"ยุบพรรค" ตัดหน้า "ยุบสภา"
โดยไม่มีเมฆฝนตั้งเค้า อยู่ๆคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ลัดคิวลงมติยุบพรรคประชาธิปัตย์ ฐานความผิดในคดีอำพรางเงินบริจาค 258 ล้านบาท จากบริษัท ทีพีไอฯ และการใช้จ่ายเงินกองทุนสนับสนุนพรรคการเมือง 29 ล้านบาท
ฟันธงผิดทั้ง 2 ฐานกรณี
ชนิดที่นักข่าวประจำ กกต.เองยังไม่ระแคะระคาย ตั้งหลักไม่ทันไปตามๆกัน กับจังหวะเล่นเร็วของ กกต.ที่ชิงลงมติก่อนวันที่ 20 เมษายน ที่ "เดอะกี้ร์" นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช.ขาบู๊ ประกาศจะยกพลคนเสื้อแดงกลับมาทวงคำตัดสินที่ กกต.
เบรกกระแสม็อบเสื้อแดง
ในจังหวะแรกที่เดาทางได้ กกต.ชิงเปิดช่องระบายแรงกดดัน ด้วยการแสดงให้เห็นถึงความยุติธรรม ไม่ได้ "2 มาตรฐาน"
และโดยตัวเลขที่ออกมา 4 ต่อ 1 ในฐานความผิดคดีอำพรางเงิน 258 ล้านบาท ซึ่ง 1 เสียงของนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่ยืนตามความเห็นเดิม ให้ยกคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์
ก็ถือว่าได้รักษาจุดยืน ตามไฟต์บังคับฝืนกระแสกดดันไม่ไหว
แต่มติของ กกต.ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ตามขั้นตอนที่ยังต้องส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณาส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
ประชาธิปัตย์ยังได้ยื้ออีกหลายยก
กองทัพเสื้อแดงยังมีภาระต้องเดินหน้ากดดัน เปรียบมาตรฐานกับคิวยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ที่รวดเร็วทันสถานการณ์
ล้มโต๊ะรัฐบาลนอมินี "ทักษิณ"
คิวนี้คงยากที่จะดึงจังหวะ "สับขาหลอก" เพราะต่างฝ่ายต่างทันเกมกัน
ที่แน่ๆโดยคิวยุบพรรคประชาธิปัตย์ที่ชิงปาดหน้ากระแสยุบสภา
ในห้วงที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หายเงียบไป 2 วัน หลังเหตุนองเลือดที่สี่แยกคอกวัว ท่ามกลางกระแสข่าวถอดใจ ใจเสียกับมือเปื้อนเลือด กำลังคิดยุบสภา ลาออก
ก่อนโผล่ออกมาแถลงผ่านจอทีวี จ้องปราบ "ผู้ก่อการร้าย" ในม็อบเสื้อแดง
เสียงแข็ง แต่แววตาลอยๆ
ในจังหวะที่ "เทพเทือก" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ต่อสายถกกับแกนนำ "ตัวจริง" พรรคร่วมรัฐบาล ตามสัญญาณที่ "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ส่งซิก "การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง"
แนะตรงๆ ยุบสภาคือทางออก
พรรคร่วมรัฐบาลกำลังเปิดปฏิทิน เคลียร์โปรแกรมล็อกกำหนดวันยุบสภา
ผ่าทางตันสถานการณ์ในอารมณ์ของนักเลือกตั้งอาชีพ
ตามโจทย์ยากๆของฝ่ายอำมาตย์ที่มีเงื่อนไขแนบท้าย ปล่อยยุบสภาเร็วไม่ได้ ภายใต้เงื่อนไขที่อ้างกันว่า กระแสการต่อสู้ทางการเมืองกำลังร้อนแรง ลุกลามเลยเถิด
เป็นอันตรายต่อสถาบันหลัก
โดยไฟต์บังคับที่รู้กันว่า ฝ่ายคุมเกมอำนาจประเทศไทยไม่มีทางปล่อยให้พรรคเพื่อไทย ลูกข่ายนายใหญ่ที่เป็นต่อแบบสุดกู่ในสนามเลือกตั้ง
พลิกกลับเป็นฝ่ายคุมเกมอำนาจประเทศไทย
เพราะเสี่ยงกับยุทธการถอนแค้น เอาคืนขบวนการล้มโต๊ะ "ทักษิณ"
ตามเกมเดิมพัน ถึงที่สุดถ้ารัฐบาลประชาธิปัตย์ยื้อกระแสไม่ไหว ต้องปล่อยมือจากเกมอำนาจ ก็จำเป็นที่ขุน
ทหารต้องออกมาล้มกระดาน ยึดเวทีนักเลือกตั้ง
คำตอบสุดท้าย "ปฏิวัติรัฐประหาร"
แต่ในอารมณ์ของกองทัพเสื้อแดงที่ถูกปลุกจนถึงขนาดวิ่งเข้าหาทหาร ไม่กลัวปืน ไม่สนระเบิด ขนาดเหตุปะทะใหญ่ ตาย เจ็บ เลือดนองถนนราชดำเนิน
คนเสื้อแดงก็ยิ่งมากันแน่นทั้งเวทีราชประสงค์และเวทีสะพานผ่านฟ้าฯ
ถ้าลุยปราบ โดยฉากสงครามกลางเมืองก็ยากจะเลี่ยง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็มาสะดุดหูที่เสียงดักคอจาก "เสด็จพี่" นายพร้อมพงศ์ นพฤทธ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาตะโกนดักคอ กกต.อาจยกทีมลาออก
เพื่อให้ติดล็อก จัดเลือกตั้งไม่ได้
ตามจังหวะ "ล็อก" ให้เข้าโปรแกรม "รัฐบาลแห่งชาติ".
