บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

‘ธาริต’เดินเกมแรง กระชับพื้นที่‘แม้ว’!

ที่มา บางกอกทูเดย์


แม้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะพูดย้ำถึงเรื่องของแผนปรองดอง จนแทบจะเรียกได้ว่า ปากจะฉีกถึงรูหู แต่มันน่าน้อยใจเสียเหลือเกินที่ไม่มีใครยอมเชื่อ...สังคมยังคงตั้งคำถามว่า จะปรองดองได้อย่างไร??? สิ่งเหล่านี้นายอภิสิทธิ์ คงจะต้องหาคำตอบจากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นบรรดานายกองร้องด่าท้าทายทั้งหลาย หรือบรรดาองค์รักพิทักษ์อภิสิทธิ์ และแม้แต่กระทั่งมือทำงานในการควบคุมสื่อ หรือมือทำงานเดินเกมใต้ดินให้รัฐบาล เพราะหลายๆ กรณีที่คนรอบข้างนายอภิสิทธิ์กระทำ ล้วนแต่ชวนให้เกิดข้อ

กังขาตามมาทั้งสิ้น ว่าคงหาความปรองดองยาก... ถ้ายังเล่นไม่เลิก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดูเหมือนกำลังมาแรงแซงหน้าแม้แต่กระทั่งกระทรวงการต่างประเทศ อย่างเห็นได้ชัด ชื่อของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม ผงาดขึ้นมาเหนือชั้นกว่านา

ยกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แล้วในขณะนี้ โดยเฉพาะผลงานการใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน แบบไล่ล่าเหวี่ยงแห และล่าสุดก็คือ การไล่ล่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชนิดที่การไล่ล่าของกระทรวงต่างประเทศตามคำสั่งของนายกษิต เป็นเรื่องจิ๊บๆ ไปเลย การไล่ล่าของนา

ยกษิตนั้น สังคมไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด เพราะนอกจากจะรู้ว่านายกษิตเป็นข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศที่อกหักในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วยังเป็นแกนนำม็อบพันธมิตรฯ ที่เป็นปฏิปักษ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างเปิดเผยมาตลอด การจะไล่ล่า ปิดกั้นหนทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ผิด

กับนายธาริต ที่โผล่พรวดมาไล่ขยี้อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน หลังจากที่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินแล้ว สังคมจึงอดสงสัยไม่ได้ว่า... เพราะอะไร??? หรือว่าจะเป็นเพราะอาถรรพ์ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ไม่ว่าใครก็ตามได้ลองเสพได้ลองลิ้มรสอมฤตของอำนาจครอบจักรวาลแล้ว จะมึนเมาลุ่มหลงจนถอนตัวไม่ขึ้น ภาษิตจีนบอก

ว่า พยัคฆ์ลงจากขุนเข่า ฝูงหมาล่าเนื้อก็รุมขย้ำไม่เกรงใจ... งานนี้บอกได้คำเดียวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สาหัสแน่ เมื่อเจอศึกกระหนาบ รุมขย้ำไล่ล่า ทั้งจาก ดีเอสไอ และจากกระทรวงต่างประเทศ ทั้งจาก “ธาริต” และจาก “กษิต” ผลงานการผลักดันจนกระทั่ง ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับคดีก่อการร้ายตามที่ ดีเอสไอ

กล่าวหา ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา นายธาริต ซึ่งสวมหัวโขนหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีก่อการร้าย ได้มีการเรียกประชุม นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด นายอิทธิพร บุญประคอง อธิบดีกรมสนธิสัญญาระหว่างประเทศ กระทรวงต่างประเทศ อย่างเคร่งเครียด

ร่วม 2 ชั่วโมง ในการวางแนวทางขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าเป็นผู้ร้ายข้ามแดน หารือกันเครียดเกี่ยวกับกฎหมาย ตลอดจนระเบียบปฎิบัติ ทั้งภายในประทศและต่างประเทศ เพื่อที่จะดำเนินการในเรื่องที่จะให้ได้ตัวผู้ต้องหาที่อยู่ในต่างประเทศ เพื่อเอาตัวมาดำเนินการภายในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย

