ผมไม่แน่ใจว่า “โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน” จะพัฒนาไปสู่จุดแตกหักในรัฐบาลหรือไม่ แต่ถ้าหากใครก็ตาม มีตำแหน่งสำคัญ เป็นถึงระดับนายกรัฐมนตรี และไม่มีอำนาจในการชี้ขาดว่าเรื่องไหนสมควรที่จะนำเข้าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้หรือไม่
ผมอยากแนะให้ลาออกจากตำแหน่งผู้นำสูงสุดฝ่ายบริหารไปเถอะครับ อยู่ต่อไปก็รังแต่จะมีเสียงค่อนขอดและนินทาว่าเป็น “ผู้ นำบ่มิไก๊”
ดูเอาเถอะขนาด “นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต” ประธานคณะกรรมการบอร์ด ขสมก. ยังกล้าออกมาแถลงสวนทางกับนายกฯ อย่างนี้คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้วละครับ ไม่รู้หลายคนลืมบทบาทของนายปิยะพันธ์แล้วหรือยัง ผมจำได้ ช่วง “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” ยิ่งใหญ่ทางการเมือง บังเอิญ อาจารย์จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลง กรณ์มหาวิทยาลัย รับไม่ได้กับพฤติกรรมของนายใหญ่ช่วงขายหุ้นให้กับบริษัทเทมาเส็ก ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อดีตนายกฯ ซึ่งแปรสภาพ กลายเป็นผู้ต้องหาหนีคดี
ประธานบอร์ด ขสมก. ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง นายกสมาคมนิสิตเก่าคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดง บทบาทปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ทำเอาหลายคนฮือฮาพอสมควร และถ้าหากไม่มีเหตุการณ์ 19 ก.ย. 49 ป่านนี้ นายปิยะพันธ์คงได้ดิบได้ดีนั่งเก้าอี้ปลัดกระทรวงคมนาคมไปแล้วครับ
ผมสังเกตดูวันนี้แม้ “พรรคประชาธิปัตย์” จะเข้ามา เป็นรัฐบาลแล้ว ก็ยังต้องปรับต่อพอสมควร เพราะยังมีบรรดาข้าทาส บริวารของ “นายใหญ่” แฝงกายอยู่ในหน่วยงานราชการหลายแห่ง ทั้ง พลเรือน ทหาร ตำรวจ หรือแม้กระทั่ง นักวิชาการ ทำให้ผมนึกถึงภาพยนตร์ต่างประเทศเรื่อง “เชื้อชั่วไม่ยอมตาย” เนื้อเรื่องคือมีเชื้อโรคแฝงเข้ามาอาศัยในร่างกายมนุษย์ กว่าพระเอกจะปราบได้ต้องใช้เวลานานพอสมควร
เอาละครับมาว่าถึง โครงการเช่ารถเมล์ของ ขสมก. ของ กระทรวงคมนาคม ซึ่งกำลังจะกลายเป็น “คาร์บอมบ์” ถล่มรัฐบาลให้กลายเป็นจุณ ก่อนหน้านี้ นสพ.โพสต์ทูเดย์ฉบับวันอาทิตย์ที่ 31 พ.ค. ได้ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ของนายกฯ อภิสิทธิ์ ออกมาระบุว่า ใน วันที่ 3 มิ.ย. ที่จะถึงนี้ จะยังคงไม่มีการพิจารณาโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน วงเงิน 6.9 พันล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมพยายามผลักดัน เนื่องจากถามไปยังสำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังแล้วยังไม่ได้ข้อยุติ
แต่ดูเหมือน รัฐมนตรีสังกัดพรรคภูมิใจไทย ต่างประสาน เสียงยืนยันว่า จะผลักดันโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวีเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 3 มิ.ย. แถมยังมีประธานบอร์ด ขสมก. ออกมาแจงรายละเอียดของโครงการของ ขสมก. อีก เท่ากับนายปิยะพันธ์ ส่งสัญญาณกดดันนายกรัฐมนตรี โดยตรงเลยละครับ
พูดก็พูดเถอะครับ โครงการรถเมล์เช่าเอ็นจีวี ยังไม่มีการ อนุมัติให้เอกชนรายใด ได้ดำเนินการ เป็นเพียงแผนงานที่ยังไม่ได้ริเริ่ม ทั้งหลายทั้งปวงก็อยู่ในขั้นตอนการนำเสนอ จะแพงจะถูกยังสามารถต่อรองกันได้ แต่ถ้า หากคนส่วนใหญ่ของสังคมส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ นายกฯ ยังไม่เห็นด้วยที่จะเดินหน้าผลักดันโครงการในเวลานี้ แต่พรรค ภูมิใจไทยเห็นว่าเป็นโครงการสำคัญที่จะสร้างประโยชน์ให้กับประชาชน
วิธีแก้ปัญหาดีที่สุดคือ “ยุบสภา” ใช้กระบวนการเลือกตั้งเป็นตัวตัดสิน พรรคภูมิใจไทยนำนโยบายเรื่องนี้ไปหาเสียง อธิบายถึงข้อดีข้อเสียให้กับประชาชนได้รับทราบ พรรคประชาธิปัตย์ก็ใช้เวทีนี้ชี้แจงกับประชาชน ไหน ๆ เราจะต้องใช้งบประมาณในการทำประชามติ สอบถามชาวบ้านว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขรัฐธรรม นูญ (รธน.)
ก็ใช้สนามเลือกตั้งตัดสินทั้งเรื่องการแก้กฎหมายแม่บทในการปกครองประเทศ หรือการผลักดันนโยบายต่าง ๆ จะได้ไม่มีใครไปอ้างว่าชาวบ้านยืนอยู่ข้างตนเอง.
"เขื่อนขันธ์"