สำนักข่าวซินหัวได้วิเคราะห์สถานการณ์วิกฤตการเมืองไทย ด้วยหัวเรื่องว่า"การประท้วงยุติแต่ความขัดแย้งยังคงอยู่ในเมืองไทย"โดยอ้างทัศนะของหลิง เชา ผุ้เชี่ยวชาญด้านกิจการไทยระบุว่า แม้ว่าชีวิตของคนกรุงเทพจะกลับคืนสู่ปกติ ภายหลังทหารรัฐบาลได้ยุติปฎิบัติการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นเวลา 2 เดือน สามารถระงับความรุนแรงไปได้
แต่ความขัดแย้งทางการเมืองที่ซ่อนตัวยังไม่ถูกขจัด และความขัดแย้งทางสังคมที่ฝักรากลึกยังคงมีอยู่เช่นเดิม โดยเขาเชื่อว่า ปฎิบัติการทางทหารของกองทัพ จะช่วยแค่หยุดการประท้วงของกลุ่มคนเสื้อแดงได้ชั่วคราว ขณะที่ฉากการเมืองในอนาคตจะขึ้นอยู่ความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงที่ขณะนี้ซ่อนตัวอยู่หลังฉาก
หลิงชึ้ว่า กรณีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.).9 คน ถูกควบคุมและการสลายการชุมนุมของฝูงชน แต่ยังเกิดเหตุกล่มชนเสื้อแดงจลาจลเผาอาคาร 28 แห่งในกรุงเทพ รวมทั้งตลาดหุ้นและห้างเซนทรัลเวิล์ด ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคเอเชีย สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างแกนนำกับเหล่าสมาชิก ระดับฝังรากแน่นในหลายภาคส่วนสังคมในเมืองไทย
สาเหตุของความผันผวนทางการเมืองของไทยมาจากการเผชิญหน้ากับระห่างนโยบายประชาธิปไตยใหม่ของทักษิณ กับโครงสร้างสังคมเดิมที่เป็นอยู่ โดยนโยบายของทักษิณของให้สิทธิประโยชน์แก่คนยากจน และขัดขวางผลประโยชน์ของชนชั้นกลาง ขณะที่การเผชิญหน้าเหล่านี้ได้เขย่าฐานของโครงสร้างสังคมเดิม และมัจะต้องใช้เวลายาวนานสำหรับสังคมเดิมที่จะต้องปรับตัวเอง