เพราะเรื่องนี้ไม่เพียงเป็นการปฎิบัติ ที่ต้องคำนึงถึงกฎหมาย ในของประเทศไทยและต่างประเทศแล้ว แต่ยังเป็นเรื่องที่ลึกๆ ประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศประชาธิปไตยทั้งหลายก็จับตามองดูอยู่ทั้งสิ้น... ว่าเป็นการใช้อำนาจที่เกี่ยวกับเหตุผลทางการเมืองหรือไม่??? ถ้ามีประเทศไหนคิดเช่นนั้น คำว่า “ลี้

ภัยการเมือง” ก็ย่อมจะต้องเกิดขึ้นตามมาได้เช่นกัน แต่ดูเหมือนนายธาริตจะมีความมั่นใจสูงว่า จะสามารถสร้างผลงานในเรื่องนี้ได้ดีกว่านายกษิต ซึ่งไล่ล่าตัว พ.ต.ท.ทักษิณมาเป้นปีแล้ว แต่ยังทำไม่สำเร็จ ดังนั้นหลังจากนี้ ดีเอสไอจะได้ส่งแจ้งเวียนหมายจับไปทั่วราชอาณาจักรไปยังเจ้าพนักงานที่มีอำนาจในการจับ

กุม ไม่ว่าจะเป็นเจ้าพนักงานดีเอสไอเอง หรือเจ้าพนักงานตำรวจ เพื่อขอความร่วมมือในการกระทำความผิด รวมถึงส่งไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หากว่ามีการเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยก็จะดำเนินการให้ได้ตัวกลับมาด้วย “ส่วนการดำเนินการของต่างประเทศ ซึ่งต้องคำนึงถึงกฎหมายสนธิสัญญา

ระเบียบปฏิบัติของต่างประเทศด้วย ขั้นตอนที่จะดำเนินการต่อไปคือเป็นเรื่องของความร่วมมือ ไปยังประเทศต่างๆ เพื่อขอทราบเบาะแสเป็นการสืบค้นข้อมูลของผู้ต้องหาว่า พำนักพักนิงมีข้อมูลอยู่ที่ใด เพื่อจะได้ดำเนินการนำตัวมาดำเนินการในกระบวนการสอบสวนในประเทศ การขอความร่วมมือดังกล่าวจะผ่าน

ทางตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพลด้วย”นายธาริตยืนยันอย่างนั้น ยังดีที่นายธาริตเอง ก็ยังยอมรับว่า ในการขอความร่วมมือระหว่างประเทศ ต้องคำนึงถึงความสำคัญว่า รัฐบาลไทยเป็นฝ่ายร้องขอ แต่ผู้รับการร้องขอคือต่างประเทศ ซึ่งแต่ละประเทศก็คงจะต้องพิจารณาในเงื่อนไขสำคัญที่เป็นกฎหมายภายในของตนเอง

ฉะนั้นผลจะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องภายในของแต่ละประเทศที่ดีเอสไอจะไปก้าวล่วงตอบแทนไม่ได้ ทำได้แค่พยายามในฐานะผู้ร้องขอเท่านั้น!!! แต่แค่นี้ก็บอกได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังถูก “กระชับพื้นที่” ไม่ต่างจากที่กลุ่มคนเสื้อแดงเคยโดนมาแล้วนั่นเอง ซึ่งนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ก็

ยอมรับว่า การที่ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับคดีก่อการร้ายครั้งนี้ มีผลกระทบต่อการเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณไม่มากก็น้อย ขึ้นอยู่กับอัยการว่า จะดำเนินการส่งเรื่องไปยังแต่ละประเทศอย่างไร และแต่ละประเทศจะเห็นด้วยต่อหมายจับดังกล่าวหรือไม่ นายนพดลให้เหตุผลว่า แม้ข้อหาก่อการร้ายของ พ.ต.ท.

