บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

พท.ป้อง"ม็อบแดง"ออกแถลงการณ์ซัด ศอฉ.ยัดข้อหาก่อการร้าย จวกจัดฉากขนอาวุธใหม่เอี่ยมโชว์ทูต 51 ประเทศ

ที่มา มติชน

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) อ่านแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 23 พ.ค.ว่า การแถลงการณ์ของรัฐบาลเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ระบุว่า มีการจับอาวุธของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)ได้เป็นจำนวนมากนั้น ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของพรรคเพื่อไทย และเป็นไปตามที่พรรคได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า ว่า รัฐบาลพยายามหาเหตุสร้างความชอบธรรมให้กับการสั่งการใช้กำลังทหาร พร้อมอาวุธสงครามร้ายแรงเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนที่ชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ โดยพยายามบิดเบือนว่า ผู้ชุมนุมมีอาวุธ และเป็นผู้ก่อการร้าย ซึ่งการแถลงการของรัฐบาลนั้นขัดกับข้อเท็จจริง และเหตุผลต่างๆ


1.แกนนำ นปช. ได้พูดบนเวทีคืนก่อนที่จะมีการสลายการชุมนุมในวันที่ 19 พ.ค. แล้วว่า มีคนรายงานว่าในการประชุมของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)มีการพูดถึงการยัดข้อหา เพื่อเป็นพยายนหลักฐานว่าผู้ชุมนุมมีการใช้อาวุธร้ายแรง และท้ายที่สุดก็เป็นจริงตามที่แกนนำได้พูดบนเวทีและคาดการณ์ไว้

2.ถ้าผู้ชุมนุมมีอาวุธดังกล่าวนั้นจริง ทำไมผู้ชุมนุมไม่ใช้อาวุธนั้นต่อต้านเจ้าหน้าที่ในวันก่อนๆ และในวันที่มีการเข้าสลายการชุมนุม จะปล่อยอาวุธดังกล่าวทิ้งไว้ทำไม แล้วปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามาฆ่าตัวเอง


3. ผู้ชุมนุมรู้ล่วงหน้าว่าจะมีการสลายการชุมนุมและจะต้องมีการหาเหตุ หาอาวุธมาปรับปรำผู้ชุมนุมในข้อหาการก่อการร้าย ผู้ชุมนุมจะปล่อยอาวุธเหลือไว้ให้เจ้าหน้าที่ยึดเป็นหลักฐานทำไม


4.ในระหว่างการชุมนุมนั้น แกนนำได้พาสื่อมวลชนไปตรวจสอบอาวุธตามที่ศอฉ.ได้กล่าวหา แต่ก็ปรากฎว่าไม่พบอาวุธแต่อย่างใด


5. ตั้งแต่มีการชุมนุมเมื่อวันที่ 12 มี.ค.-19 พ.ค. มีผู้เสียชีวิต 85 คน เป็นทหาร และตำรวจ 11 นาย ส่วนอีก 74 รายเป็นประชาชน ซึ่งไม่ปรากฎเลยว่าผู้ชุมนุมที่เสียชีวิตมีอาวุธ หรือใช้อาวุธกับเจ้าหน้าที่


6.การตรวจค้นอาวุธ กระทำภายหลังการสลายการชุมนุมโดยเจ้าหน้าที่รัฐเพียงฝ่ายเดียว ไม่มีสักขีพยายานจากฝ่ายอื่นที่เป็นกลางมาร่วมตรวจสอบ จึงทำให้ผลการตรวจสอบไม่น่าเชื่อถือ


7. มีการตรวจสอบลายนิ้วมือและหาพยานหลักฐานตามหลักนิติวิทยาศาสตร์อย่งเที่ยงตรงและเป็นธรรมหรือไม่

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย รู้สึกกังวลใจเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลและศอฉ. กำลังพยายามใช้อาวุธที่อ้างว่ายึดมาได้มาสร้างความชอบธรรม และปรักปรำกล่าวหาผู้ชุมนุมว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งๆที่ขัดกับข้อเท็จจริงและเหตุผลดังที่ได้กล่าวมานั้น และขอเรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาและยุติธรรม มิฉะนั้นแล้วรัฐบาลจะไม่สามารถสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในชาติได้ ความขัดแย้งจะยิ่งบานปลายต่อไปอีก และพรรคเพื่อไทยจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อทำให้ความจริงปรากฎ และให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงวันเดียวกันว่า กรณี ศอฉ.ชิญผู้ช่วยทูตทหารและคณะสื่อมวลชนเข้ารับฟังการปฏิบัติการกระชับวงล้อมและนำอาวุธที่ยึดได้จากพื้นที่ชุมนุมมาแถลงข่าวนั้น ถือว่า เป็นการจัดฉากโชว์ปาหี่แสดงอาวุธระดับโลกเหมือนยกงานวันเด็กเพื่อจัดแสดงให้ทูตานุทูต 51 ประเทศพร้อมสื่อต่างประเทศได้เห็น หลังจากที่ใช้อาวุธจริงกับประชาชน แต่วันนี้กลับกล่าวหาว่า ผู้ชุมนุมมีอาวุธสงคราม ซึ่งตนได้คุยกับ พล.อ.ท่านหนึ่งบอกรู้สึกอัปยศกับรัฐบาลและกองทัพ ที่นำอาวุธเหล่านี้มาแถลงข่าว เพราะอาวุธเหล่านี้ใหม่สด มีการเก็บไว้อย่างดี เสมือนพึ่งเอาออกมาจากคลังอาวุธ มีการเช็คถูด้วยน้ำมันเรียบร้อย จึงเสมือนเป็นการแสดงฉากโชว์อาวุธ

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า จึงอยากถามรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นเรื่องจริงหรือไม่ที่มีการตั้งรางวัลให้กับทหารแต่ละกอง กองร้อยละ 100,000 บาท และหานำศพมาได้ก็จะให้เป็นกองร้อยละ 200,000 บาท แบบนี้เสมือนเป็นการล่าหัว จึงทำให้มีการยืนยันว่า ทหารยิงประชาชนในเขตอภัยทาน ยิงแล้วมีการแย่งศพกลับไปเพราะมีการอัดฉีดเงินกับคนของรัฐบาล เพื่อเอาไปขึ้นรางวัลซึ่งถือว่า เป็นการละเมิดต่อหลักสิทธิมนุษย์ชนและตามหลักสากลด้วย

โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า นอกจากนี้ที่บอกว่าการปฏิบัติการครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตน้อยนั้น แต่จริงแล้วยังมีคนสูญหายอีกมาก ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะรวบรวมหลักฐานและจะนำไปฟ้องศาลทั้งในประเทศและต่างประเทศ

“หากนายอภิสิทธิ์บอกไม่มีการดำเนินการดังกล่าว ขอท้าให้นายอภิสิทธิ์ และกองทัพไปสาบานว่า ไม่มีการอัดฉีดและไม่มีการสั่งฆ่าประชาชน 2.ถ้ารัฐบาลและกองทัพไม่ต้องการสร้างหลักฐานเท็จยัดหลักฐานให้ประชาชนเป็นคดีก่อการ้าย หลังการปะทะเมื่อ 10 เม.ย.รัฐบาล ศอฉ.และกองทัพต้องมีความจริงใจในการยกเลิกการประกาศเคอร์ฟิวส์ แต่ปรากฎว่าวันนี้นายอภิสิทธิ์ยังบอกว่า จะคงประกาศเคอร์ฟิวไว้ ก็เพราะยังเก็บหลักฐานไม่หมดแล้วต้องการปิดปากสื่อมวลชน องค์กรสากลต่างๆ วันนี้นายกฯ กองทัพใช้กฎหมายพิเศษ ใช้กองทัพในการรักษาตำแหน่งของตัวเองต่อไป โดยไม่สนใจเศรษฐกิจและชาวโลก"

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า นอกจากนี้จากการตรวจสอบของพรรคเพื่อไทยพบว่า ประชาชนที่เสียชีวิตส่วนใหญ่นั้นถูกยิงด้วยสไนเปอร์ แต่วันนี้นายกฯและกองทัพไม่เคยพูดถึงสไนเปอร์ว่า เป็นอย่างไร ตนจึงขอตั้งคำถามว่า ประชาชน 30 รายถูกยิงด้วนสไนเปอร์ ซึ่งถือว่า เป็นอาวุธที่กองทัพใช้ อยู่ในกองบัญชาการหน่วยรบพิเศษที่ขึ้นตรงกับ ผบ.ทบ.ตรงนี้ได้มีการตรวจสอบหรือไม่ จึงขอเรียกร้องว่าหากมีการตั้งองค์กรกลางขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น ขอให้มีการตั้งหน่วยงานที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยตรงมาตรวจสอบ โดยเฉพาะต้องตรวจอสอบด้วยว่ามีคำสั่งออกมาให้ใช้กองบัญชาการหน่วยรบพิเศษหรือไม่

ด้าน นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย แถลงว่า ทุกคนรู้จักแกนนำ นปช.ดีว่าไม่เคยมีประวัติการใช้อาวุธหรือเป็นผู้ก่อการร้าย แต่วันนี้กลับถูกกล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้าย และในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ศอฉ.แถลงอยู่ฝ่ายเดียว ปิดกั้นสื่อทั้งหมด ทำให้ทุกอย่างไม่น่าเชื่อถือและการแถลงการจับกุมอาวุธ หากเป็นอาวุธที่ถูกนำใช้ไปแล้วต้องมีการตรวจลายนิ้วมือ และเขม่าดินปืน ไม่ใช่ออกมาในลักษณะขัดถูกมาอย่างดี แบบนี้ถือเป็นการกล่าวหาข้างเดียว

นายวรวัจน์กล่าวว่า ส่วนเรื่องการเผาเซ็นทรัลเวิล์ดเกิดภายหลังที่แกนนำ นปช.ประกาศยุติการชุมนุมแล้ว และไม่มีภาพของผู้ที่เผา เหตุจูงใจการเผามีเหตุหลายอย่างไม่ใช่การจราจลอย่างเดียว อาจเป็นการสร้างสถานการณ์ก็ได้ ดังนั้นเรื่องนี้ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน ขณะที่รัฐบาลเองหากคาดว่า อาจมีการเผารัฐบาลก็ต้องแจ้งไปยังสถานีรถดับเพลิงในบริเวณใกล้เคียง แต่ปรากฎว่าจากการตรวจสอบของพรรคเพื่อไทยกลับไม่มีการขอกำลังเพิ่มเติมแต่อย่างใดซึ่งถือว่าผิดวิสัยได้ จึงอยากรัฐบาลและประชาชนว่าหากวันนี้ไม่มีเรื่องเผาเกิดขึ้น ไม่มีการพบอาวุธจำนวนมาก รัฐบาลจะตอบคำถามเรื่องทหารฆ่าประชาชนอย่างไร เรื่องที่ต้องปกปิดคือต้องเอาเรื่องการอาวุธเรื่องเผามากลบเกลื่อน และขอให้รัฐบาลยุติการกระทำทั้งปวง

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker