บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2552

สกลนคร คำตอบ ‘ทักษิณ’

ที่มา บางกอกทูเดย์

ตะลึงกันทั้งบ้านทั้งเมือง เมื่อผลการเลือกตั้งซ่อมที่สกลนคร ม้าเต็งจ๋าแห่งคอกภูมิใจไทยพ่ายให้กับม้ารองแบบไม่เห็นฝุ่น!!!ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้แต้มต่อ เทใจให้ม้าเต็งชนิดไม่มีราคาต่อรองร้อยบาทขี้หมากองเดียว มีแต่คนหัวร่อ หึหึเหตุผลก็คือ...ม้าของค่ายเพื่อไทยถูกมองว่า เป็น ม้าป่วยเพราะพิษการเมือง จะมาแสดงอิทธิฤทธิ์อิทธิเดชอะไรได้อีกและที่สำคัญ เกิดปรากฏการณ์ “ตื่นตัวกะทันหัน” คนแห่ไปใช้สิทธิ์ล่วงหน้าแบบมืดฟ้ามัวดิน จากเดิมๆ บ้านๆ แค่พันสองพันคนเจ้าหน้าที่กรมการปกครองในพื้นที่ก็ยิ้มออกแล้วว่าสถิติไม่เสียแต่นี่แห่ขึ้นรถอำนวยความสะดวกกันมากว่า 20,000 คนทุบสถิติ! ฉีกบันทึกทางการเมืองกระจุยแถมเอ็กซิท โพล แบบไม่เป็นทางการ แต่เป็นทางเกม...ร่ำลือกันสะพัดสกลนคร เกือบ 70-80% ที่ลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า เทใจแทงม้าค่ายภูมิใจไทยทั้งนั้นนี่คือเหตุผลที่สื่อแทบทุกสื่อ สารพัดค่ายสำนักข่าว ต่างก็วิเคราะห์ตรงกันหมดว่า เลือกตั้งซ่อมเที่ยวนี้ การันตีภูมิใจไทย...ชัวร์ป้าบจะมีก็แต่เพียง บางกอกทูเดย์ ที่ในการประชุมโต๊ะข่าวมีการวิเคราะห์กันในทุกๆ มิติที่สามารถจะมีความเป็นไปได้ทั้งจากระดับนักข่าวและผู้อาวุโสระดับเกจิ ทำให้แม้ไม่รู้ผลล่วงหน้าแต่ก็เขียนลงคอลัมน์ยอดฮิต “มุมกาแฟ” เตือนเอาไว้ตรงๆว่า ระวังพลิก!!!แล้วสุดท้ายก็พลิกจริงๆจากชัวร์ป้าบ...กลายเป็น “ล้มคะมำดังป้าบ”...เอาดื้อๆเหตุที่ บางกอกทูเดย์ มอง คือ สัจจะแห่งโลกของความเป็นจริง กับจารีตและธรรมเนียมดั้งเดิมของไทยท้องถิ่นทำให้คาดคะเนว่าโอกาสที่จะพลิกนั้นมี...ไม่ใช่ไม่มีผิดกับการวิเคราะห์ของพรรคภูมิใจไทย ที่วิเคราะห์บนปัจจัยแห่งความได้เปรียบเป็นที่ตั้ง จึงลืมเรื่องของ “แก่นแห่งสังคม”ไปโดยสิ้นเชิงสังคมไทยนั้นมีแก่น มีรากเหง้าที่หยั่งรากลึก หากประเมินการศึกเพียงผิวเผิน ที่มั่นใจว่า “ชนะ” ก็สามารถกลายเป็น“แพ้” ได้ในชั่วพริบตา เพราะศึกการเมืองเพื่อช่วงชิงชัยชนะนั้น มีหลายนัยยะเข้ามาเกี่ยวข้องจริงอยู่ ก่อนหน้านี้ยังไม่ทันทำสงครามเลือกตั้งซ่อม พรรคภูมิใจไทยก็ถึงกับกระหยิ่มยิ้มย่อง เพราะได้จำนวน ส.ส. เพิ่มขึ้นมาเป็นกำไรล่วงหน้า 1 เก้าอี้จากการถอดเสื้อเพื่อไทยโยนทิ้งของ นายจุมพฏ บุญใหญ่แล้วรีบสวมเสื้อภูมิใจไทยแบบปัจจุบันทันด่วน เพื่อให้ทันกับการลงตรวจขบวนกองทัพ และการโหมโรงเรียลลิตี้โชว์ของบรรดานายใหญ่ตัวจริง และคณะกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยที่เป่านกหวีดปรี๊ดๆ ระดับรัฐมนตรีจะวิ่งขาขวิด หน้าถอดสีณ วันนั้น จึงไม่แปลกที่นายจุมพฏจะประกาศก้องว่าไม่อยู่แล้วเพื่อไทยจู่ๆ ยังไม่ทันชก ได้แต้มขึ้นมาล่วงหน้า...จะไม่ให้ภูมิใจไทยลำพองได้อย่างไรแต่นี่ก็เป็นจุดพลาดประการแรกด้วยเช่นกัน เพราะการลำพองย่อมนำไปสู่การประมาท...และในการประลองยุทธ์ พริบตาที่ประมาทก็คือความพ่ายแพ้แล้วยิ่งไปกว่านั้น ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ นายใหญ่ผู้มากบารมีในปัจจุบัน ยังมีการเตรียมแผนเตรียมพร้อมเป็นอย่างดี...ไม่ว่าวิชาเทพ วิชามาร สารพัดจะงัดมาใช้หมดทั้งข้าราชการในพื้นที่ ทั้งรัฐมนตรี ลากิจกันล่วงหน้าลงพื้นที่เต็มอัตราศึกตั้งค่ายรบชนิดที่ต้องเรียกว่ายิ่งกว่ากำแพงเหล็ก บัญชาการอุดช่องโหว่ที่คิดว่ามีเอาไว้ในทุกด้าน ชนิดที่แมลงหวี่สักตัวยังยากที่จะรอดอุ้งมือไปได้งานนี้นายใหญ่ผู้มากบารมีบัญชาการรบเอง คำว่า “แพ้”จึงสะกดไม่เป็นกันเลยทีเดียว แต่สิ่งที่ทั้งนายใหญ่และบรรดาพลพรรคภูมิใจไทยลืมเลือนไปเพราะความเชื่อมั่นสูงบดบังความคิดก็คือเรื่องของกระแส!!!กระแส เป็นคำสั้นๆ แต่พลานุภาพในการเปลี่ยนแปลงหรือทำลายล้างนั้นสูงยิ่งนักสูงยิ่งกว่าพายุไต้ฝุ่น พายุเฮอร์ริเคน หรือแม้กระทั่งสึนามิด้วยซ้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับคำว่า “กระแสสังคม”และนี่เอง ที่เป็น “จุดตาย” ของพรรคภูมิใจไทยและนี่เอง ที่เป็น “จุดพลาด” ของนายใหญ่ผู้มากบารมีในปัจจุบันการที่ภูมิใจไทยประเมินเอาเองว่า กระแส “ทักษิณฟีเวอร์” นั้นจบสิ้นแล้ว จึงนำมาซึ่งความพ่ายแพ้แบบราบคาบ5 อำเภอ ในเขตพื้นที่เลือกตั้งที่ 3 สกลนคร ภูมิใจไทยแพ้หมดทุกอำเภอแพ้เกินกว่าครึ่งทั้งสิ้น!อาทิ อ.สว่างแดนดิน ภูมิใจไทยได้คะแนน 17,736 คะแนนเพื่อไทย 30,972 คะแนน อ.ส่องดาว ภูมิใจไทยได้คะแนน 2,151คะแนน เพื่อไทย 7,871 คะแนน อ.เจริญศิลป์ ภูมิใจไทยได้คะแนน 2,789 คะแนน เพื่อไทย 10,124 คะแนน อ.