ทักษิณ เป็นข้อหาที่รุนแรง แต่ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงที่เบาหวิวที่สุด เพราะการนำหลักฐานคลิป ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ วีดีโอลิงค์ ระบุว่า หากเกิดการสลายการชุมนุมที่ กทม. ขอให้ประชาชนไปรวมตัวกันที่ศาลากลาง มาเป็นหลักฐานในการออกหมายจับข้อหาก่อการร้ายนั้น ถือว่าไม่เป็นธรรม เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ แค่บอก

ให้ประชาชนไปชุมนุมที่ศาลากลาง เพื่อเรียกร้องสิทธิของประชาชน ไม่มีนัยยะว่า ให้ไปเผาศาลากลาง แต่ดีเอสไอกลับมีการนำข้อความดังกล่าวไปตีความว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยุให้มีการเผาศาลากลาง “ขอวิงวอนว่า อย่าใช้ข้อหาก่อการร้ายมาตรึง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ให้กระดิกตัวได้ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณก็อยากให้บ้าน

เมืองเกิดความปรองดอง แต่การมากล่าวหาพ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ก่อการร้าย เป็นวิธีการสร้างความปรองดองแล้วหรือ” นายนพดลกล่าวทิ้งท้าย เรียกว่า การทำงานของดีเอสไอ ของนายธาริต เที่ยวนี้ ไม่ว่าอย่างไรต้องถือว่าผลงานเข้าตากรรมการอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยรู้สึกว่าถูกกระชับ

พื้นที่ และนายนพดลก็ไม่เคยเอ่ยปากยอมรับในเรื่องผลกระทบเหมือนในครั้งนี้ จึงไม่แปลกที่ในการอภิปรายเรื่องงบประมาณ จึงมีเรื่องของ ดีเอสไอ เข้ามาเป็นประเด็นให้สังคมต้องจับตามอง ว่ามีการรายการตอบแทนน้ำใจตอบแทนผลงานกันขึ้นหรือไม่??? โดย ร..ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย

อภิปรายหยิบยกประเด็นในเรื่องการตั้งงบประมาณให้กับ ดีเอสไอ เป็นจำนวน 736 ล้านบาท ว่าจะให้เข้าใจอย่างไร!!! “กรมสอบสวนคดีพิเศษไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามหลักนิติรัฐนิติธรรม ทำตัวเป็นทาสรับใช้ จึงขอตัดงบประมาณที่ตั้งไว้ทั้งหมด 736 ล้านบาททั้งหมด”ร.ต.อ.เฉลิมพูดชัดในสภา งานเข้าดีเอสไอ ยุคนายธาริต

ทันทีว่า ผลงานและแผนงานของ ดีเอสไออะไรบ้าง ที่ทำให้สมควรได้รับงบประมาณ 736 ล้านบาทอย่างที่รัฐบาลวางแผนจัดสรรให้ อย่างไรก็ตาม ทั้งหหมดสะท้อนให้เห็นปรากฏการณ์หนึ่งที่ชัดเจน และทำให้สังคมไทยยังรู้สึกเครียดก็คือ หากยังมีกระบวนการที่สะท้อนภาพการไล่ล่ากันเช่นนี้ แล้วความปรองดองที่

นายอภิสิทธิ์กล่าวนั้น จะเกิดขึ้นได้อย่างไรแล้วความสงบที่แท้จริงในสังคมไทยจะกลับคืนมาเมื่อไหร่วันนี้ทุกฝ่ายน่าที่จะต้องเร่งหาคำตอบกันอย่างจริงๆ จังๆ เสียทีแล้วว่าอยากให้ปัญหาจบ หรือ ไม่จบกันแน่???และถึงเวลาที่จะต้องทำเพื่อชาติด้วยกันทุกฝ่ายหรือยัง!!!

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker