บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพุธที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2553

ผู้นำกับเด็กอมมือ

ที่มา ไทยรัฐ

ในสถานการณ์เผชิญหน้าของคนสองฝ่าย อาจารย์ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดี ฝ่ายการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกมาให้ความเห็นไว้ดีมาก ถ้าผมเป็นผู้บริหารพรรคการเมือง จะรีบไปเชิญอาจารย์คนนี้มาเป็นที่ปรึกษาทันที เพื่อขอความเห็นมาเป็นแนวทางในการวางยุทธวิธีให้กับพรรคการเมือง รับรองพรรคไหนทำอย่างนี้ คงได้รับชัยชนะตลอดกาล

แต่เอาเข้าจริง ผมเชื่อว่าอาจารย์ปริญญาคงไม่ยอมเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมืองไหนแน่นอน เพราะอาจารย์คนนี้ ผมเห็นตั้งแต่เป็นผู้นำนักศึกษาในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ถือว่าเป็นคนที่มีคุณภาพอีกคนหนึ่งในประเทศของเรา เพราะนอกจากจะมีอุดมการณ์ ยึดมั่นความถูกต้องเหนือสิ่งอื่นใดแล้ว ยังเป็นคนที่รักอิสรเสรีภาพอย่างมากด้วย

ด้วยเหตุนี้ อาจารย์ปริญญาจึงไม่เลือกที่จะไปทำงานในบริษัทห้างร้าน แต่เลือกที่จะมาเป็นนักวิชาการ สอนหนังสือ และพัฒนากระบวนการทางความคิดของตัวเองอย่างอิสระและต่อเนื่องมาตลอด

จากมุมมองของอาจารย์ปริญญาได้บอกเอาไว้ว่า ตอนนี้แต่ละฝ่ายต่างมีแฟนคลับของตัวเองเหนียวแน่น และได้กลายเป็นกลุ่มการเมืองที่มีความคิดความเชื่อฝังหัว ไม่ว่าใครมาพูดอย่างไร ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงความเชื่อของตัวเองง่ายๆ ฉะนั้น ปัจจัยชี้ขาดจึงอยู่ที่ว่า กลุ่มคนทั้งสองฝ่ายที่ขัดแย้งกันจะแย่งชิงกลุ่มคนที่อยู่ตรงกลางได้อย่างไร เพราะกลุ่มคนตรงกลางคือ เสียงชี้ขาดว่า ฝ่ายใดจะชนะ และได้ครองอำนาจรัฐ

เหมือนกับที่อเมริกา พรรคเดโมแครตกับพรรครีพับลิกัน ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะได้ ก็เพราะเสียงคนที่อยู่ตรงกลางนี่แหละ ถ้าไม่มีคนตรงกลางเป็นปัจจัยชี้ขาด พรรคใดพรรคหนึ่งก็จะชนะตลอดกาล ไม่มีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเกิดขึ้น แต่ธรรมชาติของมนุษย์ ไม่มีใครเห็นหรือเชื่ออะไรเหมือนกันทั้งหมด ฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อแดง เสื้อเหลือง หรือเสื้อสีอะไรก็ตาม หากแสดงบทบาทที่ดี เป็นที่น่าชื่นชมกับคนโดยทั่วไป ก็จะทำให้เกิดแนวร่วมได้มาก จนกลายเป็นเสียงข้างมากชี้ขาดสถานการณ์ขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของระบอบประชาธิปไตย

ผมฟังแล้วเห็นด้วยกับอาจารย์ปริญญาอย่างมาก แถมยังทำให้เกิดความคิดขึ้นมาว่า ท่ามกลางวิกฤติทางความขัดแย้งต่างฝ่ายต่างยืนกรานว่าตัวเองถูก อีกฝ่ายหนึ่งผิด และกำลังลุกลามบานปลายไปสู่การนองเลือด เพราะมีการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมจนทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายทั้งสองฝ่าย ผมว่าถึงเวลาต้องให้ฝ่ายที่เป็นกลางออกมาชี้ขาดตัดสินปัญหาความขัดแย้งครั้งนี้กันเสียแล้ว

และวิธีที่ดีที่สุดก็คือ ยุบสภาเลือกตั้งใหม่

เรื่องนี้ รัฐบาลจะมาอ้างไม่ได้อีกแล้วว่า ถ้ายุบสภาตอนนี้ก็แก้ปัญหาไม่ได้ เพราะพรรคการเมืองบางพรรคลงไปหาเสียงในบางพื้นที่ไม่ได้ เนื่องจากมีความขัดแย้งกัน อาจมีการขับไล่ โห่ฮาไล่ตะเพิดเหมือนที่ผ่านมา

แต่ผมว่า ก็ยังดีกว่าถ่วงเวลาเอาไว้แล้วเที่ยวไปใช้กฎหมายพิเศษสุ่มสี่สุ่มห้าจนเกิดการบาดเจ็บล้มตายเป็นเบือ ลองนำมาเปรียบ เทียบกันดู ข้ออ้างของรัฐบาลที่ว่า ถ้ายุบสภาแล้วกลัวลงไปหาเสียงแล้วโดนโห่ฮาป่าขับไล่ กับไม่ยุบสภาแล้วทำให้คนบาดเจ็บล้มตายมากมายเช่นนี้ แบบไหนดีกว่ากัน

ผมว่า ยุบสภาแล้วปล่อยให้มีการโห่ฮาป่ากันไปตามเรื่องตามราวยังจะดีเสียกว่า หรือหากจะตีกันบ้าง ก็คงไม่บาดเจ็บล้มตายมากมายเหมือนที่รัฐบาลได้ทำเอาไว้แน่นอน

ข้อสำคัญ การยุบสภาในอดีตกาลทุกครั้ง ก็เกิดจากแรงบีบบังคับจากฝ่ายตรงข้ามทั้งสิ้น ไม่มีครั้งใดเลยที่นายกฯจะยุบสภาตามความสมัครใจ ฉะนั้น ก็เลิกอ้างเหตุผลส่งเดชได้แล้วว่า ไม่ต้องการยุบสภาเพราะถูกบีบบังคับ และจะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี

โดยเฉพาะคนที่เป็นผู้นำมืออาชีพ จะไม่กลัวหรอกว่ายุบสภาแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ต่อให้สถานการณ์เลวร้ายแค่ไหน ถ้าเป็นผู้นำที่แท้จริง ก็จะเตรียมแผนการต่างๆมารับมือได้หมด

และนี่ก็คือความแตกต่างระหว่างคนที่เป็นผู้นำที่แท้จริง กับ คนที่เป็นได้แค่เด็กอมมือ.

"เห่าดง"

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker