มี"คำถาม" ปรากฏขึ้นมากมายต่อกรณี 6 ศพอันถูกสาดกระสุนเข้าใส่ ณ วัดปทุมวนาราม
แม้ทั้ง พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองเสนาธิการทหารบก และ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศอฉ. จะออกมาปฏิเสธว่า
"ทหาร" ไม่เกี่ยว
แม้ น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ จะ "ยืนยันว่าช่วงเหตุการณ์และมีผู้เสียชีวิตพื้นที่อยู่ภายใต้การควบ คุมของผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ไม่ได้เข้าใกล้อาณาเขตใกล้เคียง เป็นไปไม่ได้ที่ทางการจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่วัด"
แม้การเข้าไปภายในวัดของเจ้าหน้าที่ทหารในวันที่ 21 พฤษภาคม จะพบอาวุธจำนวนมากมาย และสามารถจับกุมนปช.บางคนซึ่งหลบซ่อนอยู่ภายในวัด
แต่นั่นก็มิได้ให้ "คำตอบ" ว่า 6 ชีวิตที่อยู่ในวัดสูญเสียจากฝีมือของผู้ใด
มีความพยายามจากซีกของทหาร มีความพยายามจากซีกของรัฐบาล มีความพยายามจากซีกของพรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็นฝีมือของกองกำลังไม่ทราบฝ่าย
คำถามก็คือ เมื่อเป็นกองกำลังไม่ทราบฝ่ายแล้วเหตุใดถึงสาดกระสุนเข้าใส่ "ประชาชน"
บางทีผลการชันสูตรของสถาบันนิติเวช สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาจเป็นคำตอบ 1
"ทั้งหมดถูกกระสุนปืนความเร็วสูงเข้าบริเวณด้านหลังและด้านข้างทั้งสิ้น โดยส่วนใหญ่ถูกทำลาย ปอด ตับ หัวใจ
"และ 2 ใน 6 เจอกระสุนบริเวณศีรษะ
"เนื่องจากแพทย์ไม่พบหัวกระสุนที่อยู่ในศพจึงต้องเรียนกับพนักงานสอบสวนเพื่อตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุอีกครั้งเพื่อหาพยานอื่นมาประกอบ โดยเฉพาะหัวกระสุนที่อาจทะลุศพตกยังที่เกิดเหตุ"
น่าสนใจก็ตรงที่ลักษณะศพเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ "เสธ.แดง"
นี่ย่อมเป็นฝีมืออันแม่นยำอย่างยิ่งของ "สไนเปอร์"
เพียงแต่เป้ามิใช่ "เสธ.แดง" หากแต่เป็นประชาชนและพยาบาลอาสาเท่านั้น
มีความสนใจน้อยเป็นอย่างยิ่งจาก "สื่อ" กระแสหลัก ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์
อาจเป็นเพราะคนตายมีความใกล้ชิดกับ "เสื้อแดง"
นี่ย่อมเป็นผลจากการโหมประโคมของสื่อโทรทัศน์โดยนักพูดทั้งหลายในการโจมตีสาดสีว่าด้วย "ก่อการร้าย" และขบวนการ "ล้มสถาบัน" เข้าใส่อย่างต่อเนื่อง เป็นระบบเป็นกระบวนการ
เมื่อคนตายเป็น "เสื้อแดง" เสียแล้ว จึงเห็นว่าไม่น่าจะต้องไปค้นหา "ความจริง"
ความสนใจด้านหลักจึงมีอาคารหรูซึ่งถูกเผา และความสูญเสียทางเศรษฐกิจมากกว่าชีวิตของ "เสื้อแดง" อันเข้าข่ายเป็น "ผู้ก่อการร้าย"
มูลค่าของ "ตึก" จึงอยู่เหนือกว่า "ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์" ด้วยประการฉะนี้
ประเด็นอยู่ที่ว่า ความเข้าใจของ "เสื้อแดง" ในวัดปทุมวนารามจำนวนหลายพันคน กับความเข้าใจของกลุ่มคนที่เกลียด "เสื้อแดง" ต่อการตายของ 6 ชีวิต มีความแตกต่างกัน
ความเข้าใจที่แตกต่างกันเช่นนี้เองคือรากเหง้าของความขัดแย้งแตกแยกที่ยังดำรงอยู่
ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะเพรียกหาความเป็นธรรมจากซีกของรัฐบาล จากซีกของศอฉ.