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
โดยไม่มีเมฆฝนตั้งเค้า อยู่ๆคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ลัดคิวลงมติยุบพรรคประชาธิปัตย์ ฐานความผิดในคดีอำพรางเงินบริจาค 258 ล้านบาท จากบริษัท ทีพีไอฯ และการใช้จ่ายเงินกองทุนสนับสนุนพรรคการเมือง 29 ล้านบาท
ฟันธงผิดทั้ง 2 ฐานกรณี
ชนิดที่นักข่าวประจำ กกต.เองยังไม่ระแคะระคาย ตั้งหลักไม่ทันไปตามๆกัน กับจังหวะเล่นเร็วของ กกต.ที่ชิงลงมติก่อนวันที่ 20 เมษายน ที่ "เดอะกี้ร์" นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช.ขาบู๊ ประกาศจะยกพลคนเสื้อแดงกลับมาทวงคำตัดสินที่ กกต.
เบรกกระแสม็อบเสื้อแดง
ในจังหวะแรกที่เดาทางได้ กกต.ชิงเปิดช่องระบายแรงกดดัน ด้วยการแสดงให้เห็นถึงความยุติธรรม ไม่ได้ "2 มาตรฐาน"
และโดยตัวเลขที่ออกมา 4 ต่อ 1 ในฐานความผิดคดีอำพรางเงิน 258 ล้านบาท ซึ่ง 1 เสียงของนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่ยืนตามความเห็นเดิม ให้ยกคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์
ก็ถือว่าได้รักษาจุดยืน ตามไฟต์บังคับฝืนกระแสกดดันไม่ไหว
แต่มติของ กกต.ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ตามขั้นตอนที่ยังต้องส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณาส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
ประชาธิปัตย์ยังได้ยื้ออีกหลายยก
กองทัพเสื้อแดงยังมีภาระต้องเดินหน้ากดดัน เปรียบมาตรฐานกับคิวยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ที่รวดเร็วทันสถานการณ์
ล้มโต๊ะรัฐบาลนอมินี "ทักษิณ"
คิวนี้คงยากที่จะดึงจังหวะ "สับขาหลอก" เพราะต่างฝ่ายต่างทันเกมกัน
ที่แน่ๆโดยคิวยุบพรรคประชาธิปัตย์ที่ชิงปาดหน้ากระแสยุบสภา
ในห้วงที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หายเงียบไป 2 วัน หลังเหตุนองเลือดที่สี่แยกคอกวัว ท่ามกลางกระแสข่าวถอดใจ ใจเสียกับมือเปื้อนเลือด กำลังคิดยุบสภา ลาออก
ก่อนโผล่ออกมาแถลงผ่านจอทีวี จ้องปราบ "ผู้ก่อการร้าย" ในม็อบเสื้อแดง
เสียงแข็ง แต่แววตาลอยๆ
ในจังหวะที่ "เทพเทือก" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ต่อสายถกกับแกนนำ "ตัวจริง" พรรคร่วมรัฐบาล ตามสัญญาณที่ "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ส่งซิก "การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง"
แนะตรงๆ ยุบสภาคือทางออก
พรรคร่วมรัฐบาลกำลังเปิดปฏิทิน เคลียร์โปรแกรมล็อกกำหนดวันยุบสภา
ผ่าทางตันสถานการณ์ในอารมณ์ของนักเลือกตั้งอาชีพ
ตามโจทย์ยากๆของฝ่ายอำมาตย์ที่มีเงื่อนไขแนบท้าย ปล่อยยุบสภาเร็วไม่ได้ ภายใต้เงื่อนไขที่อ้างกันว่า กระแสการต่อสู้ทางการเมืองกำลังร้อนแรง ลุกลามเลยเถิด
เป็นอันตรายต่อสถาบันหลัก
โดยไฟต์บังคับที่รู้กันว่า ฝ่ายคุมเกมอำนาจประเทศไทยไม่มีทางปล่อยให้พรรคเพื่อไทย ลูกข่ายนายใหญ่ที่เป็นต่อแบบสุดกู่ในสนามเลือกตั้ง
พลิกกลับเป็นฝ่ายคุมเกมอำนาจประเทศไทย
เพราะเสี่ยงกับยุทธการถอนแค้น เอาคืนขบวนการล้มโต๊ะ "ทักษิณ"
ตามเกมเดิมพัน ถึงที่สุดถ้ารัฐบาลประชาธิปัตย์ยื้อกระแสไม่ไหว ต้องปล่อยมือจากเกมอำนาจ ก็จำเป็นที่ขุน
ทหารต้องออกมาล้มกระดาน ยึดเวทีนักเลือกตั้ง
คำตอบสุดท้าย "ปฏิวัติรัฐประหาร"
แต่ในอารมณ์ของกองทัพเสื้อแดงที่ถูกปลุกจนถึงขนาดวิ่งเข้าหาทหาร ไม่กลัวปืน ไม่สนระเบิด ขนาดเหตุปะทะใหญ่ ตาย เจ็บ เลือดนองถนนราชดำเนิน
คนเสื้อแดงก็ยิ่งมากันแน่นทั้งเวทีราชประสงค์และเวทีสะพานผ่านฟ้าฯ
ถ้าลุยปราบ โดยฉากสงครามกลางเมืองก็ยากจะเลี่ยง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็มาสะดุดหูที่เสียงดักคอจาก "เสด็จพี่" นายพร้อมพงศ์ นพฤทธ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาตะโกนดักคอ กกต.อาจยกทีมลาออก
เพื่อให้ติดล็อก จัดเลือกตั้งไม่ได้
ตามจังหวะ "ล็อก" ให้เข้าโปรแกรม "รัฐบาลแห่งชาติ".
ทีมข่าวการเมือง รายงาน