ในที่สุด แบงก์ชาติก็ประกาศ ยกเลิกมาตรการกันเงินสำรองเงินทุนระยะสั้น 30 เปอร์เซ็นต์ ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อ 4 โมงเย็นวันศุกร์ มีผลตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม คือวันนี้เป็นต้นไป หลังจากใช้มาตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2549 ท่ามกลางเสียงคัดค้านจนต้องค่อยๆ ผ่อนปรนลงมา และยกเลิกไปในที่สุด
วันนี้ทุกฝ่ายคงจับจ้องที่ “ค่าเงินบาท” ว่าจะผันผวนแค่ไหน จะแข็งค่าขึ้นไปที่ 30 บาทต่อดอลลาร์หรือไม่ หลังจากที่แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 31 บาทกว่า
แต่จากการที่ผมได้พูดคุยกับ ดร.ธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการแบงก์ชาติ เพิ่มเติมหลังจากการแถลงข่าว ท่านผู้ว่าการเชื่อว่า ค่าเงินบาทคงไม่ ผันผวนไปมากมาย เพราะได้ซึมซับข่าวการยกเลิกมาตรการ 30 เปอร์เซ็นต์ไปเรียบร้อยแล้ว พ่อค้าส่งออกที่เทขายดอลลาร์ก่อนหน้านี้ก็ถือว่าได้ซึมซับผลกระทบไปเรียบร้อยแล้ว
ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นไปที่ 31 บาทกว่าต่อดอลลาร์ในช่วงนี้ ก็เป็นผลมาจาก “ความเชื่อ” ของนักลงทุนที่เชื่อไปในทิศทางเดียวกันว่า มาตรการ 30 เปอร์เซ็นต์ต้องเลิกแน่ จึงมีการเก็งกำไรค่าเงินบาท ดังนั้น เมื่อประกาศออกมาว่าเลิกแน่ ผลกระทบในทางลบก็จะไม่รุนแรงเพิ่มขึ้น
ข้อมูลที่น่าสนใจอีกประการหนึ่ง ที่คนทั่วไปยังไม่ทราบก็คือ
วันนี้ พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทยฉบับใหม่ จะมีผลใช้บังคับเป็นวันแรก พ.ร.บ.แบงก์ชาติใหม่นี้ จะเปิดช่องให้แบงก์ชาติมีเครื่องมือทางการเงินเพิ่มขึ้น อีกมากในการจัดการกับ ความผันผวนของค่าเงินบาท
ยกตัวอย่างเช่น หากนักลงทุนต่างชาติและพ่อค้าส่งออก เทขายเงินดอลลาร์ในช่วงนี้อีก แบงก์ชาติไม่กลัวอีกแล้ว แต่จะปล่อยเงินบาทออกไปให้แบงก์พาณิชย์ซื้อเงินดอลลาร์แบบไม่อั้น เพราะกฎหมายแบงก์ชาติใหม่ เปิดทางให้แบงก์ชาติรับฝากเงินจากแบงก์พาณิชย์ ได้โดยให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย
วิธีการนี้จะช่วยให้แบงก์ชาติสามารถดูดซับเงินบาทจากธนาคารพาณิชย์ เข้ามาได้อย่างไม่จำกัด ดูดเข้ามาแล้วปล่อยออกไปซื้อดอลลาร์ต่อ หมุนเวียนกันอยู่อย่างนี้ ดูซิว่าใครจะแข็งกว่ากัน
ในธุรกิจการพนัน เจ้าของบ่อนไม่เคยเสียเปรียบลูกค้าอยู่แล้ว กรณีนี้ก็เช่นกัน
ที่ผ่านมา แบงก์ชาติเป็นเจ้ามือแต่เสียเปรียบลูกค้า เพราะกฎหมายแบงก์ชาติ ไม่เอื้ออำนวย เลยต้องขาดทุนบักโกรกจากการปกป้องค่าเงินบาท
แต่เที่ยวนี้ไม่เหมือนก่อนแล้ว เงินบาทก้อนเดียว แบงก์ชาติสามารถนำไปหมุนซื้อ เงินดอลลาร์ได้อย่างไม่จำกัดรอบ มีแรงขายได้ก็ขายไป แบงก์ชาติซื้อหมด
สำหรับเหตุผลที่ตัดสินใจยกเลิกมาตรการ 30 เปอร์เซ็นต์ในช่วงนี้ ดร.ธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ยืนยันกับผม ไม่ใช่ยกเลิกเพราะถูกกดดัน แต่ได้มีการพูดคุยและเตรียมการมาตั้งแต่ครั้งแรกที่มีการประชุมร่วมกับ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯ และรัฐมนตรีคลัง และประชุมต่อเนื่องกันมาตลอด เพื่อหามาตรการรองรับและประกาศในเวลาที่เหมาะสม
วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม ถือเป็นวันที่เหมาะสม เพราะ พ.ร.บ.แบงก์ชาติใหม่ มีผลบังคับใช้วันแรก ทำให้มีเครื่องมือการเงินใหม่ๆออกมารับมือกับค่าเงินบาท วันนี้เหมือนกัน พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะใหม่ ก็มีผลใช้บังคับเช่นกัน รับกันพอดี
ดังนั้น แบงก์ชาติ กับ กระทรวงการคลัง จึงจับมือกันออกมาตรการ รองรับเป็นแพ็กเกจ มาตรการของแบงก์ชาติ ก็เช่น เพิ่มวงเงินให้คนไทย ไปลงทุนในต่างประเทศเป็น 30,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มสินเชื่อดอกเบี้ยตํ่า (เอ็มแอลอาร์ลบ) ผ่านแบงก์เพื่อปล่อยกู้ธุรกิจเอสเอ็มอี 40,000 ล้านบาท ฯลฯ เป็นต้น
มาตรการกระทรวงการคลังที่จะเสนอ ครม.อังคารนี้ ก็มีการแปลงหนี้ต่างประเทศเป็นเงินบาททันที 3 พันล้านดอลลาร์ เป็นต้น
สองแรงแข็งขันร่วมมือกันอย่างนี้ ผมเชื่อว่าเอาค่าเงินบาทอยู่ครับ.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
คอลัมน์ หมายเหตุประเทศไทย