บ้านม่วงภูมิใจไทยได้คะแนน 4,923 คะแนน เพื่อไทย 15,066 คะแนนแม้จะเป็นคะแนนที่ยังไม่เป็นทางการ แต่ก็สะท้อนชัดถึงแก่นแห่งรากเหง้าของชาวอีสาน ที่ประกาศให้เห็นชัดว่ากระแส “ทักษิณฟีเวอร์” ยังมีอยู่จริงการโฟนอินของคนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ยังสามารถทำให้คนในภาคอีสานน้ำตารื้น น้ำตาคลอขึ้นมาได้จอมยุทธ์ประลองฝีมือ แพ้ชนะกันที่กระบวนท่าเดียว กระบี่ใครถึงหัวใจคู่ต่อสู้ได้ไวกว่าแม้ลึกเพียงแค่ครึ่งหุนก็เพียงพอแล้วเมื่อโฟนอินของคนชื่อทักษิณที่ออดอ้อนขอความเห็นใจขอคะแนนสงสาร สามารถทะลุทะลวงเข้าไปในห้วงใจของคนอีสานคนสกลนครได้พลังสะท้อนกลับที่แสดงออกผ่านการกาบัตรหย่อนลงหีบจึงเป็นเหมือนมีดบินปลิดวิญญาณที่แม่นยำ...ตรงเป้ามากที่สุดงานนี้พรรคภูมิใจไทยพ่ายแพ้จริงๆเป็นการพ่ายแพ้เพราะมองข้ามกระแสเป็นการพ่ายแพ้เพราะลืมแก่นความคิดและจิตใจของคนอีสาน ที่ยังคงผูกพันกับคำว่าบุญคุณกระแสทักษิณฟีเวอร์ที่ไม่หมดสิ้นลงไปง่ายๆ ก็เพราะคนอีสานยังผูกพันกับผลงานรากหญ้า ยังผูกพันกับบุญคุณแห่งการทำงานให้กับคนจนความจริงเหล่านี้เองที่ทำให้ภูมิใจไทยพ่ายแพ้และความจริงนี้ไม่ควรจะเป็นแค่เพียงบทเรียนสอนใจนายใหญ่ผู้มากบารมีและเหล่าพลพรรคภูมิใจไทยแต่ยังสมควรที่จะเป็นแง่คิดให้กับทุกๆ ภาคส่วนของสังคมไทยโดยเฉพาะบรรดาผู้มีอำนาจ บรรดาผู้ใหญ่ทั้งหลาย ที่กำลังพยายามจะเรียกร้องสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นกับบ้านเมือง จะต้องตระหนักด้วยว่าหากกระแสทักษิณฟีเวอร์ยังไม่จบจริงๆการที่จะสมานฉันท์ย่อมจำเป็นที่จะต้องให้น้ำหนักกับความจริงข้อนี้ด้วยสมควรหรือไม่ที่จะมีการทบทวนว่า...ท่าทีของการไล่ล่า...ท่าทีของการจ้องทำลายล้าง ควรจะหมดไป???ความผิดที่ยังคงเป็นสิ่งคาใจ ยังเป็นสิ่งที่สังคมรากหญ้า สังคมอินเตอร์เน็ต หรือสังคมปัญญาชน คนชั้นกลาง ยังพูดกันไม่จบสิ้นอย่างเรื่องภรรยาซื้อที่ดิน แล้วสามีต้องผิดมหันต์ถึงขั้นติดคุกติดตะรางนั้นยังคงเป็นเรื่องที่พูดกันไม่จบ และยิ่งพูดเท่าไรสังคมก็ยากจะสมานฉันท์คนในบ้านเดียวกันยังเถียงกันหน้าดำหน้าแดง เพียงเพราะมีความคิดเห็นแตกต่างกัน เพียงเพราะเสพข้อมูลที่แตกต่างกันถึงเวลาหรือยังที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจะต้องหันมาทบทวนเรื่องเหล่านี้ เพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ที่แท้จริงขณะเดียวกัน แม้ตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เองก็จะต้องทบทวนตัวเองด้วยเช่นกันว่าหากสุดท้ายทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเพื่อการสมานฉันท์ทุกอย่างยุติจริงๆ จนหมดเรื่องครหาคาใจ หมดเรื่องให้สังคมอินเตอร์เน็ต สังคมรากหญ้า รู้สึกว่ามีการรังแกอีกต่อไปพ.