วันนี้เป็น วันวิสาขบูชา ที่ปีนี้ประเทศไทยได้มีโอกาสต้อนรับผู้แทนจากองค์กรพุทธศาสนา กว่า 1,700 รูป จาก 83 ประเทศทั่วโลก เนื่องจากปีนี้ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพจัดงานวันวิสาขบูชาโลกร่วมกัน
สัปดาห์ที่วิกฤติบ้านเมืองยังวุ่นวาย ได้มีการ จัดงานวันวิสาขบูชาโลก ไปเรียบร้อยแล้วที่มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยและตึกองค์การสหประชาชาติ
รู้สึกใจหายเมื่อหวนนึกย้อนไปดูความเป็นอยู่ของคนไทยในอดีต เทศกาลงานบุญ ประเพณีวัฒนธรรมต่างๆดั้งเดิมที่เคยมีมาพร้อมกับรอยยิ้มประทับใจที่หาไม่ได้แล้วในยุคปัจจุบัน
ที่มีแต่ร่องรอยของความหายนะ
จะด้วยเหตุผลกลใดคงไม่ต้องอธิบายให้เมื่อยตุ้ม นับตั้งแต่ นักการเมืองยินยอมต้อนรับอำนาจนอกระบบปล่อยให้มีการยึดอำนาจ โดยยินยอมพร้อมใจ ปล่อยให้อำนาจนอกระบบเข้ามาทำลายความ ชอบธรรมของอำนาจประชาธิปไตย
ทำลายความเป็นชาติไทยหมดสิ้นลงทันที
ผลกระทบนี้ไม่เฉพาะหมู่ประชาชนคนไทยเท่านั้น ยังลามไปทุกองค์กร ครอบครัวแตกแยก องค์กรแตกแยก ประเทศแตกแยก แม้แต่ นักการเมืองเองก็มุ่งที่จะเข่นฆ่ากันทุกวิถีทาง สภาล่มเป็นเรื่องธรรมชาติไปแล้ว บรรยากาศในสภาเหมือนเวทีมวยไม่มีผิด เผลอๆเป็นมวยวัดไม่มีกรรมการด้วยซ้ำ
ฝ่ายบริหารเองก็สิ้นศรัทธา สมัยก่อนนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีลงพื้นที่พบปะชาวบ้านมีแต่ความเป็นมิตรผูกผ้าขาวม้ากันตั้งแต่สะโพกไปถึงคอ กอดรัดฟัดเหวี่ยงผูกข้อไม้ข้อมือ เป็นบรรยากาศที่ชี้ให้เห็นวัฒนธรรมการเมืองไทยที่ชัดเจนอีกรูปแบบหนึ่ง
ตอนนี้จะออกนอกอาคารก็ไม่ได้ ไปไหนต้องนั่งรถกันกระสุน มีหน่วยรักษาความปลอดภัยล้อมหน้าล้อมหลังแทบจะไม่ต้องออกแรงเดินเอง อีกหน่อยก็คงต้องอุ้มกระเตงกันไป เพราะฉะนั้นการที่ชาวบ้านจะเข้าใกล้ตัวเหมือนในอดีตคงจะยาก แค่มีคนมายืนด่าก็ผวาแล้ว
การดำเนินการขุดรากถอนโคนของรัฐบาลต่อคนเสื้อแดงและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในข้อหาก่อการร้าย ขณะนี้ระวังจะมีการย้อนศรเพราะเสื้อเหลืองก็เจอข้อหาผู้ก่อการร้ายคาอยู่ คดีไปถึงไหน ทำไมไม่กระเหี้ยนกระหือรือ แล้วข้อหามือเปื้อนเลือดก็ยังไม่มีการ พิสูจน์ชัด ฝ่ายหนึ่งมาประท้วงรัฐบาลแล้วถูกยิงตายถูกตั้งข้อหาผู้ก่อการร้าย ฝ่ายหนึ่งสั่งใช้ความรุนแรงกับประชาชนกลับถูกต้องตามกฎหมาย มีความชอบธรรม
ว้าเหว่.
หมัดเหล็ก