากของ “สันติ” จนเก้าอี้ รมว.คมนาคม หล่นใส่ เพราะการแจ้งทรัพย์สินว่ามีแต่หนี้ มีเงินแค่ 7 ล้าน มันก็ค้านกับกับข่าวจากสนามเลือกตั้งที่ออกมาว่า...เป็นนายทุนพรรคตัวจริงสันติตอบประเด็นนี้ เหมือนทำท่าจะถ่อมตน?? “ต้องขอบคุณสื่อที่ให้เกียรติ ผมคงไม่มีศักยภาพขนาดนั้น ถ้ามีศักยภาพและมีเงินขนาดนั้น ป่านนี้ชื่อของผมคงปรากฏไปนานแล้ว ปิดบังนักข่าวไม่ได้...”

สรุปว่า...ในฟาก ส.ส.-รัฐมนตรี หรือนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล มีแต่คน “ทำรวย” มีหนี้แล้วบอกว่า “ใจถึง” หรือเป็นไปได้อย่างไรที่คนเป็นนักการเมืองมาร่วม 40 ปี เป็นนายกรัฐมนตรี-รองนายกฯ-รัฐมนตรีหลายกระทรวง รวมทั้งเป็นผู้ว่าราชการ กทม. อย่าง สมัคร สุนทรเวช...

จะมีทรัพย์สินติดตัวติดธนาคารอยู่แค่ 9,082,771 บาท (กับแมวแก่ๆ อีกสองตัว)!!และนี่น่าจะเป็นที่มาของการจั่วหัววันนี้ที่ว่า...“แกล้งจน-ทำรวย”
ใครแกล้งจน?? ประชาธิปัตย์หรือพลังประชาชน แล้วใครพรรคไหนที่ “ทำรวย” ทั้งที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว??


ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker