จริงจังแค่ไหนผมไม่แน่ใจกรณีรัฐบาลพยายามจะนำอดีตนายกฯพ.ต.ท.ทักษิณกลับมารับโทษคดีซื้อขายที่ดินถนนรัชดาฯ และดำเนินการอีกหลายคดีตามคำฟ้องของอัยการสูงสุดและคตส.ค้างอยู่ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง
แต่ดูจริงจังมากที่อธิบดีดีเอสไอขอคำสั่งศาลออกหมายจับคดีก่อการร้ายสืบเนื่องจากเหตุการณ์ชุมนุมและเผาใหญ่สดๆร้อนๆ และศาลอาญาก็อนุมัติออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อย
ที่เป็นอยู่หลายประเทศไม่มีข้อตกลงหรือสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน นั่นเป็นประเด็นหนึ่ง แต่อุปสรรคสำคัญผมว่ารัฐบาลหลายชาติอ้ำๆอึ้งๆในการจับตัวอดีตนายกฯส่งกลับประเทศไทยเนื่องจากมีข้อกังขาจะมีการเมืองเกี่ยวข้องด้วย
เมื่อข้อกล่าวหาพัฒนามาถึงขั้น “ก่อการร้าย” ก็น่าจะมีน้ำหนักมากพอให้ประเทศผู้ให้ที่พักพิงผู้ต้องหาตามหมายจับของกระบวนการยุติธรรมไทยต้องคิดหนัก
หลายปีก่อนเราเคยจับผู้ก่อการร้ายตัวดังชาวอินโดฯ “ฮัมบาลี” สังกัดเจไอและผูกพันอัลไคด้าแน่นแฟ้นที่อยุธยา จากนั้นก็มอบตัวต่อทางอเมริกาไปสอบสวน เป็นตัวอย่างหนึ่งว่าข้อหาอันนี้คอขาดบาดตายนานาชาติต้องร่วมมือกัน
กรณีผู้ต้องหาก่อการร้ายจากเหตุการณ์ “มหาพฤษภาทมิฬ” ย่อมอยู่ในความสนใจของรัฐบาลทั่วโลกที่อดีตนายกฯใช้พาสปอร์ตมอนเตเนโกรเข้าๆออกๆ
โดยงานตามตัวกลับมาขึ้นศาลเป็นของฝ่ายอัยการสูงสุดประสานกับกระทรวงต่างประเทศ
ปัญหาขณะนี้ไม่ใช่แค่จะตามตัวได้ที่ไหน?
ต้องคิดไตร่ตรองและเตรียมการอย่างรอบคอบถึงผลได้ผลเสียเมื่อคุมตัวขาใหญ่กลับมาซึ่งว่าด้วยกติกาก็ต้องส่งเข้าคุกคดีที่ดินรัชดาฯที่ศาลตัดสินไปแล้ว จากนั้นก็สอบสวนดำเนินการอีกหลายคดีเก่าบวกคดีใหม่ซึ่งใหญ่โตที่สุด - ก่อการร้าย
ข้อดีที่ผมนึกออก เป็นความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรมไทยจะอยู่ที่ไหนก็ตามตัวมาได้ ผิดถูกว่าไปตามหลักฐาน
ข้อเสียกังวลอยู่คือการนำอดีตนายกฯทักษิณกลับอาจไม่ใช่จุดจบของตำนานหนึ่งแห่งการเมืองไทย กลับเป็นการจุดเริ่มของความวุ่นวายขัดแย้งรุนแรงขึ้นเนื่องจากมีผู้ชื่นชอบเสมือนวีรบุรุษในดวงใจอยู่มากในภาคเหนือ,อีสานหรือในกรุงเทพฯ
เสนอว่าอัยการสูงสุดและกระทรวงต่างประเทศไม่ต้องด่วนเอากลับมาหรอก
ตัวอดีตนายกฯน่ะขาลอยต้องพึ่งกระแสรากหญ้า จึงควรทำความเข้าใจกับประชาชนเหล่านั้นถึงกติกาของบ้านเมือง ชอบหรือศรัทธาได้แต่ต้องไม่ขัดขวางหรือหงุดหงิดกับกระบวนการยุติธรรม
ภาวะอึมครึมเช่นปัจจุบันผมว่ายังไม่ถึงเวลาเอาผู้ต้อง หาใหญ่กลับประเทศ รัฐบาลควรทำการบ้านยากๆให้เสร็จก่อน - ขอเตือน!.
แมงเม่า
แต่ดูจริงจังมากที่อธิบดีดีเอสไอขอคำสั่งศาลออกหมายจับคดีก่อการร้ายสืบเนื่องจากเหตุการณ์ชุมนุมและเผาใหญ่สดๆร้อนๆ และศาลอาญาก็อนุมัติออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อย
ที่เป็นอยู่หลายประเทศไม่มีข้อตกลงหรือสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน นั่นเป็นประเด็นหนึ่ง แต่อุปสรรคสำคัญผมว่ารัฐบาลหลายชาติอ้ำๆอึ้งๆในการจับตัวอดีตนายกฯส่งกลับประเทศไทยเนื่องจากมีข้อกังขาจะมีการเมืองเกี่ยวข้องด้วย
เมื่อข้อกล่าวหาพัฒนามาถึงขั้น “ก่อการร้าย” ก็น่าจะมีน้ำหนักมากพอให้ประเทศผู้ให้ที่พักพิงผู้ต้องหาตามหมายจับของกระบวนการยุติธรรมไทยต้องคิดหนัก
หลายปีก่อนเราเคยจับผู้ก่อการร้ายตัวดังชาวอินโดฯ “ฮัมบาลี” สังกัดเจไอและผูกพันอัลไคด้าแน่นแฟ้นที่อยุธยา จากนั้นก็มอบตัวต่อทางอเมริกาไปสอบสวน เป็นตัวอย่างหนึ่งว่าข้อหาอันนี้คอขาดบาดตายนานาชาติต้องร่วมมือกัน
กรณีผู้ต้องหาก่อการร้ายจากเหตุการณ์ “มหาพฤษภาทมิฬ” ย่อมอยู่ในความสนใจของรัฐบาลทั่วโลกที่อดีตนายกฯใช้พาสปอร์ตมอนเตเนโกรเข้าๆออกๆ
โดยงานตามตัวกลับมาขึ้นศาลเป็นของฝ่ายอัยการสูงสุดประสานกับกระทรวงต่างประเทศ
ปัญหาขณะนี้ไม่ใช่แค่จะตามตัวได้ที่ไหน?
ต้องคิดไตร่ตรองและเตรียมการอย่างรอบคอบถึงผลได้ผลเสียเมื่อคุมตัวขาใหญ่กลับมาซึ่งว่าด้วยกติกาก็ต้องส่งเข้าคุกคดีที่ดินรัชดาฯที่ศาลตัดสินไปแล้ว จากนั้นก็สอบสวนดำเนินการอีกหลายคดีเก่าบวกคดีใหม่ซึ่งใหญ่โตที่สุด - ก่อการร้าย
ข้อดีที่ผมนึกออก เป็นความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรมไทยจะอยู่ที่ไหนก็ตามตัวมาได้ ผิดถูกว่าไปตามหลักฐาน
ข้อเสียกังวลอยู่คือการนำอดีตนายกฯทักษิณกลับอาจไม่ใช่จุดจบของตำนานหนึ่งแห่งการเมืองไทย กลับเป็นการจุดเริ่มของความวุ่นวายขัดแย้งรุนแรงขึ้นเนื่องจากมีผู้ชื่นชอบเสมือนวีรบุรุษในดวงใจอยู่มากในภาคเหนือ,อีสานหรือในกรุงเทพฯ
เสนอว่าอัยการสูงสุดและกระทรวงต่างประเทศไม่ต้องด่วนเอากลับมาหรอก
ตัวอดีตนายกฯน่ะขาลอยต้องพึ่งกระแสรากหญ้า จึงควรทำความเข้าใจกับประชาชนเหล่านั้นถึงกติกาของบ้านเมือง ชอบหรือศรัทธาได้แต่ต้องไม่ขัดขวางหรือหงุดหงิดกับกระบวนการยุติธรรม
ภาวะอึมครึมเช่นปัจจุบันผมว่ายังไม่ถึงเวลาเอาผู้ต้อง หาใหญ่กลับประเทศ รัฐบาลควรทำการบ้านยากๆให้เสร็จก่อน - ขอเตือน!.
แมงเม่า