ต.ท.ทักษิณ จะเลิกเล่นการเมืองอย่างที่เคยพูดไว้จริงๆหรือไม่บ้านเมืองจะได้สมานฉันท์กันเสียทีที่สำคัญ การพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยก็ควรที่จะต้องเป็นตัวอย่างของความสมานฉันท์ที่ดีด้วย กระแสที่ว่าอาจจะมีการเล่นงานข้าราชการในพื้นที่ อาจจะมีการโยกย้ายอะไรตามมาหลังความพ่ายแพ้ ...ขอร้องว่า อย่าได้มีโดยเด็ดขาด…เพราะจริงๆ แล้ว ข้าราชการทุกคนทำเต็มที่และทำดีที่สุดแล้วเช่นเดียวกับ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ทำดีที่สุดแล้วเช่นกันทุ่มเทจนสุดความสามารถแล้วเช่นกันแต่เป็นเพราะแพ้กระแสจริงๆ ถึงอย่างนั้น นายชวรัตน์ก็ยังได้ใจได้ภาพของความเป็นสุภาพบุรุษทางการเมือง กับการที่แถลงยอมรับความพ่ายแพ้โดยไม่มีอาการงอแง และแสดงความยินดีกับผู้ชนะในทันทีทันควันเป็นภาพที่นักการเมืองต่างประเทศในประเทศที่เจริญแล้วอย่าง อังกฤษ อเมริกา ให้ความสำคัญและทำกันโดยตลอด...แต่นักการเมืองบางพรรคอาจจะยังไม่คุ้นเคยฉะนั้น หากจากนี้ไปนักการเมืองไทยจะหัดมีสปิริตทางการเมืองรู้จักแพ้ รู้จักชนะ รู้จักยอมรับความจริง จะเป็นสิ่งที่ดีมากๆเพราะประการสำคัญที่พรรคภูมิใจไทยไม่ควรลืมก็คือส.ส.ภูมิใจไทยทุกคนในเวลานี้ ล้วนมาจากรากเหง้าพรรคไทยรักไทยทั้งสิ้น…ส.ส.ภูมิใจไทยทุกคนในเวลานี้ ยังไม่ได้ใส่เสื้อภูมิใจไทยลงชิงตำแหน่งเลย...อย่าลืมเป็นอันขาดรวมทั้งนายจุมพฏด้วยเช่นกัน ที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าคิดจะเปลี่ยนสีเสื้ออีกรอบหรือไม่???สนามเลือกตั้งแรกที่ “สกลนคร” ก่อนไปต่อกันที่ “ศรีสะเกษ”ได้ชี้ชัดตัดสินให้เห็นแล้วว่า...ประชาชนหนึ่งในจังหวัดทาง“ภาคอีสาน” ก็ยังคงรักและศรัทธาในตัวอดีตนายกรัฐมนตรี“ทักษิณ” อยู่เต็มหัวใจนี่เป็นข้อพิสูจน์ตามสำบัดสำนวนไทยที่ว่า...ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน หัวจิตหัวใจของคนเราไม่อาจเปลี่ยนแปลง จะให้ “รักใครชอบใคร” กันได้ง่ายๆที่สกลนคร...คือ คำตอบของ “ทักษิณ” ในการประกาศ“ชัยชนะ”“เอาผมกลับบ้านด้วย” ประโยคนี้ประโยคเดียว...ทำเอาคนรักทักษิณถึงกับ “น้ำตาคลอ” ■

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker