จตุพร - อภิสิทธิ์
สวนดุสิตโพล ระบุ ประชาชนร้อยละ 64.28 หวั่นใจว่า "นักการเมืองไทย" จะสร้างภาพหลอกลวงประชาชนในการ "ฮั้วปรองดอง" เพราะเป็นเกมการเมืองที่ร่วมกัน หวังให้คนเชื่อใจ ส่วนอีกร้อยละ 73.04 เชื่อว่าถ้านักการเมืองปรองดองกันจริง บ้านเมืองดีขึ้นแน่...
25 พ.ค. สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,282 คน ระหว่างวันที่ 23-25 พ.ค.53 ถึงกรณีนักการเมืองในยุคความปรองดองที่ต้องการว่าเป็นอย่างไร
โดยประชาชนร้อยละ 64.28 ระบุ กลัวว่าการปรองดองของนักการเมืองจะเป็นการฮั้วกัน เพราะอาจเป็นเกมการเมืองที่นักการเมืองร่วมกันสร้างภาพเพื่อให้ประชาชนเชื่อใจหรือไว้ใจ แต่อีกร้อยละ 35.72 ไม่เชื่อว่าจะมีการฮั้วกัน เพราะคิดว่านักการเมืองแต่ละกลุ่มมีความเห็นต่อบ้านเมืองที่แตกต่างกัน และมีจุดยืนชัดเจนเป็นของตนเอง
ขณะที่ร้อยละ 30.54 คิดว่า การปรองดองที่เป็นรูปธรรมของนักการเมือง ที่จะต้องทำให้เป็นตัวอย่างแก่ประชาชนวันนี้คือ นักการเมืองทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติหน้าที่ของตนเองให้เต็มความสามารถเพื่อให้เห็นผลงานออกมาเป็นรูปธรรม
ส่วนความเห็นร้อยละ 73.04 เชื่อว่าถ้านักการเมืองสามารถปรองดองกันได้จริง จะทำให้บ้านเมืองดีขึ้น เพราะจะได้ร่วมมือร่วมใจกันทำงาน บรรยากาศบ้านเมืองจะได้สงบสุข การบริหารประเทศทุกด้านต้องอาศัยนักการเมือง
สำหรับเสียงประชาชนอีกร้อยละ 48.21 คิดว่านักการเมืองไทยทุกวันนี้คงหันหน้าปรองดองกันได้ยาก เพราะแต่ละฝ่ายไม่ยอมลดราวาศอกกัน ยังเล่นเกมการเมืองกันอยู่
และร้อยละ 37.98 อยากฝากให้นักการเมืองไทยยุคสถานการณ์บ้านเมืองแบบนี้มีความจริงใจ ตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ
สวนดุสิตโพล ระบุ ประชาชนร้อยละ 64.28 หวั่นใจว่า "นักการเมืองไทย" จะสร้างภาพหลอกลวงประชาชนในการ "ฮั้วปรองดอง" เพราะเป็นเกมการเมืองที่ร่วมกัน หวังให้คนเชื่อใจ ส่วนอีกร้อยละ 73.04 เชื่อว่าถ้านักการเมืองปรองดองกันจริง บ้านเมืองดีขึ้นแน่...
25 พ.ค. สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,282 คน ระหว่างวันที่ 23-25 พ.ค.53 ถึงกรณีนักการเมืองในยุคความปรองดองที่ต้องการว่าเป็นอย่างไร
โดยประชาชนร้อยละ 64.28 ระบุ กลัวว่าการปรองดองของนักการเมืองจะเป็นการฮั้วกัน เพราะอาจเป็นเกมการเมืองที่นักการเมืองร่วมกันสร้างภาพเพื่อให้ประชาชนเชื่อใจหรือไว้ใจ แต่อีกร้อยละ 35.72 ไม่เชื่อว่าจะมีการฮั้วกัน เพราะคิดว่านักการเมืองแต่ละกลุ่มมีความเห็นต่อบ้านเมืองที่แตกต่างกัน และมีจุดยืนชัดเจนเป็นของตนเอง
ขณะที่ร้อยละ 30.54 คิดว่า การปรองดองที่เป็นรูปธรรมของนักการเมือง ที่จะต้องทำให้เป็นตัวอย่างแก่ประชาชนวันนี้คือ นักการเมืองทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติหน้าที่ของตนเองให้เต็มความสามารถเพื่อให้เห็นผลงานออกมาเป็นรูปธรรม
ส่วนความเห็นร้อยละ 73.04 เชื่อว่าถ้านักการเมืองสามารถปรองดองกันได้จริง จะทำให้บ้านเมืองดีขึ้น เพราะจะได้ร่วมมือร่วมใจกันทำงาน บรรยากาศบ้านเมืองจะได้สงบสุข การบริหารประเทศทุกด้านต้องอาศัยนักการเมือง
สำหรับเสียงประชาชนอีกร้อยละ 48.21 คิดว่านักการเมืองไทยทุกวันนี้คงหันหน้าปรองดองกันได้ยาก เพราะแต่ละฝ่ายไม่ยอมลดราวาศอกกัน ยังเล่นเกมการเมืองกันอยู่
และร้อยละ 37.98 อยากฝากให้นักการเมืองไทยยุคสถานการณ์บ้านเมืองแบบนี้มีความจริงใจ ตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