คอลัมน์ เหล็กใน
ราคา ณ วันที่ 31 พฤษภาคม ราคาน้ำมันดิบแพงสุดอยู่ที่ตลาดเบรนท์ ลอนดอน ปิดที่ 65.52 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หรือแพงสุดนับจากวันที่ 4 พฤศจิกายน ปีที่แล้ว
ส่วนเมืองไทยราคาน้ำมันปรับขึ้นอีกลิตรละ 80 สตางค์ ทำให้แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 28.54 บาท/ลิตร ส่วนดีเซล 25.39 บาท/ลิตร
เรียกว่าใน 3-4 ครั้งล่าสุดที่ราคาน้ำมันเคลื่อนไหว มีแต่เพิ่มขึ้นตลอด
ขอโทษ นี่ยังไม่นับรวมภาษีที่รัฐบาลโขกจากคนไทยเพิ่มอีกลิตรละ 2 บาท(จากภาษีเดิมที่เก็บเต็มอัตราไปแล้วเฉลี่ย 5 บาท/ลิตร) ที่กองทุนน้ำมันอุ้มอยู่
หากเงินกองทุนน้ำมันหมดเมื่อไหร่ก็ต้องบวกจากราคาขาย ณ วันนั้นเพิ่มไปอีก 2 บาท/ลิตร ในกรณีที่รัฐบาลยังปรานีไม่เก็บมากกว่านี้ เพราะตามฐานภาษีใหม่ที่ประกาศใช้ สามารถเก็บได้สูงสุดถึง 10 บาท/ลิตร
ดูจากแนวโน้มและการวิเคราะห์ของนักวิชาการด้านพลังงาน ราคาน้ำมันน่าจะปรับขึ้นเรื่อยๆ
สาเหตุสำคัญเพราะเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ตอนนี้อยู่ในช่วงเชิดหัวขึ้น ถึงจะขึ้นช้าหรือเร็วไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะมีผลทางจิตวิทยาให้คนเริ่มมั่นใจมากขึ้น
บวกกับกลุ่มประเทศโอเปก ที่ผลิตน้ำมันส่งออกมากที่สุดในโลก ตัดสินใจคงอัตราการผลิตไว้เท่าเดิม
แม้ในระดับโลกจักเชื่อว่าเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นบ้าง แต่สำหรับเศรษฐกิจเมืองไทยยังน่าสงสัยอยู่!??
เพราะตัวเลขต่างๆ สะท้อนออกมาว่าน่าจะไม่ตามกระแสเศรษฐกิจโลก
ยิ่งมาบวกกับราคาน้ำมันแพง และการเก็บภาษีน้ำมันเพื่อชดเชยรายได้ส่วนที่หายไป เหมือนกับการฉุดรั้งระบบเศรษฐกิจไทยยิ่งชะลอมากขึ้น
นี่ยังลูกผีลูกคนอยู่ว่าหากราคาน้ำมันปรับทะลุ 30 บาท/ลิตร ราคาสินค้าต่างๆ จะขอปรับเพิ่มหรือไม่
ในอดีตรัฐบาลแทบทุกยุคทุกสมัย ต้องการตรึงราคาน้ำมันให้ต่ำที่สุดเพื่อป้องกันการขึ้นราคาสินค้า เพราะจะกระทบเศรษฐกิจโดยตรง
เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่เมื่อปรับราคาขึ้นไปแล้ว น้อยเท่าน้อยที่จะยอมลดราคาลง
เหมือนสินค้าหลายๆ อย่าง หรือข้าวปลาอาหาร ที่ขอปรับราคาขึ้นไปตอนน้ำมันแพงโคตรๆ เมื่อปีที่แล้ว
แต่เมื่อน้ำมันราคาถูกลงกว่าครึ่ง สินค้าเหล่านี้ก็ไม่ได้ลดราคาให้กับประชาชน
จะเห็นก็แต่รัฐบาลนี้แหละที่นอกจากจะไม่ช่วยพยุงราคาน้ำมันแล้ว ยังรีดภาษีเพื่อให้น้ำมันแพงเกินความจำเป็นเสียอีก
อย่างไรก็ตามหวังว่าเมื่อรัฐบาลสูบเงินจากองทุนน้ำมันหมดไปแล้ว จะยอมยกเลิกการเก็บภาษีส่วนเกิน
เพราะลำพังแค่ราคาน้ำมันตลาดโลกที่กำลังขาขึ้นแบบติดจรวด บวกภาษีฐานเดิมคนไทยก็แทบชักตาตั้งอยู่แล้ว
ถ้าไม่คิดจะช่วยก็อย่าซ้ำเติมกันเลย