บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2551

จะทำลาย 'ป้อมปราการทางอำนาจของพวกอำมาตยาธิปไตย' มีแต่ต้องทะลวงกฎหมายที่ให้อำนาจพวกนี้ไว้ เท่านั้น

พวกอำมาตยาธิปไตย ที่ดูใหญ่โตน่าเกรมขาม และมีอำนาจมากมายมหาศาลนั้น หากวิเคราะห์ให้ดี จะเห็นฐานอำนาจของคนเหล่านี้เปราะบางอย่างยิ่ง มีแต่ภาพลวงตา และปราสาททราย เพียงแต่เคาะแรงๆ สักครั้ง อำนาจของพวกเขาก็จะทะลายลงไป

แต่หากพวกเรามองอย่างไม่เข้าใจ ก็จะดูเหมือนว่าพวกนี้มีฐานอำนาจที่มั่นคงแข็งแรงเสียเหลือเกิน

แต่จริงๆ แล้วเปราะบางอย่างยิ่ง

อำนาจอิทธิพลของพวกอำมาตย์และกลุ่มคนชั้นสูงในสังคมไทยขณะนี้ ที่มีความเกี่ยวโยง มี Connection โยงใยกันไปมานี้ รากเหง้าที่มาของอำนาจของพวกนี้ จริง ๆ อยู่ที่ "บรรดากฎหมายทั้งปวงที่เขียนขึ้นให้อำนาจกับคนพวกนี้ไว้" เมื่อคนเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกัน ทำมาหากินด้วยกัน เกื้อกูลกัน ทั้งการเลื่อนยศ การเลื่อนตำแหน่ง และการอุปถัมป์ค้ำจุนซึ่งกันและกัน ดังนั้นการล็อบบี้กันเองในกลุ่ม จึงเป็นไปได้โดยง่าย เพราะคนเหล่านี้อยู่ในสังคมเดียวกัน มีผลประโยชน์ร่วมกัน นั่นเอง

"ฐานอำนาจทางกฎหมาย" ที่พวกนี้เข้าไปยึดกุมในองค์กรทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นในองค์กรตุลาการ องค์กรอิสระทั้งหลาย ล้วนมีที่มาอย่างเดียวกันคือ "มาจากกฎหมาย" หาได้มีแหล่งที่มาอย่างอื่นไม่

อำนาจที่อิงกฎหมายนั้น ดูมั่นคง แต่วางอยู่บนพื้นฐานที่โคลงเคลงไม่เข็มแข็งเท่าใดนัก เพราะ "กฎหมายสามารถแก้ไขได้โดยรัฐสภาแห่งชาติ"

ใครคุมรัฐสภาแห่งชาติ คนนั้นก็สามารถควบคุมรากฐานที่มาของอำนาจทั้งหลายได้ เพราะรัฐสภาสามารถแก้ไขกฎหมายได้ รัฐสภานั้น เชื่อมโยงอยู่กับ สส. ส่วน สส.นั้นกลับไปเชื่อมโยงอยู่กับประชาชนในเขตเลือกตั้งของตน ใครคุมเสียงของประชาชนได้ ย่อมสามารถควบคุม สส. ได้ ใครคุม สส. ได้ ก็สามารถควบคุมรัฐสภาแห่งชาติได้ เมื่อควบคุมรัฐสภาแห่งชาติได้ ก็สามารถควบคุมคุมกลไกการแก้ไขกฎหมายทั้งปวงได้

อำนาจของพวกอำมาตย์จึงโดนท้าทาย และล้มล้างได้โดยไม่ยากเย็นอะไรนัก หากมองอย่างเข้าใจถึงแก่นแท้ที่มาของอำนาจของพวกอำมาตยาธิปไตย ที่สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้กับสังคมไทย ตลอดสองปีที่ผ่านมานี้

แต่ที่ช่วงเวลาที่ผ่านมาในอดีตนั้น เมืองไทยไม่เคยมีใครที่สามารถได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างท่วมท้น จนสามารถชนะเลือกตั้งเกินครึ่งหนึ่งของสภาได้ มีแต่ อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร คนเดียวเท่นนั้นที่สามารถทำได้ และประชาชนกว่าครึ่งประเทศก็ยังให้การเคารพนับถือ และศรัทธาในตัวนายกฯทักษิณอยู่

ดังนั้น ฐานอำนาจของอดีตนายกฯทักษิณ จึงมั่นคง และแข็งแรงกว่า ฐานอำนาจของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่เป็นหัวขบวนของกลุ่มอำมาตยาธิปไตยทั้งหลาย การต่อกรกับ กลุ่มอำมาตย์ของ พล.อ.เปรมจึงเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงนัก

สองปีที่ผ่านมานี้ พวกอำมาตย์ลงทุนต่อสู้เพื่อรักษาอำนาจของพวกตน โดยการทำรัฐประหาร แต่สุดท้าย โลกยุคใหม่ ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเลือกตั้งไปได้พ้น ไม่ว่าจะทำรัฐประหารยึดอำนาจเบ็ดเสร็จอย่างไร สุดท้ายเมื่อมีการเลือกตั้ง เสียงของประชาชนคือเสียงสวรรค์ คนที่ยึดกุมหัวใจของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ ย่อมได้รับชัยชนะในที่สุด ไม่ว่าฝ่ายอำมาตย์ จะใช้เลห์กลอย่างไร ก็ไม่อาจฝืนประชามติของประชาชนไปได้