การตายของ 6 ชีวิตที่วัดปทุมวนารามจึงยังเป็นความลับอันดำมืดที่ทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายรัฐบาลต่างปฏิเสธความรับผิดชอบ
เป็นการปฏิเสธทั้งที่ฝ่ายทหารและรัฐบาลคือผู้รับผิดชอบในปฏิบัติการวันที่ 19 พฤษภาคม
แม้ทั้ง พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองเสนาธิการทหารบก และ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศอฉ. จะออกมาปฏิเสธว่า
"ทหาร" ไม่เกี่ยว
แม้ น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ จะ "ยืนยันว่าช่วงเหตุการณ์และมีผู้เสียชีวิตพื้นที่อยู่ภายใต้การควบ คุมของผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ไม่ได้เข้าใกล้อาณาเขตใกล้เคียง เป็นไปไม่ได้ที่ทางการจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่วัด"
แม้การเข้าไปภายในวัดของเจ้าหน้าที่ทหารในวันที่ 21 พฤษภาคม จะพบอาวุธจำนวนมากมาย และสามารถจับกุมนปช.บางคนซึ่งหลบซ่อนอยู่ภายในวัด
แต่นั่นก็มิได้ให้ "คำตอบ" ว่า 6 ชีวิตที่อยู่ในวัดสูญเสียจากฝีมือของผู้ใด
มีความพยายามจากซีกของทหาร มีความพยายามจากซีกของรัฐบาล มีความพยายามจากซีกของพรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็นฝีมือของกองกำลังไม่ทราบฝ่าย
คำถามก็คือ เมื่อเป็นกองกำลังไม่ทราบฝ่ายแล้วเหตุใดถึงสาดกระสุนเข้าใส่ "ประชาชน"
บางทีผลการชันสูตรของสถาบันนิติเวช สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาจเป็นคำตอบ 1
"ทั้งหมดถูกกระสุนปืนความเร็วสูงเข้าบริเวณด้านหลังและด้านข้างทั้งสิ้น โดยส่วนใหญ่ถูกทำลาย ปอด ตับ หัวใจ
"และ 2 ใน 6 เจอกระสุนบริเวณศีรษะ
"เนื่องจากแพทย์ไม่พบหัวกระสุนที่อยู่ในศพจึงต้องเรียนกับพนักงานสอบสวนเพื่อตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุอีกครั้งเพื่อหาพยานอื่นมาประกอบ โดยเฉพาะหัวกระสุนที่อาจทะลุศพตกยังที่เกิดเหตุ"
น่าสนใจก็ตรงที่ลักษณะศพเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ "เสธ.แดง"
นี่ย่อมเป็นฝีมืออันแม่นยำอย่างยิ่งของ "สไนเปอร์"
เพียงแต่เป้ามิใช่ "เสธ.แดง" หากแต่เป็นประชาชนและพยาบาลอาสาเท่านั้น
มีความสนใจน้อยเป็นอย่างยิ่งจาก "สื่อ" กระแสหลัก ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์
อาจเป็นเพราะคนตายมีความใกล้ชิดกับ "เสื้อแดง"
นี่ย่อมเป็นผลจากการโหมประโคมของสื่อโทรทัศน์โดยนักพูดทั้งหลายในการโจมตีสาดสีว่าด้วย "ก่อการร้าย" และขบวนการ "ล้มสถาบัน" เข้าใส่อย่างต่อเนื่อง เป็นระบบเป็นกระบวนการ
เมื่อคนตายเป็น "เสื้อแดง" เสียแล้ว จึงเห็นว่าไม่น่าจะต้องไปค้นหา "ความจริง"
ความสนใจด้านหลักจึงมีอาคารหรูซึ่งถูกเผา และความสูญเสียทางเศรษฐกิจมากกว่าชีวิตของ "เสื้อแดง" อันเข้าข่ายเป็น "ผู้ก่อการร้าย"
มูลค่าของ "ตึก" จึงอยู่เหนือกว่า "ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์" ด้วยประการฉะนี้
ประเด็นอยู่ที่ว่า ความเข้าใจของ "เสื้อแดง" ในวัดปทุมวนารามจำนวนหลายพันคน กับความเข้าใจของกลุ่มคนที่เกลียด "เสื้อแดง" ต่อการตายของ 6 ชีวิต มีความแตกต่างกัน
ความเข้าใจที่แตกต่างกันเช่นนี้เองคือรากเหง้าของความขัดแย้งแตกแยกที่ยังดำรงอยู่
ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะเพรียกหาความเป็นธรรมจากซีกของรัฐบาล จากซีกของศอฉ.
การตายของ 6 ชีวิตที่วัดปทุมวนารามจึงยังเป็นความลับอันดำมืดที่ทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายรัฐบาลต่างปฏิเสธความรับผิดชอบ
เป็นการปฏิเสธทั้งที่ฝ่ายทหารและรัฐบาลคือผู้รับผิดชอบในปฏิบัติการวันที่ 19 พฤษภาคม