ตอนนี้กลุ่มอำมาตย์ยังไม่ยอมแพ้ ยังใช้เครื่องมือที่พวกเขายึดกุมอยู่ คือ องค์กรอิสระ และกลุ่มอำมาตย์ในสถาบันตุลาการทั้งหลาย เพื่อเข้าต่อกรกับ พลังอำนาจของประชาชน พลังอำนาจของฝ่ายประชาธิปไตย ที่ยึดกุมรัฐสภาแห่งชาติ และเสียงสนับสนุนของประชาชน

หากจะทะลายฐานอำนาจของพวกอำมาตย์เหล่านี้ให้หมดไป จึงมีเพียงวิธีเดียวคือ "มุ่งทะลายไปที่ฐานอำนาจทางกฎหมาย" ที่ให้อำนาจพวกอำมาตย์นี้ไว้ โดยการแก้ไขกฎหมายทั้งหลายที่ให้อำนาจพวกนี้ไว้ รวมทั้งแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งรัฐสภาแห่งชาติ สามารถทำได้อย่างมีความชอบธรรม เมื่อขาดฐานอำนาจทางกฎหมาย พวกอำมาตย์ที่ไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับประชาชน ย่อมสูญเสียอำนาจไปอย่างถาวร ไม่มีทางเรียกกลับคืนมาได้

ผมว่า "ฐานอำนาจทางเศรษฐกิจ" หรือความมั่งคั่งนั้น อดีตนายกฯทักษิณ มีมากกว่าอยู่แล้ว เมื่อบวกเข้ากับฐานเสียงที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนชาวรากหญ้าทั้งหลาย พลังอำนาจของฝ่ายทักษิณ และฝ่ายผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลาย ย่อมสามารถเอาชนะพวกอำมาตยาธิปไตยได้อย่างแน่นอน

เพียงแต่ที่ผ่านมา พวกเราไม่เคยเข้าไปทะลายฐานทางกฎหมายนี้อย่างจริงจังเท่านั้น

เมื่อพวกอำมาตย์ยังเล่นไม่เลิก ยังกระด้างกระเดื่อง สร้างความอึ้มครึ้มทางการเมือง ที่ส่งผลเสียต่อประเทศชาติ

ผมว่ามันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่รัฐบาลของท่านนายกฯสมัคร สุนทรเวช รัฐบาลที่มีพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำ จะต้องจัดการแก้ไขกฎหมาย แก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ให้อำนาจพวกอำนาจทั้งหลายนี้เสีย และต้องทำอย่างเร่งด่วน และแน่วแน่ โดยต้องไม่ยอมอ่อนข้อให้กับพวกอำมาตย์อีกต่อไป ไม่อย่างนั้นบ้านเมืองก็ไม่สงบลงไปได้ การต่อสู้จะยืดเยื้อ และไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติ

มันเป็นความจำเป็นทางการเมือง ที่จะต้องรื้อรัฐธรรมนูญ รื้อกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้งหลาย ที่ให้อำนาจพวกอำมาตย์นี้เสีย

เมื่อทำสำเร็จแล้ว อำนาจของพวกอำมาตย์จะโดนกำจัดไปอย่างถาวร ไม่อาจเป็นเสี้ยนหนามต่อระบอบประชาธิปไตยได้อีก อย่ามัวให้ความลังเลเข้ามาทำให้พวกเราเสียเวลาเลยครับ

ประเทศชาติต้องการก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ไม่มีเวลาให้พวกอำมาตย์คอยมานั่งปัดแข้งปัดขาอีกแล้ว

งานสำคัญเร่งด่วน ของรัฐบาลในขณะนี้คือ การแก้รัฐธรรมนูญ และแก้ไขกฎหมายที่เอื้อต่อระบอบอำมาตยาธิปไตยเสีย ส่วนการฟื้นฟูเศรษฐกิจนั้น ผมว่าหมอเลี๊ยบ กับคุณมิ่งขวัญ ทำได้ค่อนข้างดีแล้วครับ แต่ความอึ้มครึ่มทางการเมือง จะส่งผลเสียต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

หากชักช้า จะกลายเป็นอุปสรรคอย่างใหญ่หลวงต่อการฟื้นตัวของชาติ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และด้านอื่นๆ ซึ่งจะส่งผลสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน

ทั้งนี้ การที่ฝ่ายอำมาตย์ส่งนายจรัญ ภักดีธนากุล มาเป็นตุลาการรัฐธรรมนูญ นั้นผมถือว่าเป็นการกระทำที่ประกาศความเป็นศัตรูอย่างชัดเจน ในทางการเมืองระหว่างประเทศถือว่า สามารถโจมตีล่วงหน้า หรือ Preemtive Strike ได้อย่างชอบธรรม เพราะถือเป็นภัยคุกคามโดยตรง

--------------------

บทความ โดย ลูกชาวนาไทย

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker